แถลงเปิดตัวพรรคใหม่อดีตส้มหวาน 8 มีนาคม หลังแกนนำ-ส.ส.อดีต อนค.ถกลับนครนายก ได้ข้อสรุปทิศทางพรรคใหม่ ปรับโทนการเมืองลดก้าวร้าว เน้นงานสภาตรวจสอบรัฐบาล ย้ายที่ทำการจากตึกไทยซัมมิท "ช่อ" แย้ม 3 ชื่อ "ก้าวใหม่-ก้าวหน้า-อนาคต" "ธนาธร" สั่งเสียลูกพรรคอย่าทรยศประชาชน ลุยเคลื่อนไหวนอกสภาเต็มตัว
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ "ฝากข้อความสุดท้ายถึง ส.ส.ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคอนาคตใหม่" โดยระบุว่า "ภารกิจสุดท้ายของผมในฐานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คืองานอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล ภายใต้ชื่อปฏิบัติการพินอคคิโอได้จบลงไปแล้ว ผมเชื่อว่าพวกเราได้ทำให้ประชาชนเห็นถึงการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ทุ่มเท และกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างกล้าหาญ ตรงไปตรงมา เหมือนที่เราสัญญาไว้ ถือเป็นเกียรติของผมที่ได้ร่วมงานกับผู้อภิปรายของเราทุกท่าน ทุกคนทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพ ผมถือว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นการทำงานที่สนุกและท้าทายอย่างยิ่ง
วันนี้ผมเดินทางไปกับพรรคใหม่กับพวกคุณด้วยไม่ได้ ผมจะให้กำลังใจและเฝ้ามองความสำเร็จของพวกคุณอยู่ห่างๆ โดยไม่แทรกแซงและไม่ครอบงำการทำงาน ภาวะการเมืองในวันนี้คือช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นี่คือช่วงเวลาแห่งความกล้าฝัน กล้าที่จะทะเยอทะยาน วันนี้ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน “อยู่ไม่เป็น” พวกเขาเสียสละอย่างมาก เพราะมีต้นทุนในชีวิตที่ต้องเสียไปมากกว่า เขาไม่มีเอกสิทธิ์ปกป้องเฉกเช่นเดียวกับ ส.ส. พวกเขาเป็นคนธรรมดา ไม่มีชื่อเสียงสถานะ พวกเขาเถียงกับเพื่อน ทะเลาะกับพ่อแม่ พวกเขาไม่มีรายได้ แต่พวกเขาก็ลุกขึ้นมาเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ตนเองเชื่อ
ดังนั้น การ “ไม่ทรยศประชาชน” ของ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ จึงไม่เพียงพอ ผมขอฝากเพื่อน ส.ส. ที่เคยทำงานด้วยกันว่าคุณต้องทำมากกว่านั้น ต้องยืนยันหลักการ ต่อสู้ร่วมกับประชาชน สนับสนุนพวกเขา อย่าให้ตำแหน่งที่คุณมีกลายเป็นโซ่ตรวน เป็นพันธนาการของตัวเอง จงใช้มันเพื่อรับใช้มวลชน ส่วนตัวผมเอง ขอทำหน้าที่การรณรงค์ทางความคิดและการเคลื่อนไหวทางสังคมนอกสภา ต่อสู้และต่อต้านระบอบรัฐประหารร่วมกับประชาชนให้ถึงที่สุด รณรงค์สนับสนุนพวกคุณ และเมื่อวันหนึ่งหากคุณได้เป็นรัฐบาล ผมหวังว่าคุณจะใช้อำนาจที่พี่น้องประชาชนให้มาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ผลักดันวาระก้าวหน้า และสร้างฝันของเราให้เป็นจริง
ประเทศไทยยังจำเป็นที่จะต้องมีพรรคที่ก้าวหน้า กล้าหาญ และเท่าทันสถานการณ์ในสภา ในสถานการณ์การต่อต้านเผด็จการ เปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย สภาผู้แทนราษฎรยังมีความสำคัญ นี่คือภารกิจที่คนอื่นในขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อการเปลี่ยนแปลงทำไม่ได้ นอกจากพวกคุณ (อย่างน้อยที่สุดก็ในรอบนี้) อย่าทิ้งโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสร้างประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์มอบโอกาสให้คุณแล้ว ถ้าไม่ยืนหยัดสู้ในวันนี้แล้ว เราจะสบตาคนรุ่นต่อไปได้อย่างไร จงยึดมั่นในความยุติธรรมและความเท่าเทียม เชื่อมั่นในความเป็นไปได้ใหม่ๆ โลกใบใหม่อยู่ในมือเรา"
มีรายงานจาก ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ 55 คน ได้เดินทางไปร่วมพบปะพูดคุยกันที่จังหวัดนครนายก และมีบางส่วนแยกย้ายไปหารือคุยกันต่อเป็นวงย่อยๆ อีกหลายแห่ง
โดยมีข่าวว่ามีอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่บางส่วนที่โดนตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี ได้เดินทางมาร่วมพูดคุยพบปะสังสรรค์กันด้วย ซึ่งมีการกำชับว่าขอให้เป็นความลับ ไม่ให้อดีต ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่สื่อสารกับสังคมภายนอก เช่น การเผยแพร่ภาพผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง เพราะต้องการให้เป็นการคุยกันภายใน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวงกินข้าว สังสรรค์กันของ ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ที่ยังคงปักหลักไม่ย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นอย่างภูมิใจไทย จนถึงขณะนี้ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 55 คน ซึ่งในวงหารือที่้จังหวัดนครนายกมีการให้ ส.ส.ทุกคนและอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่เปิดใจถึงการทำงานในช่วงตั้งแต่ตั้งพรรคมาร่วมสองปี รวมถึงให้ทุกคนพูดอภิปรายถึงการทำงานของ ส.ส.ในช่วงสองสมัยประชุมสภา โดย ส.ส.หลายคนได้กล่าวเปิดใจพูดถึงทิศทางพรรค บทบาทของอดีตกรรมการบริหารพรรค และทิศทางของพรรคการเมืองตั้งใหม่ว่าควรต้องทำอย่างไร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น แต่เป็นกันเอง ซึ่งหลายคนพูดกันว่า หลังจากนี้จะไม่มีการไปกล่าวโจมตี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ย้ายออกไปสังกัดพรรคอื่นอีก แต่ขอให้คนที่อยู่ต้องจับมือกันต่อไป
"ในวงหารือ ส.ส.หลายคนให้ความเห็นว่าพรรคการเมืองตั้งใหม่ที่จะไปอยู่ด้วยกัน อาจมีความจำเป็นต้องลดโทนการเมืองบางอย่างลง แล้วไปเน้นหนักงาน และการขับเคลื่อนเรื่องกฎหมาย งานในสภาให้มากขึ้น โดยเฉพาะบางคนเสนอว่าควรลดโทนการให้ความเห็นทางการเมืองในเชิงที่จะไปปะทะกับกลุ่มต่างๆ เพื่อไม่ให้ภาพของพรรคใหม่ ในสายตาบางคนที่มองว่าคนของอนาคตใหม่ก้าวร้าว ภาพนี้ต้องลดโทนลงไป ซึ่งหลายคนก็เห็นด้วยและบอกว่านับจากนี้ หลังเปิดสภาสมัยหน้า พรรคใหม่จะต้องรุกงานในสภาให้มากขึ้น เช่น การตั้งกระทู้ถามฝ่ายบริหาร การผลักดันการออกกฎหมายต่างๆ" แหล่งข่าวระบุ
นอกจากนี้ ในวงหารือดังกล่าวที่นครนายก มีการพูดคุยกันถึงเรื่องชื่อของพรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ ซึ่งวงหารือได้มีการเสนอชื่อพรรคการเมืองใหม่ให้ ส.ส.ได้โหวตกันว่าจะใช้ชื่อพรรคอะไร โดยถึงขณะนี้ลงตัวแล้ว 3 ชื่อ แต่วิธีการคือจะไปใช้ชื่อพรรคที่ได้มีการแจ้งไว้กับสำนักงาน กกต.ไว้ก่อน มาเป็นชื่อพรรคตอนเปิดตัว จากนั้น เมื่อมีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติพรรคการเมืองเรียบร้อย จะให้มีการเรียกประชุมใหญ่สามัญพรรค เพื่อตั้งคนไปเป็นกรรมการบริหารพรรค เปลี่ยนชื่อพรรค ให้ตรงกับที่ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เห็นด้วยตามมติเสียงส่วนใหญ่
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า "ในวงหารือดังกล่าว มีการเปิดให้ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ลงมติกัน จนได้ข้อสรุปออกมาเบื้องต้นสามชื่อ แต่สุดท้ายจะเคาะอีกทีช่วงต้นสัปดาห์หน้านี้ หากลงตัวก็คาดว่าจะแถลงข่าวได้ภายในไม่เกินวันศุกร์นี้ ซึ่งการแถลงเปิดตัว จะเลือกวันที่คิดว่าแถลงแล้วจะได้รับความสนใจ เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง นอกจากนี้ วงหารือคุยกันว่าจำเป็นต้องมีการย้ายที่ทำการพรรคใหม่ออกไปจากตึกไทยซัมมิท ที่ทำการเดิมของพรรคอนาคตใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนขึ้นในอนาคต โดยตอนนี้กำลังมองหาที่ตั้งพรรคใหม่กันอยู่ เบื้องต้นหัวหน้าพรรคก็คงเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์"
ซึ่งเบื้องต้นมีข่าวว่า อดีต ส.ส.อนาคตใหม่จะมีการแถลงเปิดตัวพรรคใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคมนี้
ในช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ตื่นมาเจอ #ช่วย อนค.ตั้งชื่อพรรคใหม่ อะไรกัน 555 ว่าแต่ตอนนี้ชื่อที่ชอบมี พรรคก้าวใหม่ พรรคก้าวหน้า พรรคอนาคต ใครคิดอะไรออกอีกช่วยกันแชร์ค่ะ"
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “เรื่องของอนาคตใหม่” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ.2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษาและอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,260 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคำตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี
โดยเมื่อถามถึงสิ่งที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ควรทำหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 33.41 ระบุว่ายอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ รองลงมา ร้อยละ 25.32 ระบุว่าใช้สิทธิวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยสุจริต, ร้อยละ 11.35 ระบุว่าแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ ควรรณรงค์ทางการเมืองทั่วประเทศ และให้ ส.ส.ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคอนาคตใหม่แสดงบทบาททางการเมืองแทน ในสัดส่วนที่เท่ากัน, ร้อยละ 8.65 ระบุว่าให้ ส.ส.ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคอนาคตใหม่มีอิสระย้ายไปสังกัดพรรคไหนก็ได้, ร้อยละ 8.33 ระบุว่าแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ควรหยุดบทบาททางการเมือง, ร้อยละ 5.71 ระบุว่าให้ ส.ส.ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคอนาคตใหม่ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ที่เตรียมไว้, ร้อยละ 4.29 ระบุว่าแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ควรเป็นผู้นำชุมนุมทางการเมืองบนถนน และร้อยละ 10.71 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความนิยมทางการเมืองของพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.71 ระบุว่าจะได้รับความนิยมทางการเมืองมากกว่าที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้ รองลงมา ร้อยละ 24.37 ระบุว่าไม่แน่ใจ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในวันข้างหน้า, ร้อยละ 22.78 ระบุว่าจะได้รับความนิยมทางการเมืองเท่าๆ กับที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้, ร้อยละ 15.08 ระบุว่าจะได้รับความนิยมทางการเมืองน้อยกว่าที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้ และร้อยละ 2.06 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |