รูปขึ้นปกนิตยสาร New Yorker เล่มล่าสุดคือข้อสรุปของนักวิเคราะห์ในอเมริกาต่อโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าด้วยโรคระบาด Covid-19 อย่างไม่ต้องถามซ้ำอีก
นักเขียนการ์ตูนล้อเลียนคนนี้ให้ทรัมป์เอาหน้ากากอนามัยไปปิดตาแทนที่จะปิดปากและจมูกเท่ากับปิดตาตัวเอง ไม่รู้ไม่เห็นความรุนแรงของปัญหา ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถจะป้องกันไวรัสเข้ามาคุกคามตัวเองได้
ความหมายคือ ประธานาธิบดีสหรัฐคนนี้ไม่รู้เรื่อง ไม่ทำการบ้าน ไม่ถามหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลย
เมื่อผู้นำระดับโลกอย่างทรัมป์ไม่สนใจจะทำความเข้าใจกับเรื่องที่สำคัญอย่างนี้ ที่ชาวโลกกำลังตื่นกลัวกันขนาดนี้ก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย
ทรัมป์เปิดแถลงข่าวเรื่องนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พูดวกไปวนมาอยู่หนึ่งชั่วโมง ไม่มีเนื้อหาอะไรที่จะทำให้สบายใจได้ว่าเขารู้ว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
ยิ่งพอทรัมป์บอกว่า “แล้วมันก็จะหายไปเอง วันหนึ่งวันใดข้างหน้ามันก็จะหายตัวไปเหมือนปาฏิหาริย์เอง” ก็ยิ่งน่าตกใจ
อะไรคือ “ปาฏิหาริย์” ที่ผู้นำสหรัฐคนนี้พูดถึงหรือ? ไม่มีใครรู้ว่าทรัมป์หมายความว่าอะไร
รู้แต่ว่าเขากำลังภาวนาในใจว่าเจ้า Covid-19 จะไม่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจสหรัฐมากไปกว่านี้เท่านั้น
เพราะทรัมป์สนใจแต่เพียงตัวเลขเศรษฐกิจ ไม่ใส่ใจว่าความเป็นอยู่ของผู้คน สาธารณสุข หรือปัญหาการดำรงชีวิตประจำวันท่ามกลางตัวเลขของคนติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นทุกวันจะเลวร้ายลงไปอีกอย่างไร
ทรัมป์จะสนใจเรื่องนี้ก็ต่อเมื่อมีใครไปวิเคราะห์ให้เขาฟังว่าถ้าเจ้าไวรัสวายร้ายตัวนี้ไม่หยุดอาละวาดไปทั่วโลก เขาอาจจะแพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้ก็ได้
แต่วันนี้ทรัมป์ยังไม่เชื่อ หรือยังไม่มีความเข้าใจถึงภัยคุกคามของไวรัสตัวนี้ต่อคนอเมริกันและชาวโลกอย่างน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ตัวเลขทางการของคนติดเชื้อในอเมริกามี 60 คน
แต่รัฐแคลิฟอร์เนียไม่รอทำเนียบขาวแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐนี้ประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” แล้วเพื่อที่จะสามารถใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการสั่งการให้สกัดกั้นการกระจายตัวของไวรัสตัวนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ที่น่าตกใจคือ รัฐนี้รายงานว่ากำลัง “เฝ้าระวังและติดตามผลการตรวจ” ของคนกว่า 8,400 คน
ที่ยิ่งทำให้ผู้คนกระวนกระวายก็คือ รายงานทางการที่ยืนยันว่าได้มีรายแรกที่แพร่จากคนป่วยในประเทศไปถึงคนในประเทศอีกคนหนึ่งโดยที่ไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับอู่ฮั่นแต่อย่างใด
ทรัมป์ประกาศตั้งรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นหัวหน้าทีมที่จะทำศึกสงครามกับ Covid-19 โดยมีบุคลากรจากวงการแพทย์และจากหน่วยควบคุมและป้องกันโรคระบาดที่ชื่อ CDC (Center for Disease Control and Prevention) มาทำหน้าที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการเป็นหลัก
หลังจากนั้นวันเดียวก็มีรายงานว่ามีคนอเมริกันคนแรกเสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วที่รัฐวอชิงตันทางตะวันตก
ปัญหาของทรัมป์คือไม่ไว้ใจรัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการมนุษย์ที่ชื่อ Alex Azar ในการทำหน้าที่นี้ แต่มอบหมายให้รองประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าแทน เพราะเขาจะได้สั่งการตามลำดับความสำคัญของการเมือง...ไม่ใช่เรื่องสาธารณสุข
พูดง่ายๆ คือทำเนียบขาวยึดงานด้านการสู้กับ Covid-19 ไปจากกระทรวงสาธารณสุข จึงเกิดความสับสนงุนงงให้กับประชาชนคนอเมริกันไปทั่ว
แรกเริ่มเดิมทีนั้นทรัมป์พยายามจะบอกว่าเรื่องโครานาไวรัสตัวนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ขอให้ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุขออกมาพร้อมคำเตือนที่หนักหน่วงกว่าน้ำเสียงของทำเนียบขาว
ทรัมป์ยัวะเพราะข่าวเตือนภัยไวรัสทำให้ตลาดหุ้นและการเงินร่วงกันระนาว
ทุกครั้งที่หุ้นขึ้น ทรัมป์จะอ้างเป็นผลงานของตนเอง
และทุกครั้งที่หุ้นร่วงหนัก เขาจะชี้นิ้วไปที่อื่น
ทำนอง “เอาดีใส่ตัว โยนความชั่วให้คนอื่น”
แม้องค์การอนามัยโลกจะประกาศยกระดับความเสี่ยงของโรคระบาดครั้งนี้จาก “สูง” เป็น “สูงมาก” ทรัมป์ก็ยังทำตัวขวางโลก
เหมือนที่เขาไม่เชื่อว่าปัญหาโลกร้อนมีอยู่จริง
จึงถอนสหรัฐออกจาก Paris Agreement จนกลายเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจไปทั่วโลก
เหตุผลสำคัญคือ ทรัมป์ไม่ต้องการให้ผลพวงทางลบของ Covid-19 มาทำให้คะแนนนิยมทางการเมืองของเขาลดลง...เพราะสำหรับทรัมป์ทุกอย่างพุ่งตรงไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น!
อะไรๆ ที่อยู่นอกเหนือเรื่องนี้ล้วนเป็นเรื่องรองลงไปทั้งสิ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |