'เกศปรียา'ผิดหวังรัฐบาลถ้ายอมรับความจริงหน้ากากอนามัยขาดแคลน เราคงไม่มาถึงจุดนี้


เพิ่มเพื่อน    

2 มี.ค.63 -  น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องยอมรับความจริงว่าหน้ากากอนามัยขาดแคลน ถ้าฟังประชาชนเตือนว่าหน้ากากขาดแคลนตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์แล้วรีบหาสาเหตุของปัญหา หาทางแก้ไขตั้งแต่ตอนนั้น โดยนายกรัฐมนตรีไม่ออกมาปฏิเสธที่จะฟังประชาชน เช่นที่คุณประยุทธ์พูดกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ว่า “ที่บอกว่าไปซื้อแพ็กละ 450 บาท ไปซื้อที่ไหนมา นั่นเป็นอีกแบบที่ป้องกัน PM 2.5 หรือไม่ ไปซื้อแบบนั้นมาก็แพง แบบนั้นราคาอันละ 30-40 บาท แต่แบบธรรมดาอันละไม่ถึง 5 บาท ขออย่าเอามาตีกันไปกันมาคนละเรื่องกันหมด” ผู้สื่อข่าวกล่าวตอบว่า “ขณะนี้หน้ากากอนามัยขาดตลาด” คุณประยุทธ์ พูดขึ้นทันทีว่า ”ขาดตลาดได้อย่างไร กระทรวงพาณิชย์ก็ยืนยันว่า มี” เมื่อแจ้งว่าร้านขายยาแถวโรงพยาบาลศิริราชไม่มีแล้ว นายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวสั่งให้ แล้วร้านค้าทำไมไม่ซื้อ โรงงานผลิตได้วันนึงเป็นล้านๆ ชิ้น ทำไมล่ะ ไปซื้อเขา ถ้าไม่ซื้อแล้วบอกไม่มีได้อย่างไร เพื่อจะกักตุนกันหรือเปล่า ก็ของมันก็ต้องซื้อของขายสิจ๊ะ”

ถ้าคุณประยุทธ์บริหารงานเป็นและมีความเป็นประชาธิปไตยยอมรับฟังความเห็นของประชาชนและฝ่ายตรงข้ามโดยไม่มีอคติในใจ เกรงว่าคำแนะนำทั้งหมดจะทำให้คุณประยุทธ์สูญเสียอำนาจในการปกครองประเทศ คุณประยุทธ์ใช้กลไกของรัฐบาลไปตรวจสอบตั้งแต่เวลานั้นก็จะได้ข้อเท็จจริงว่า ‘หน้ากากขาดแคลนจากท้องตลาดจริงและไปถูกกักตุนอยู่ที่ใด’ เราจะไม่มาถึงจุดที่โรงพยาบาลเอกชนหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ ทั้งที่โรงงานยังคงผลิตหน้ากากตามปกติวันละล้านกว่าชิ้น แม้ว่าช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์รัฐบาลจะมาแก้ปัญหาโดยกำหนดให้หน้ากาก เป็นสินค้าควบคุม ห้ามกักตุน ห้ามโก่งราคา และห้ามส่งออก แต่ก็ไม่ทันการแล้ว ความเดือดร้อนตกอยู่กับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ กระทั่งสมาคมโรงพยาบาลเอกชนยังต้องเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้โดยด่วนในวันนี้ เพราะไม่สามารถจัดซื้อหน้ากากอนามัยได้ ด้วยเหตุผลที่ผู้ผลิตบอกว่า ‘ผลิตได้เท่าไหร่ต้องส่งให้กรมการค้าภายใน หากโรงพยาบาลเอกชนต้องการให้ติดต่อกรมการค้าภายในเอง’ เมื่อติดต่อได้รับคำตอบว่า ‘ต้องเข้าคิว’ ขณะที่ภาวะการขาดแคลนหน้ากากอนามัยอยู่ในขั้นวิกฤต หากรัฐบาลไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางหน้ากากอนามัยที่หายไปได้ ก็แสดงว่ามีคนใกล้ๆ เครือข่ายรัฐบาล ที่รวยจากการกักตุน และนำไปขายในล็อตใหญ่เอากำไรส่วนต่างเข้ากระเป๋าใช่หรือไม่

สะท้อนให้เห็นว่าในวิกฤตครั้งนี้ เป็นการด้อยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของรัฐบาล และเป็นความดื้อแพ่งไม่รับฟังความเห็นจากประชาชนของนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ เดือดร้อนจากการขาดแคลนหน้ากากซึ่งเป็นการซ้ำเติมทำให้ภาวะการระบาดของไวรัสโควิด 19 หนักขึ้นไปอีก ทำให้ภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดโทรมอยู่แล้วแย่ขึ้นอีก แต่จากความผิดพลาดของรัฐบาลกลับมีบางคน “ร่ำรวย” จากวิกฤต ‘การขาดแคลนหน้ากากอนามัย’ ครั้งนี้ คุณประยุทธ์อย่าลืมตรวจสอบ เส้นทางกักตุน หน้ากากอนามัย ก่อนที่ประชาชนจะเข้าใจว่า ผู้กักตุน คือ ผู้อยู่เหนือกฎหมาย จนใครเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"