'ดร.วินัย'บอกที่มาที่ไปถึงความยิ่งใหญ่ของธงชาติจุฬาฯ


เพิ่มเพื่อน    

03 มี.ค.2563 -  ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความพร้อมรูปบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “นิสิตจุฬาฯคนนั้นกับประเด็นธงชาติหน้าหอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์ฯ” มีเนื้อหาว่า เวลานี้ในโลกออนไลน์ ใครต่อใครพากันแชร์กรณีนิสิตหญิงจุฬาลงกรณ์คนหนึ่งพยายามชักธงชาติไทยลงจากเสาธงหน้าหอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อนำธงดำขึ้นแทนเมื่อไม่กี่วันมานี้ เธอกรีดร้องขณะเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยเข้าห้ามปราม คำโต้แย้งของเธอคือใครๆ ก็ทำได้ ข้อเรียกร้องของเธอเป็นประเด็นการเมืองนอกมหาวิทยาลัยที่ลุกลามเข้ามาภายใน สิ่งที่นิสิตหญิงผู้นั้นหรือทีมงานของเธอพยายามทำจะว่าเป็นเพราะความไม่รู้ก็ว่ากันไป ในความไม่รู้มีบางเรื่องจำเป็นต้องให้เธอและสังคมได้ทราบ เรื่องที่ว่านั้นคือธงชาติไทยบนเสาธงหน้าหอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีอดีตที่เกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่เธอเกิด เป็นเรื่องราวที่ผ่านมาเนิ่นนานกระทั่งหลายคนพากันลืมเลือนไปหมดแล้ว

ย้อนหลังกลับไปใน พ.ศ.2490 (หากข้อมูลผิดพลาดต้องขออภัย) สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) สร้างเสาธงในสนามหน้าสถานทูตด้านติดถนนเพลินจิตมีการกล่าวอ้างกันว่าสูงที่สุดในประเทศไทย บังเอิญห้วงเวลานั้นสหราชอาณาจักรมีข้อพิพาทกับประเทศไทยอยู่เล็กน้อยในประเด็นที่ค้างคามาจากสงครามที่เพิ่งจบสิ้นลงไปไม่ถึงทศวรรษ ช่วงเวลาหลังจากนั้นไม่นานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดสร้างเสาธงหน้าหอประชุมใหญ่สูงที่สุดในประเทศไทย เบื้องหลังจะมีอะไรหรือไม่นั้นไม่ทราบ เรื่องราวจะเป็นตามนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้แต่เวลานั้นกล่าวกันว่าเมื่อธงไตรรงค์ถูกชักขึ้นเสาธงหน้าหอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกคลับคล้ายเป็นการประกาศถึงศักดิ์ศรีความเป็นเอกราชของประเทศไทยยังไงยังงั้น 

เรื่องราวทั้งหมดเกิดก่อนผมเกิด ผ่านตาครั้งแรกขณะยังเป็นเด็กเรียนอยู่มัธยมต้น จะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่คงต้องหาหลักฐานยืนยัน มีเพียงสิ่งเดียวที่อยากให้ทุกคนได้รู้คือประเทศของเรามีความเป็นมายาวนาน มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรีที่ควรค่าต่อการสงวนรักษาไว้ แต่ละสถาบันการศึกษาต่างมีประเด็นประวัติศาสตร์ของชาติหรือแม้กระทั่งของท้องถิ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ใครดูแลส่วนใดก็ควรทำกันให้เต็มที่ในส่วนนั้น กรณีธงชาติบนเสาธงหน้าหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลายคนอาจลืมเลือนกันไปแล้ว ขณะที่ผมเองยังคงภูมิใจในห้วงหัวใจลึกๆ นิสิตหญิงคนนั้นเมื่อได้รู้ความเป็นมาเชื่อว่าเธอคงสงบลง เชื่อด้วยว่าสังคมคงให้อภัย สิ่งที่บ้านเมืองของเราต้องการเวลานี้คือความมีสติ ยังมีปัญหาอีกมากที่ต้องช่วยกันแก้ ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นมิใช่หรือ
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"