"บิ๊กตู่" ลุยหามาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 "สธ." พบสาวไทยวัย 22 ติดเชื้อเพิ่ม 1 รายจากสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยขับรถให้นักท่องเที่ยว พร้อมขยายเกณฑ์เฝ้าระวังกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินหายใจ-โรคปอดอักเสบ "ตม." ตรวจเข้มผีน้อยกลับจากเกาหลีใต้ "อนุทิน" ยันยังไม่ประกาศเป็นระยะ 3 ถกอุปทูตจีนขอซื้อยาสกัดโควิด "มท." เตรียมชง ครม.อังคารนี้ของบกลาง 250 ล้านให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากอนามัยเอง
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเปิดจุดคัดกรองที่ตึกสันติไมตรี ซึ่งระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมจะมาเป็นประธานพิธีมอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้งและเตรียมการเก็บน้ำฤดูฝนปี 2563 โดยมีข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานจำนวนมาก ก่อนเข้างาน พล.อ.ประยุทธ์ได้ตรวจวัดไข้และใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือตามที่เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจเอาไว้
ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หลังเดินทางไปราชการประเทศญี่ปุ่น 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางเข้าทำเนียบฯ แล้วด้วยสีหน้าและท่าทีที่ปกติ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหลังเป็นประธานมอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้งและเตรียมการเก็บน้ำฤดูฝนปี 2563 ว่า สิ่งที่บอกเอาไว้ว่าตนจะพูดในวันจันทร์และวันอังคารก็คือเรื่องไวรัสโควิด-19 ที่เรากำลังเตรียมการอยู่ อาทิ มาตรการลดผลกระทบจากโควิด-19
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้เปิดจุดคัดกรองในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะถือว่ามีข้าราชการเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบฯ เป็นจำนวนมาก จึงจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล โดยเฉพาะเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยจะต้องมีไว้ทุกจุดที่มีคนเข้าออก
"จะมีการหารือเพื่อขอให้กรมประชาสัมพันธ์ช่วยชี้แจงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว" รมต.ประจำสำนักนายกฯกล่าว
ขณะที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า ได้รับการยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย เป็นหญิงไทยอายุ 22 ปี อาชีพดูแลนักท่องเที่ยว เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 37 (ชายไทยพนักงานขับรถให้นักท่องเที่ยว) ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 11 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย ขณะที่มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้าน 1 รายเป็นหญิงไทยอายุ 43 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี โดยติดมาจากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 43 ราย ทำให้ประเทศไทยมีสถิติอยู่อันดับที่ 14 ของโลก
"เพื่อให้การคัดกรองการติดเชื้อในชุมชนมีความครอบคลุมมากขึ้น สธ.ได้ปรับนิยามผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค โดยขยายเกณฑ์การเฝ้าระวังในการป่วยเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ของผู้มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจและโรคปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุจำนวน 5 คนขึ้นไป โดยพบผู้ป่วยในสถานที่แห่งเดียวกัน เช่นไปทัวร์เดียวกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน อยู่บ้านเดียวกัน อยู่ที่ทำงานเดียวกัน และในช่วงสัปดาห์เดียวกัน เพื่อเป็นการยกระดับความไวในการตรวจจับการติดเชื้อในชุมชน และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเข้าเกณฑ์หากมีอาการมีไข้ ไอผิดปกตินั้น ประชาชนสามารถโทร.เบอร์ 1422 ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเอง แต่จะมีรถสถานพยาบาลไปรับมาดูแล เพื่อป้องกันการสัมผัสและแพร่เชื้อไปยังคนอื่นหรือคนขับแท็กซี่" นพ.สุขุมกล่าว
ปลัด สธ.เตือนประชาชนว่าหากจะเดินทางไปประเทศใดในช่วงนี้ ก็มีข้อมูลข่าวสารออกมาเป็นระยะ ให้ติดตามดูว่าหากประเทศใดมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากๆ อย่างกรณีประเทศนอร์เวย์, ยูเครน, สเปน ฯลฯ ก็ขอให้ระมัดระวังในการเดินทางไปประเทศนั้นๆ
ถกจีนซื้อยาสกัดโควิด
"ไม่ได้ห้ามหรือบังคับว่าไม่ให้เดินทางไปประเทศใด แต่ขอความร่วมมือว่าหากไปประเทศที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ เดินทางกลับมาแล้วขอให้กักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง รวมทั้งคนในสังคม" ปลัด สธ.กล่าว
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 และจำนวนหน้ากากอนามัยที่มีเวลานี้องค์การเภสัชกรรมมีสต็อกเพียงพอสำหรับองค์กรทางการแพทย์ แยกกับที่นำมาแจกให้ประชาชน ส่วนผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ 11 ประเทศเดิม และประเทศเยอรมนีกับฝรั่งเศส ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคอยู่ขณะนี้ จะต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการตนเอง กักตัวอยู่บ้าน 14 วัน
ถามว่าผีน้อยหรือคนไทยที่เข้าไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้เรียกร้องให้ทางการไทยช่วยเหลือ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่าจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนการกลับมาจากประเทศลกลุ่มเสี่ยงจะต้องมีการตรวจคัดกรองและเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แรงงานไทยที่ลักลอบเข้าประเทศเกาหลีใต้ผิดกฎหมายสามารถกลับไทยได้อยู่แล้ว เป็นสิทธิ์ของเขา เราจะไปเนรเทศเขาออกนอกประเทศไม่ได้ การจะเข้าประเทศไทยไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ทางเกาหลีใต้จะให้ผ่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศเกาหลีใต้ได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า แรงงานไทยผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้ที่ติดต่อมอบตัวกับ ตม.เกาหลีใต้ กลุ่มนี้จะกลับมาในฐานะผู้ส่งกลับโดยการเนรเทศกลับ ซึ่งสถานะส่วนใหญ่จะเป็นโอเวอร์สเตย์ มีจำนวนเท่าใดยังไม่ทราบแน่ชัด โดยสายการบินที่ส่งกลับจะรับตัวแล้วพากลับเข้ามายังท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
"การเข้าประเทศ ตม.มีมาตรการสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว โดยแยกโซน หลุมจอดเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ให้มีปะปนกับผู้โดยสารอื่นๆ โดยกลุ่มที่จะถูกส่งกลับมาจากเกาหลีใต้นี้ก็ได้มีการแยกโซนไว้เฉพาะเช่นกันเพื่อตรวจคัดกรอง โดยเครื่องเทอร์โมสแกน ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ หากพบอาการจะถูกส่งต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูรทันที ถ้าหากไม่มีก็จะให้กลับไปพักและต้องกักตัวเองภายในที่พักอาศัย 14 วันตามขั้นตอน" รองโฆษก ตร.กล่าว
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวหลังหารือกับรักษาการอุปทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยว่า เราได้ติดต่อผ่านสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเพื่อขอให้ช่วยเจรจากับบริษัทผู้ผลิตยา ที่เพิ่งได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตยาที่ทางการจีนประกาศว่ามีสรรพคุณที่ใช้ได้ดีกับผู้ป่วย โดยให้ช่วยเจรจาเพื่อให้ทางการไทยซื้อยาตัวนี้ได้ โดยขอให้เป็นนโยบายพิเศษ เพราะขณะนี้ทางการจีนยังไม่อนุญาตให้มีการขายยาตัวนี้ออกนอกประเทศ เนื่องจากในประเทศเขาเองยังมีความต้องการมาก แต่เราบอกเขาว่าความจริงที่ต้องการยาตัวนี้มาเพื่อนำมารักษาคนจีนที่ป่วยในประเทศไทย จึงขอให้ช่วยประสานงานเพื่อให้เราซื้อได้ ซึ่งจีนก็ให้ความร่วมมือเต็มที่
"องค์การเภสัชกรรมได้ยามาส่วนหนึ่งแล้วจากบริษัทผู้ผลิต ซึ่งใช้คอนเนกชันในการที่เป็นผู้ผลิตยาด้วยกัน นำเข้ามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยาที่อยู่ในสต็อกของกระทรวงสาธารณสุข หากสถานการณ์ไม่บานปลายไปมากกว่านี้เราก็มีมากเพียงพอที่จะเอามารักษาผู้ป่วยได้" นายอนุทินกล่าว
สธ.ยังไม่ปรับขึ้นระยะ 3
รองนายกฯ กล่าวว่า ขอย้ำว่ายาไทยที่เราผลิตเองก็รักษาได้ อย่างกรณีที่ใช้กับผู้ป่วยที่ รพ.ราชวิถีก็สามารถยับยั้งอาการของโรคนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นตามข่าวที่ว่าเราขาดยา ไม่มียารักษาโควิด-19 นั้นไม่เป็นความจริง ยิ่งตอนนี้เรายิ่งมีความมั่นใจยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดูจากผู้ป่วย 43 ราย เสียชีวิตไป 1 ราย ซึ่งการเสียชีวิตยังต้องไปดูว่าเสียชีวิตด้วยโควิด-19 หรือโรคอื่นที่ผู้ป่วยเป็นอยู่แล้ว เพราะตอนผู้ป่วยเข้ามารักษาตัวมีอาการค่อนข้างหนักอยู่แล้ว แต่ในผู้ป่วย 43 คนกลับบ้านไปแล้ว 28 คน ดังนั้นมีผู้ป่วยอยู่ 13-14 คน ซึ่งรักษาโดยใช้ยาของเราเอง ขณะนี้พยายามเร่งผลิตให้เพียงพอกับความต้องการและยืนยันว่าเพียงพอแน่นอน
"ปัจจุบันต้องยอมรับโควิด-19 ยังไม่มียารักษา แต่ยาที่ใช้เป็นลักษณะของการประคองอาการให้ผู้ป่วยสามารถสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับโรคได้ ขอให้มั่นใจว่ายาเรามีพร้อมและสามารถนำมาใช้รักษาประคองอาการโควิด-19 ได้" รองนายกฯ กล่าว
ถามว่าจะประกาศสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ขึ้นระดับ 3 หรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า "ยัง ถ้าในทางการแพทย์ตอนนี้ยังไม่ใช่ระยะที่ 3 เพราะระยะที่ 3 ต้องเป็นการติดต่อจากคนสู่คนในประเทศในลักษณะที่เป็นคนหมู่มาก ตอนนี้เรายังอยู่ในระยะที่ 2 อยู่ ไม่ต้องกังวลกันมาก เพียงแต่ทุกคนต้องช่วยกันดูแลให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย"
ซักถึงเรื่องหน้ากากอนามัย นายอนุทินกล่าวว่าส่วนใหญ่ควรให้ผู้ป่วยเป็นผู้ใส่ เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังผู้อื่น ส่วนผู้ที่ไม่ป่วยนั้นไม่จำเป็น ส่วนที่มีการขาดตลาดนั้น เรารู้ว่ามีการกักตุน ซึ่งกรมการค้าภายในคงมีการดำเนินการไปตามกฎหมาย แต่อยากฝากให้ทุกคนใช้หน้ากากที่ทำมาจากผ้า และสามารถนำมาซักได้ เพราะเราต้องการแค่ปิดอวัยวะที่รับเชื้อได้เท่านั้น หากส่วนใหญ่ใช้หน้ากากที่ทำจากผ้ากันเอง คนที่กักตุนไว้จะนำออกมาขายแน่นอน
จากนั้นนายอนุทินเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโตจีพี ประจำปี 2562-2563 (2 ปี) ครั้งที่ 2/2563 พร้อมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้เลื่อนการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโตจีพี ในวันที่ 20-22 มี.ค.นี้ออกไปก่อน เนื่องจากในขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังมีสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
เช่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้เลื่อนการแข่งขันกีฬาภายในกองทัพบก ครั้งที่ 70 ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่ 6-11 มี.ค.63 โดยครั้งนี้กองทัพภาคที่ 2 เป็นเจ้าภาพ แข่งขันที่สนามกีฬากลางภายในจังหวัดนครราชสีมา ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดและโฆษก ศธ.กล่าวว่า ศธ.ได้มีหนังสือขอความร่วมมือหน่วยงานในสังกัด ศธ. แจ้งสถานศึกษาในสังกัดให้ชะลอการนำนักเรียน นักศึกษาเข้าค่ายพักแรมลูกเสือไว้ก่อน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และ สป.ศธ.ยังได้มีหนังสือแจ้งขอความร่วมมือไปยังศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ชะลอการจัดกิจกรรมลูกเสือหรือยุวกาชาดที่มีลักษณะเป็นการอยู่ร่วมกันของกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น การฝึกอบรม การอยู่ค่ายพักแรม เป็นต้น
"กรณีที่โรงเรียนดำเนินการสอบปลายภาคเสร็จสิ้นแล้ว ให้สถานศึกษาประกาศปิดภาคเรียนและไม่ควรดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ต่อไป" ปลัด ศธ.กล่าว
มท.ของบผลิตหน้ากาก
ด้าน น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องยอมรับความจริงว่าหน้ากากอนามัยขาดแคลน ถ้าฟังประชาชนเตือนว่าหน้ากากขาดแคลนตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.แล้วรีบหาสาเหตุของปัญหา หาทางแก้ไขตั้งแต่ตอนนั้น โดยนายกรัฐมนตรีไม่ออกมาปฏิเสธที่จะฟังประชาชน ไปตรวจสอบตั้งแต่เวลานั้นก็จะได้ข้อเท็จจริง เราจะไม่มาถึงจุดที่โรงพยาบาลเอกชนหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ทั้งที่โรงงานยังคงผลิตหน้ากากตามปกติวันละล้านกว่าชิ้น
"แม้ช่วงปลายเดือน ก.พ.รัฐบาลจะมาแก้ปัญหาโดยกำหนดให้หน้ากากเป็นสินค้าควบคุม ห้ามกักตุน ห้ามโก่งราคา และห้ามส่งออก แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว ความเดือดร้อนตกอยู่กับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ กระทั่งสมาคมโรงพยาบาลเอกชนยังต้องเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้โดยด่วน" โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว
อย่างไรก็ตาม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์กังวลในเรื่องหน้ากากอนามัยที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จึงได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์กระจายสินค้าหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึง โดยการประชุมแนวทางบริหารจัดการหน้ากากอนามัย รัฐบาลได้เชิญโรงงานผู้ผลิตมาร่วมหารือด้วย 10 โรงงาน เพื่อขอให้เพิ่มกำลังการผลิต จากเดือนละ 30 ล้านชิ้น เป็นเดือนละ 35-40 ล้านชิ้นถ้าเป็นไปได้
"พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เตรียมขออนุมัติงบกลางในที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 3 ม.ค.นี้ วงเงิน 250 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อวัตถุดิบให้ท้องถิ่นผลิตหน้ากากใช้กันเอง พร้อมกันนี้นายกฯ ยังได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมาตรการป้องกันและควบคุมการรับมือเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ให้ชัดเจนเข้าสู่ในที่ประชุม ครม. ทั้งเรื่องหน้ากากอนามัย และการเดินทางไปต่างประเทศจะห้ามเดินทางไปประเทศใดบ้าง โดยหลังการประชุม ครม.จะมีแถลงความชัดเจน" นางนฤมลกล่าว
ถามถึงเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัย โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ได้เรียกอธิบดีกรมการค้าภายในมาคุยแล้ว ให้เคร่งครัดจับกุมลงโทษอย่างจริงจังในกรณีกักตุนและขายเกินราคา
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย โดยมีตัวแทนกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายจุรินทร์กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัย 11 โรงจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข 30 เปอร์เซ็นต์ หรือจำนวน 10 ล้านชิ้นแก่สถานพยาบาลทั่วไปทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนที่เหลือกระทรวงพาณิชย์จะนำไปบริหารจัดการให้ทั่วถึง อย่างเช่นที่ทำเนียบฯ ดังนั้นต้องมาดูปัญหาว่าทำไมหน้ากากอนามัยยังขาดแคลนอยู่ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนที่มีการร้องเรียนมา
"เรื่องของกำลังการผลิต ตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากจีนได้ จึงจะต้องนำเข้าจากอินโดนีเซียแทน ซึ่งภาครัฐจะให้การสนับสนุน และจะขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนเพิ่มกำลังการผลิต" นายจุรินทร์กล่าว
ถามถึงการขายหน้ากากอนามัยเกินราคา รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์กล่าวว่า หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดไปแล้วหลายราย โดยมีการจับกุมไปแล้ว 51 ราย ทั้งผู้ค้าออนไลน์และผู้ค้าทั่วไป 31 ราย โดยมีโทษสูงสุดคือจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท 20 ราย ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
"เพื่อเป็นการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน ในวันที่ 5 มี.ค นี้ กรมการค้าภายในจะจัดคาราวาน 111 คัน ให้มูลนิธิธงฟ้านำหน้ากากอนามัยออกจำหน่ายทั่วประเทศ หมุนเวียนไปตามชุมชนต่างๆ" รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |