จับตา'บิ๊กตู่2/2'มีเซอร์ไพรส์


เพิ่มเพื่อน    

    ครม.ประยุทธ์ 2/2 "บิ๊กตู่" ส่งซิกพรรคร่วมรัฐบาลตกลงกันเองปรับคน-เกลี่ยโควตา จับตามีเซอร์ไพรส์ เลขาธิการพรรค พปชร.ไม่ขานรับ สูตรพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนได้ ส.ส.เพิ่ม ได้เก้าอี้เพิ่ม จบซักฟอกแต่เพื่อไทยยังกัดกันไม่เลิก ก๊วนอีสานซัด วิปฝ่ายค้านกระจอก สั่ง ส.ส.กลับไปกลับมา ขอยำใหญ่อังคารนี้ 
    ความเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีรายงานจากแหล่งข่าวในพรรคร่วมรัฐบาลเปิดเผยว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้บอกกับบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนว่าจะมีการปรับ ครม. แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไร และระบุด้วยว่าจะไม่ปรับโควตาในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคใดดูแลกระทรวงใดอยู่จะยังได้ดูแลเหมือนเดิม เพียงแต่ให้แต่ละพรรคไปพิจารณาเป็นการภายในเองว่าจะปรับเปลี่ยนตัวบุคคลอย่างไรหรือไม่ ซึ่งการปรับ ครม.ครั้งนี้  ถือเป็นการปรับ ครม.ที่รูปแบบแปลกใหม่ ไม่เหมือนการปรับ ครม.ทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เรื่องการปรับ ครม.ในช่วงนี้มีข่าวค่อนข้างเยอะ เรื่องนี้มีการพูดกันไปในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตอบสื่อมวลชนว่ายังไม่ได้มีการปรับแต่อย่างใด ดังนั้นทุกอย่างที่พูดกัน สุดท้ายต้องให้เกียรตินายกฯ ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ถึงอย่างไรต้องฟังนายกฯ
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมี ส.ส.เพิ่มขึ้น จะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า คิดว่าเราคำนวณกันไปเอง และคาดกันไปว่าจำนวนจะเป็นสิ่งที่มีผล แต่นั่นเป็นการคาดเดาหรือประเมินสถานการณ์ไป ทั้งหมดยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในสิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงการคาดเดาของสื่อมวลชนจนมีการพูดกันไป อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารัฐบาลยังจะเดินไปข้างหน้า สามารถหาวิธีในการแก้ไขประเทศ ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นในเรื่องของการปรับ ครม. ให้นายกฯ เป็นผู้พิจารณา
    “คิดว่าท่านน่าจะไม่ได้เอาเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในการย้ายเข้าย้ายออกมาเป็นประเด็น ผมไม่ทราบจริงๆ อย่าเพิ่งคาดเดาไปล่วงหน้า เพราะยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร” นายสนธิรัตน์ กล่าว
    เมื่อถามว่า พรรคที่มี ส.ส.จำนวนมากขึ้น มีสิทธิ์ที่จะต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีมากขึ้น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามพรรคเหล่านั้น ทางเราคงตอบแทนไม่ได้
    เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐยังกล่าวถึงกรณีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุถึงสาเหตุที่ตัวเองมีข่าวลือจะถูกปรับ ครม. เพราะไม่มี ส.ส.ในมือ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นที่ต่างกัน คิดว่าเรารับฟังกันได้ แต่เราไม่น่าก้าวล่วงนายกฯ ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ รอให้ท่านได้ตัดสินใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือจะเดินหน้าอย่างไรก็ให้ฟังจากนายกฯ เท่านั้น
ปรับ ครม.พรรคเล็กลุ้นรักษาเก้าอี้ 
    อนึ่งปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.จากเดิมตอนจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคภูมิใจไทยในช่วงที่ผ่านมา จากเดิมมี ส.ส.ตอนตั้งรัฐบาล 51 คน ได้เก้าอี้รัฐมนตรี 7 คนเท่ากับพรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส. 52 คน ก็ได้โควตารัฐมนตรี 7 คนเท่ากัน แต่ปัจจุบันมีอดีต ส.ส.อนาคตใหม่มาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเพิ่มขึ้นรวม 10 คน คือ นางศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และอดีต ส.ส.อนาคตใหม่ ที่ย้ายมาตอนอนาคตใหม่ยุบพรรคอีก 9 คน รวมเป็น 10 คน จนทำให้เวลานี้พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.เป็น 61 คน เป็นพรรครัฐบาลอันดับสองรองจากพลังประชารัฐ แต่ข่าวหลายกระแสบอกว่าแกนนำพรรคภูมิใจไทยยังไม่คาดหวังว่าจะได้โควตารัฐมนตรีเพิ่มแต่อย่างใด แม้ก่อนหน้านี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังอดีต ส.ส.อนาคตใหม่ย้ายเข้าภูมิใจไทยจะมีกระแสข่าวว่า  หากมีการเจรจาปรับ ครม. อาจจะมีการต่อรองกันใหม่ โดยมีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์อาจต้องคืนโควตารัฐมนตรีให้รัฐบาล 1 เก้าอี้ ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวว่าพรรคขนาดเล็ก เช่นพรรคพลังท้องถิ่นไท ของนายชัชวาลล์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน ที่ตอนนี้ได้ ส.ส.เพิ่มเข้ามาอีก 2 คนที่มาจากอนาตใหม่ ทำให้มี ส.ส.รวม 5 คน เท่ากับพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่มี ส.ส. 5 คน ได้โควตา รมว.แรงงาน คือ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และมีมากกว่าพรรคชาติพัฒนาที่มีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็น รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่มี ส.ส. 3 คน  อีกทั้งนายชัชวาลล์ยังจับมือกับพรรคขนาดเล็กเช่นพรรครักษ์ผืนป่าแห่งประเทศไทยของนายดำรงค์ พิเดช รวมเสียงกันได้ประมาณ 7-8 เสียง จนมีข่าวว่าอาจจะได้โควตารัฐมนตรี 1 เก้าอี้ โดยมีกระแสข่าวว่ามีการวางตัวนายชื่นชอบ คงอุดม ลูกชายไว้เป็นรัฐมนตรี  
      เช่นเดียวกับที่ในพรรคพลังประชารัฐก็มีข่าวว่าแกนนำบางกลุ่มก็กำลังเตรียมเคลื่อนไหวหากมีสัญญาณการปรับ ครม.เช่น นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จนทำให้แกนนำและรัฐมนตรีบางคนในโควตาพลังประชารัฐที่มีข่าวจะถูกปรับออกเช่น นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม ออกมาเคลื่อนไหวแสดงความเห็นเรื่องนี้ผ่านพื้นที่โซเชียลมีเดียของตัวเอง ขณะที่รัฐมนตรีของพลังประชารัฐบางคน เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ แม้จะเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐภาคเหนือ และมีบทบาทในพรรคในฐานะมือประสานทางการเมืองให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ แต่ที่ผ่านมาก็มี ส.ส.ประชาธิปัตย์หลายคน ทั้งแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ายังไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงทำให้หลายฝ่ายต่างจับตาดูว่าจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของ ร.อ.ธรรมนัสอย่างไรในการปรับ ครม.ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งมีการมองกันว่า ช้าสุด พล.อ.ประยุทธ์น่าจะปรับ ครม.ในช่วงก่อนเปิดประชุมสภา 
    ด้านนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ อดีตโหรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างที่ตนกล่าวมาตั้งแต่ปลายปี 62 การปรับคณะรัฐมนตรีมีขึ้นแน่ไม่เกิน 2-3 เดือนหลังอภิปราย มี ครม.ประยุทธ์ 2 ที่หน้าตาน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม จะมีกลุ่มใหม่ๆ ออกมาช่วยขับเคลื่อนการทำงานรัฐบาล แต่ขอเตือนรัฐบาลไว้นิด กลุ่มต่างๆ ที่จะเข้ามาใหม่ ที่จะเข้ามาเสริม ขอให้ตระหนักการทำงานเพื่อรัฐบาล ทำหน้าที่เต็มที่ อย่าได้มีการแตกแยกเป็นมุ้งนั้นมุ้งนี้ พรรคนั้นพรรคนี้ ต้องเป็นทีมรัฐบาล ที่ผ่านมาสังเกตได้ว่าการทำงานเป็นลักษณะกลุ่มใครกลุ่มมัน มันไม่สมควร ขอคำนึงผลประโยชน์ส่วนรวม อย่าไปคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตน เพราะประชาชนได้เลือกมาเป็น ส.ส.มาเป็นรัฐบาล ประชาชนจับจ้องดูการทำงานอยู่ เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรตรวจสอบได้ ขอให้สามัคคี
     นายวารินทร์กล่าวว่า ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันอยู่ครบและมีหลายกลุ่มทยอยเข้ามา ประเภทว่าแบบไม่เผาผีกันก็มีเข้ามา หรือง่ายๆ คือกลุ่มที่อยู่ตรงข้ามจะเข้ามา เพราะเล็งเห็นประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เหมือนๆ ที่ตนเคยบอกคล้ายๆ รัฐบาลแห่งชาติ และยังฝ่ายค้านส่วนหนึ่งที่ยังทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และการปรับ ครม.ไม่น้อยกว่า 10-20 ตำแหน่ง เพราะพอรู้ว่าแต่ละคนทำงานเป็นอย่างไร โดยจะมีการปรับและเสริมเข้ามา ไม่นานเกินรอ ขณะที่ตำแหน่งหลักๆ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบางท่าน ส่วนแกนนำยังเป็น 3 ป. ทำงานร่วมกันอยู่ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลมีบางกลุ่มเข้ามาเสริม และบางกลุ่มในพรรครัฐบาลอาจมีการปรับออกไป สำหรับพรรคพลังประชารัฐอาจมีการปรับอยู่บ้าง  
ควันหลงเพื่อไทยยังฟัดกันไม่เลิก 
     นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมสภาฯ เพื่อลงมติไว้วางใจที่ผ่านมา โดยมีเพียง ส.ส.บางส่วนของพรรคเพื่อไทยที่เข้าร่วมประชุมว่า ตนก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าว เพราะหลังจากที่พรรคร่วมฝ่ายค้านประชุมในคืนวันที่ 27 ก.พ. และมีมติที่จะไม่เข้าร่วมเป็นองค์ประชุมและร่วมลงมติในวันที่ 28 ก.พ.นั้น ทางแกนนำได้แจ้ง ส.ส.ผ่านทางกลุ่มไลน์ให้สมาชิกกลับบ้านได้เลย ส.ส.ส่วนใหญ่ก็กลับบ้านกันหมด พอเช้าวันที่ 28 ก.พ.กลับไลน์มาแจ้งใหม่ว่า ส.ส.ท่านใดที่ประสงค์อยากจะร่วมประชุมสภาก็กลับมาร่วมได้ตามสะดวก 
    "ผมก็เป็นคนซื่อ แจ้งให้กลับก็กลับ พอถึงเวลามาพูดกลับไปกลับมาแบบนี้ มีเพียง ส.ส.ส่วนน้อยที่อยู่ในกลุ่มของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่ไม่ขาดประชุม แต่ ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคต้องขาดประชุม ทั้งๆ ที่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลถือเป็นการประชุมสำคัญ แต่พวกผมกลายเป็นคนที่ขาดประชุมเสียเอง ซึ่งไม่เคยมีประวัติการขาดประชุมสภาเลย ดังนั้นปัญหานี้จะต้องมีการพูดคุยกันในการประชุม ส.ส.ของพรรคในวันที่ 3 มี.ค.นี้ เพื่อหารือและกำหนดทิศทางการทำงานให้ชัดเจน ไม่ใช่คนหนึ่งพูดอย่างนี้ คนนี้พูดอย่างนั้น ไม่รู้ว่าต้องฟังใคร" นายสมคิดกล่าว 
    นายสมคิดกล่าวอีกว่า ได้คุยกับ ส.ส.อีสานหลายคน ส่วนใหญ่ต่างไม่สบายใจ และไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน เพราะตนก็เป็นหนึ่งในวิปฝ่ายค้านเหมือนกัน แต่กลายเป็นวิปที่ไม่มีราคา วิปกระจอก เหมือนถูกหลอก ไม่เคยขาดประชุมเลยก็ต้องมาขาด งานนี้คงต้องมียำใหญ่ใส่สารพัด ถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยต้องปฏิรูปเพื่อเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน
    วันเดียวกัน คณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ว่า ขอเรียนชี้แจงเกี่ยวกับภารกิจการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า หน้าที่ของคณะกรรมการกิจการพิเศษนั้น ทำหน้าที่ในส่วนของการสนับสนุนทางด้านข้อมูล ฝึกซ้อมผู้อภิปราย และคอยสังเกตการอภิปรายนอกสภาเท่านั้น คณะกรรมการกิจการพิเศษมิได้มีอำนาจหน้าที่ในการคัดเลือกตัวผู้อภิปราย หรือจัดสรรเวลาและควบคุมการอภิปราย รวมทั้งมิได้วางแผนว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีท่านใดทั้งสิ้น 
    แถลงการณ์บอกอีกว่า อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกิจการพิเศษขอเป็นกำลังใจให้กับคณะทำงานและผู้ที่อภิปรายในครั้งนี้ทุกท่าน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนจะเข้าใจและให้โอกาสพรรคเพื่อไทยได้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป โดยเรามีความเชื่อมั่นว่าประชาชนคือตัวแทนอำนาจประชาธิปไตยโดยแท้จริง และคณะกรรมการกิจการพิเศษขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อประชาชน
    เมื่อวันที่ 1 มี.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจ “ดัชนีการเมืองไทยครั้งที่ 7” โดยมีตัวชี้วัดรวม 25 ประเด็น เพื่อสะท้อนการเมืองไทยจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 2,474 คน ระหว่างวันที่ 23-29 ก.พ.63 
    สรุปผลได้ดังนี้ เมื่อถามถึงภาพรวม “ดัชนีการเมืองไทย เดือน ก.พ.63” คะแนนเต็ม 10 ได้เพียง 3.76 คะแนน ซึ่งเมื่อจำแนกตามตัวชี้วัด 25 ประเด็น เรียงลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อยได้ดังนี้ การปฏิบัติงานของฝ่ายค้านเดือน ม.ค.63 ได้ 5.30 คะแนน ในเดือน ก.พ.63 ดีขึ้นได้ 5.41 คะแนน ขณะที่การแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลเดือน ม.ค.63 ได้ 3.79 คะแนน เดือน ก.พ.63 ดีขึ้นได้ 3.84 คะแนน ส่วนการมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรอิสระ เดือน ม.ค.63 ได้ 3.41 คะแนน เดือน ก.พ.63 ดีขึ้นได้ 3.78 คะแนน และการแก้ปัญหายาเสพติดเดือน ม.ค.63 ได้ 3.47 คะแนน เดือน ก.พ.63 ดีขึ้น 3.58 คะแนน  
    ส่วนผลงานของนายกรัฐมนตรี ในเดือน ก.พ.63 ได้ 3.60 คะแนน แย่ลงกว่าเดือน ม.ค.63 ที่ได้ 3.63 คะแนน ขณะที่ผลงานของรัฐบาล ในเดือน ก.พ.63 ได้ 3.55 คะแนน แย่ลงกว่าเดือนม.ค.63 ที่ได้ 3.56 คะแนน ความเป็นอยู่ของประชาชนในเดือนก.พ.63 ก็เท่ากับเดือน ม.ค.63 คือ 3.40 คะแนน ความมั่นคงของประเทศ-การก่อการร้ายเดือน ก.พ.63 คือ 3.55 คะแนน แย่ลงกว่าในเดือน ม.ค.63 ที่ได้ 3.88 คะแนน และสภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมในเดือน ก.พ.63 คือ 3.20 คะแนน แย่ลงกว่าในเดือนม.ค.63 ที่ได้ 3.22 คะแนน.  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"