ถอยใช้มั่นคงคุมม็อบ/'จตุพร'ผวาโมเดล6ตุลา


เพิ่มเพื่อน    

    "อนุทิน" โต้ข่าวเท็จเตรียมชง พ.ร.บ.มั่นคงฯ ห้ามแฟลชม็อบชุมนุม อ้างอาจารย์แพทย์ห่วงหากติดเชื้อโควิด-19 ไทยจะเข้าสู่ super spreader ควบคุมไม่ได้ ผู้จัดชุมนุมต้องรับผิดชอบตามประกาศโรคติดต่อ ส.ส.ปชป.ชงญัตติด่วนตั้ง กมธ.เปิดพื้นที่นศ.มีส่วนร่วมแก้ปัญหาป้องกันการลงถนน พท.ค้านปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ หวั่นน้ำผึ้งหยดเดียวกลายเป็นไฟลามทุ่ง "คนหัวล้าน" เสี้ยมทหารหนุน นศ.เปลี่ยนผู้นำประเทศ ญาติวีรชนพฤษภา 35 ชี้นศ.ชุมนุมได้แต่ห้ามพาดพิงสถาบันฯ 2 ฝ่ายอย่าทำไอโอใส่ร้ายกัน จี้ “ประยุทธ์” ลาออกก่อนนองเลือด "จตุพร" แฉมีคนจ้องใช้โมเดล 6 ตุลา เย้ยประยุทธ์ชนะในสภาจบที่มหา'ลัย
    เมื่อวันอาทิตย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง อย่านำ "การเมือง" มาซ้ำเติมสถานการณ์โรคระบาด จากกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะเสนอนายกรัฐมนตรีให้ใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเพื่อห้ามชุมนุมทางการเมืองว่า เป็นความเท็จ ไม่เคยคิดถึง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ มาก่อน ผมไม่เคยคิดสกัดกั้นหรือห้ามการชุมนุมทางการเมือง เพื่อแสดงออกถึงสิทธิเสรีภาพทางความคิดและการพูดของประชาชนไม่ว่าจะเป็นประชาชนกลุ่มใดๆ ก็ตาม หากการชุมนุมนั้นไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ขัดต่อกฎหมาย 
    นายอนุทินระบุว่า การแถลงข่าวเมื่อวานสาระคือการหาแนวทางการควบคุมการระบาดของ covid-19 ซึ่งถูกประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะต้องมีการจัดทำประกาศ สธ. เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนว่ากิจกรรมใดควรทำกิจกรรมใดไม่ควรทำ เพื่อการควบคุมการระบาดของโรคติดต่ออันตราย เช่น ไม่ควรเดินทางไปยังพื้นที่เขตติดโรค ไม่ควรจัดกิจกรรมทุกประเภท ที่จะก่อให้เกิดการมารวมตัวกัน หรือการชุมนุมของประชาชนจำนวนมาก หลายพันคน และมีโอกาสที่จะมีการสัมผัส หรือการติดต่อทางลมหายใจและละอองน้ำลาย น้ำมูก จากการพูด ไอ จาม ใส่กันในระยะใกล้ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้จัดต้องจัดเตรียมแนวทาง และให้บริการอุปกรณ์แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อป้องกันการระบาดฯ
    รมว.สาธารณสุขระบุต่อว่า กรณีที่มีการติดต่อของโรคเกิดขึ้น ผู้จัดกิจกรรมและเจ้าของสถานที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถออกคำสั่งระงับการจัดกิจกรรมได้ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ การประกาศให้ covid-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย กระทบต่อการใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชนมากพอสมควร แต่เป้าหมายคือต้องการควบคุมการระบาดของโรคติดต่อ และป้องกันชีวิตและสุขภาพของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่การควบคุมหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง เพราะมีการประกาศเป็นโรคติดต่ออันตรายแล้วหากไม่ปฏิบัติ นายแพทย์และเจ้าหน้าที่ สธ.ในฐานะเจ้าพนักงานไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ จะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ทันที ไม่มีเจตนาจะแถลงเรื่องการชุมนุมทางการเมือง เพราะทราบดีว่าจะถูกแปรเจตนาเป็นอื่นและถูกกล่าวหาหวังผลทางการเมือง แต่สอบถามนายแพทย์ผู้บริหาร สธ.หลายท่านเข้าใจดีว่าทุกท่านไม่อยากพาดพิงเรื่องการชุมนุมทางการเมือง แต่มีความกังวลมากว่าการควบคุมการระบาดของ covid-19 ที่ประเทศไทยทำมาได้ดี อาจจะมีจุดเสี่ยงและถึงจุดเปลี่ยนได้
แพทย์ห่วง super spreader 
    "อาจารย์แพทย์ทุกท่านมีความเป็นห่วงว่าหากมีการติดเชื้อในที่ชุมนุมซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมหลายพันคน และอาจจะนำสู่ผู้สัมผัสเป็นหมื่นคนภายในเวลาอันรวดเร็ว หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้นขึ้นสธ.ไม่มีความสามารถที่จะควบคุมโรคได้ และจะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่สถานการณ์ระบาด เช่นเดียวกับบางประเทศที่มี super spreader และควบคุมโรคไม่ได้ ผมจึงต้องแถลงด้วยตัวเอง ท่านต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพการชุมนุมของประชาชน ผมกับ สธ.ต่อสู้กับเชื้อโรคเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ไม่เคยมีความคิดจะสกัดกั้นหรือห้ามการชุมนุมทางการเมือง เพียงแต่ขอให้ผู้จัดการชุมนุมดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อส่วนรวม" นายอนุทินระบุ
      พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองของนิสิต นักศึกษา นักเรียน หรือแฟลชม็อบ ว่า สมช.ได้มีการจับตาดู แต่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และไม่มีการปิดกั้น อยากขอร้องให้อยู่ในกรอบของสถาบัน เนื่องจากสุ่มเสี่ยง ถ้าอยู่ในกรอบสถาบัน หน่วยงานความมั่นคงไม่ได้ว่าอะไร แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในสถาบันหรือที่ใด เจ้าหน้าที่ถูกกำชับให้ปฏิบัติอย่างละมุนละม่อม ส่วนงานด้านการข่าว ทาง สมช.ก็ติดตามดูอยู่ ช่วยกันดูกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
    "เป็นไปได้ที่มือที่ 3 จะฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงสอบ และมีเรื่องของไวรัสโควิด-19 การชุมนุมกันไม่ได้เป็นผลดี อยากให้ช่วยกันบอก หากมาชุมนุมให้ใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ได้กำชับอย่างที่ตนได้กล่าวมาแล้ว ไม่ได้ปิดกั้น ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนกระแสข่าวจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อาจมีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ห้ามการชุมนุม ยังไม่มีการพูดถึงตรงนี้ และมองว่าไม่มีความจำเป็นเมื่อการชุมนุมยังอยู่รั้วในสถาบัน" พล.อ.สมศักดิ์กล่าว
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแฟลชม็อบและมีเฟซบุ๊กของนายสุภรณ์โจมตีว่าคนที่ออกมาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นคนเนรคุณและทรยศประเทศว่า เรื่องนี้เป็นขบวนการที่ไม่บริสุทธิ์ ที่ผ่านมาตนไม่เคยไปก้าวล่วงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาเลย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นวิชามารที่จ้องทำลายตนเอง เสี้ยมให้เกิดความขัดแย้งระหว่างนักศึกษากับรัฐบาล ตนได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ ปอท. และตำรวจได้มีการขยายผลจนรู้ตัวผู้กระทำแล้ว 4-5 คน ที่ผ่านมาคนที่อยู่ในรัฐบาลถูกปลอมเฟซบุ๊กและใส่ร้ายป้ายสีจนได้รับความเสียหายหลายคน เป็นการสร้างความแตกแยก เสี้ยมให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ในเร็วๆ นี้จะมีการกระชากหน้ากากบุคคลเหล่านี้ออกมาว่าเป็นฝีมือของใคร  
    "ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่วันนี้ประเทศชาติต้องการความสงบสุข ความสามัคคีปรองดอง อะไรที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้งต่อไปได้ด้วยความสงบราบรื่น ในฐานะที่เคยผ่านประสบการณ์ชุมนุมมามากพอแล้ว จนรู้ว่าเราเจ็บปวด บอบช้ำ และสูญเสียมามากพอแล้ว ไม่อยากให้เหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว เราควรมาจับมือร่วมแรงร่วมใจ ทำงานให้บ้านเมืองก้าวหน้าเดินต่อไปได้ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยไปก้าวล่วงการชุมนุมของนักศึกษา เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ" นายสุภรณ์กล่าว 
ชงญัตติดึง นศ.เข้าสภา
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่คนหนุ่มสาวให้ความสนใจกับความเป็นไปของบ้านเมือง เท่าที่ติดตามประเด็นใหญ่ที่อยู่ในใจคือ ความไม่เป็นธรรมของกติกา ซึ่งสามารถผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ภายใต้ระบบที่มีอยู่ อยากให้น้องๆ นักศึกษาใช้ กมธ.ชุดนี้ให้เป็นประโยชน์ ตนพร้อมเป็นสื่อกลางนำข้อเสนอที่น้องๆ อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทุกประเด็นเข้าสู่ที่ประชุม กมธ. เพื่อยืนยันว่าสภาเป็นที่พึ่งที่หวังได้ และพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอ นำไปสู่การสร้างกติกาที่เป็นธรรม ปลดชนวนความขัดแย้ง เพื่อร่วมกันหาทางออกไม่ให้ประเทศไทยย้อนกลับไปสู่วิกฤติ
    นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ตนได้ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อเสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาตั้งคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาเปิดพื้นที่ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงกับสภา ในการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม ตามที่ในปัจจุบันได้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง 36 สถาบัน นัดชุมนุมภายในพื้นที่สถานศึกษา กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ถือเป็นเสียงสวรรค์ เป็นพลังบริสุทธิ์ที่จะผลักดันอนาคต หากยังปิดกั้นหรือแกล้งไม่ได้ยินเสียง การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาประเทศอาจจะถึงขั้นต้องสะดุดหยุดลง แต่หากสภาเปิดพื้นที่โดยมีตัวเเทนนักศึกษามาร่วมเป็น กมธ.สถาบันละ 1 คน จะช่วยส่งเสริมวิถีทางตามวิถีทางประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา ที่ไม่ต้องให้พวกเขาลงไปทำการเมืองบนท้องถนน 
     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า รัฐบาลจะต้องรับฟังและให้โอกาสการแสดงออกของนักศึกษาที่เคลื่อนไหวภายใต้กรอบของกฎหมาย และอยากเรียกร้องให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงข้อเรียกร้องของนักศึกษาที่เป็นพลังบริสุทธิ์ และหามาตรการป้องกันแก้ไขไม่ให้การชุมนุมขยายผล ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง จนบ้านเมืองต้องเจอทางตันอีกเลย
     นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กว่า น่าภาคภูมิใจที่เห็นคนรุ่นใหม่นั้นตื่นตัวในเรื่องของบ้านเมือง เป็นการแสดงออกถึงประชาธิปไตย ต้องขอชมเชยในเรื่องการแสดงออกทางการเมืองที่ไม่ได้ละเลยการรับผิดชอบต่อสังคมที่มีมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีการแจกหน้ากาก เจลล้างมือ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ขอให้รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ สธ.มาทำการคัดกรองผู้ชุมนุมทุกคนด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจของรัฐบาลที่ไม่ได้ปิดกั้นการชุมนุมคัดค้านรัฐบาล
    นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมใช้กฎหมายความมั่นคงไม่ให้มีการชุมนุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า อยากให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบ เพราะขณะนี้มีความไม่พอใจของกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่มีต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมการเมือง ยิ่งมีเรื่องของการระบาดของโรคอีก อาจส่งผลต่อสภาวะภายในประเทศ หากประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงหรือประกาศภาวะฉุกเฉิน อาจกลายเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวจนกลายเป็นไฟลามทุ่ง ดังนั้นรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจแก้ปัญหาที่ต้นตอ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกับปัญหา ต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องกับประชาชน ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อรับมือ อย่าใช้อำนาจแก้ปัญหา เพราะอาจทำให้เรื่องกลายเป็นอื่นได้
เสี้ยมทหารไล่ประยุทธ์
    น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะอาศัยเหตุผลใดก็ตาม มาสร้างเงื่อนไขเพื่อพยายามปิดกั้นการชุมนุมของประชาชนที่แสดงพลังอย่างบริสุทธิ์โดยเฉพาะนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่มีความตื่นตัวทางการเมืองกล้าตั้งคำถามต่อผู้มีอำนาจอย่างตรงไปตรงมา ย่อมชัดเจนอยู่ในตัวเองว่าความพยายามในการอาศัยเงื่อนไขบางประการมาปิดกั้นการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน กลายเป็นจุดมุ่งหมายหลักของการใช้กฎหมายนี้มากกว่าความพยายามที่จะจัดการปัญหาตามที่รัฐบาลอ้าง เรายืนยันว่าเสียงของประชาชนคือรากฐานที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ควรมีใครมาปิดกั้น 
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พท. และอดีต รมว.ศึกษาธิการ โพสต์ข้อความถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษาว่า น้องๆ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทำภายใต้รัฐธรรมนูญได้ การใช้ระเบียบ กฎ ข้อบังคับของมหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือหน่วยงานของรัฐ ต้องคำนึงถึงในส่วนนี้ด้วย ซึ่งอาจผิดมาตรา 157 ดูให้พองามก็พอ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยตามมาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคนมีหน้าที่พิทักษ์ รักษา ประชาธิปไตย เท่าเทียมกันครับ เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตนดีใจและเห็นด้วยกับเหล่านักศึกษาที่เริ่มรู้ซึ้งถึงปัญหาของประเทศที่ตนเองได้พยายามบอกประชาชนและเตือนรัฐบาลมาตลอดหลายปีแลัว การที่นักศึกษาที่เงียบมาตลอดหลายสิบปี ต้องลุกขึ้นมาต่อต้านกันแทบทุกสถาบันการศึกษา คงไม่มีใครจะมายุยงปลุกปั่นได้ ถ้าไม่มีพื้นฐานของความเป็นจริงที่ว่าประเทศไทยกำลังย่ำแย่ และรู้ว่าอนาคตของตัวเองจะต้องลำบากและจะไม่มีงานทำ ทหารในฐานะประชาชนผู้รักชาติเช่นเดียวกับเหล่านักศึกษาก็ควรจะต้องรู้สึกได้เหมือนกันว่าประเทศกำลังเดินไปผิดทาง และเศรษฐกิจของประเทศจะย่ำแย่ลงเรื่อยๆ หากไม่เปลี่ยนผู้บริหารประเทศ 
    "ผมก็มีเพื่อนที่เป็นทหารจำนวนมาก และพวกเขาก็เป็นห่วงสภาวะของประเทศที่กำลังเสื่อมถอยไปเรื่อยๆ อย่างที่เป็นอยู่นี้เช่นกัน ทหารเองก็มีญาติพี่น้องและลูกหลานที่ทำมาหากินและเป็นนักศึกษา ก็ย่อมต้องรู้ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน และอยากร้องขอให้ทหารในฐานะประชาชนที่รักชาติ ได้ร่วมมือกับนักศึกษาในการหาทางออกให้กับประเทศในครั้งนี้ อย่าคิดว่านักศึกษาเป็นศัตรู ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความรุนแรงและโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีตเหมือนในเหตุการณ์ 14 ตุลา, 6 ตุลา และพฤษภาทมิฬได้ และอยากให้คนทั้งประเทศได้รู้ทัน IO ของ กอ.รมน. ที่ถูกเปิดเผยในสภา โดยมีการนำเงินภาษีของประชาชนไปสร้างความแตกแยก สร้างความเกลียดชังกันเองในหมู่ประชาชน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องเร่งหาผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารแทนเพื่อแก้ปัญหาที่หนักหนาสาหัสของประเทศที่เรากำลังจะต้องเผชิญ" นายพิชัยกล่าว 
    ขณะที่นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ’35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง กล่าวว่า การชุมนุมของนักศึกษาเป็นผลจากการสะสมปัญหามาในช่วงกว่า 10  ปีที่สังคมไทยเผชิญสงครามเสื้อสี ทหารยึดอำนาจรัฐประหาร 2 ครั้ง สถาบันทางการเมืองไทยเสื่อมทรุด องค์กรอิสระไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกลไกตรวจสอบและตัดสินข้อขัดแย้งต่างๆ ให้เกิดข้อยุติได้ ตั้งแต่คำวินิจฉัยในคดีซุกหุ้นที่เรียกว่า "คำวินิจฉัยสีเทา" จนถึงการยุบพรรคอนาคตใหม่ การปฏิรูปประเทศไร้ทิศทาง ประชาชนจึงเริ่มสิ้นหวัง นักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ การจัดกิจกรรมทางการเมืองมีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ของส่วนร่วม แต่นักศึกษาก็ยังขาดประสบการณ์ ไม่รู้เท่าทันเกมทางการเมือง จึงต้องกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวให้ชัดเจน แสดงออกด้วยความเหมาะสม และต้องไม่พาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเด็ดขาด นักการเมืองทุกพรรคต้องไม่เข้าไปชี้นำแทรกแซงกิจกรรมของนักศึกษา ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
เตือน นศ.ห้ามพาดพิงสถาบันฯ
    นายอดุลย์กล่าวต่อว่า การชุมนุมภายในรั้วมหาวิทยาลัยสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจาก พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 3 (4) ยกเว้นให้ชุมนุมในสถานศึกษาได้ รัฐบาลต้องไม่ปิดกั้นการแสดงออกจะจำกัดสิทธิเสรีภาพไม่ได้  ต้องป้องกันไม่ให้กลุ่มประชาชนที่มีจุดยืนทางการเมืองแตกต่างกันมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งจะทำให้เกิดการยั่วยุนำไปสู่ความรุนแรงได้ รัฐและฝ่ายต่อต้านรัฐก็ใช้ปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation) หรือ "ไอโอ" ผ่านสื่อออนไลน์ มีการสร้างข่าวปลอม(fake news) บิดเบือนกล่าวหาใส่ร้ายกัน สร้างความเข้าใจผิดทำให้เกิดความเกลียดชังกัน ที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงน่าเป็นห่วงว่าจะนำความแตกแยกของสังคมไทยอย่างรุนแรง ดังนั้นรัฐต้องหาทางสกัดไอโอของทั้งสองฝ่าย และให้องค์กรที่เป็นกลางจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อหาทางออกอย่างละมุมละม่อม
    "จากวิกฤติการเมืองที่สะสม รัฐบาลไม่ได้สร้างความปรองดอง ไม่ปฏิรูปประเทศ และยังสืบทอดอำนาจ การเมืองไทยยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ จึงมาถึงทางตันแล้ว หากยังดันทุรังต่อไป การชุมนุมก็จะพัฒนาแรงขึ้น อาจนำไปสู่การนองเลือดได้ จึงเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์เสียสละเพื่อประเทศชาติด้วยการลาออกจากนายกรัฐมนตรี แล้วจัดตั้ง "รัฐบาลช่วยชาติ" นำผู้มีความรู้ความสามารถจากทุกพรรคการเมืองและทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจร่วมกันตั้งรัฐบาลชุดใหม่ตามกลไกรัฐธรรมนูญ แล้วนิรโทษกรรมคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมืองตามข้อเสนอแนะของกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ที่ได้เสนอรัฐบาลไปแล้ว และต้องปฏิรูปประเทศทุกด้าน แล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" นายอดุลย์กล่าว 
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เราเห็นปลายทางของนักศึกษาว่าจะเดินทางจบแบบ 14 ตุลาคม 2516, พฤษภาทมิฬ และบางฝ่ายต้องการให้จบลงแบบ 6 ตุลาคม 2519 อยากบอกกล่าวกับคนหนุ่มสาวในปัจจุบันว่า จะกำหนดจังหวะย่างก้าวอย่างไร เพราะนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ หากนักการเมืองเข้าไปชักใยความบริสุทธิ์ก็หมดไป ฝ่ายตรงข้ามก็จะหยิบยกเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาโจมตีกลุ่มนักศึกษา เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสื่อที่ทำหน้าที่เล่นเป็นบทเดียวกับวิทยุยานเกราะ กำลังปลุกประเด็นนี้ขึ้นมา และมีคนพยายามจะใช้ 6 ตุลา 19 เป็นโมเดลทำลายขบวนการนักศึกษา จะต้องขีดเส้นใต้ว่าจะไม่มีเรื่องยุ่งเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนฝ่ายที่ต้องการต่อต้านนักศึกษาที่สวมบทวิทยุยานเกราะในขณะนี้ ต้องไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาทำลายขบวนการนักศึกษา ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องไม่นำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เกี่ยวข้อง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องระหว่างนิสิต นักศึกษา ประชาชนกับรัฐบาล
     "ไม่มีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดในประเทศไทย ที่จะไปปลุกนักศึกษาและนักเรียนได้ขนาดนี้ แต่ความที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย อีกทั้งยังประสบปัญหาเศรษฐกิจแสนสาหัส และยังเต็มไปด้วยความอยุติธรรม นักการเมืองทั้งหลายว่าอย่าเข้าไปยุ่ง ส่วนประชาชนนั้นถือเป็นสิทธิ์ในการเข้าไปร่วม ในอนาคตหากวันหนึ่งวันใดรัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา วันนั้นรัฐบาลจะได้เจอกับตนและอีกหลายๆ คนอย่างแน่นอน เชื่อว่าหลังจากนี้อาจจะมีกระบวนการสร้างสถานการณ์ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองจะต้องเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับนักศึกษา ต้องบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าในสภาท่านชนะ แต่การเมืองรอบนี้เชื่อว่าจบที่มหาวิทยาลัย ไม่ใช่ในสภา สถานการณ์ขณะนี้ได้เดินเลยไปจากเงื่อนไขของคำว่ายุบพรรคไปแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของประชาธิปไตยกับเผด็จการเป็นเรื่องของความยุติธรรมกับความอยุติธรรม" นายจตุพรกล่าว  
โพลชี้แฟลชม็อบเป็นเสรีภาพ
     “นิด้าโพล”  เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “เรื่องของอนาคตใหม่” สำรวจระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ.2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั่วประเทศ 1,260 หน่วยตัวอย่าง ด้านความคิดเห็นต่อการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ติดแฮชแท็กเพื่อต่อต้านรัฐบาลของนิสิต นักศึกษาหลังจากผลการตัดสินวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.03 ระบุว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามกฎหมาย รองลงมา ร้อยละ 21.11 ระบุว่าเป็นสัญญาณว่าสังคมไทยจะเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอีกครั้ง, ร้อยละ 12.70 ระบุว่ากังวลว่านิสิต นักศึกษา จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง, ร้อยละ 7.78 ระบุว่ากังวลว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมจนกลายเป็นการจลาจลแบบในฮ่องกง,  ร้อยละ 6.35 ระบุว่าเป็นแค่กระแสชั่วคราว 
    พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงการชุมนุมแฟลชม็อบว่า เป็นการแสดงกิจกรรมในสถานศึกษา ที่ผ่านมาพบอยู่ในกรอบ และยังไม่พบการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ส่วนการพาดพิงไปถึงบุคคลอื่น ตอนนี้ยังไม่มีเจ้าทุกข์มาร้องทุกข์ สำหรับการนัดชุมนุมแฟลชม็อบที่บริเวณราชประสงค์ วันที่ 1 มี.ค. กิจกรรมดังกล่าวแจ้งการชุมนุมอย่างถูกต้อง ทางตำรวจออกข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ได้อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมและประชาชนที่สัญจรไปมา ซึ่งจุดนั้นอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า ก็ขอความร่วมมือให้ชุมนุมในสถานที่กำหนดไว้ ไม่ไปรบกวนและสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ใช้ทางสาธารณะ 
    ทั้งนี้ เมื่อเวลา 17.10 น. ที่แยกราชประสงค์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีกิจกรรมแฟลชม็อบ #ประชาชนไล่หัวหน้า io ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของประชาชนที่ไม่ยอมจำนนจากการคุกคามของรัฐบาล และต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กกั้นไว้สำหรับเป็นพื้นที่จัดกิจกรรม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในและนอกเครื่องแบบเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ทั่วบริเวณตั้งแต่ก่อนเวลา 15.30 น. นอกจากนี้ยังมีการวัดไข้ พร้อมเตรียมเจลแอลกอฮอลล์สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมด้วย
    จากนั้นผู้จัดกิจกรรมสลับกันปราศรัย สลับกับกิจกรรมแสดงดนตรี ตัวแทนกลุ่ม Queer เพื่อประชาธิปไตย กล่าวตอนหนึ่งว่า  วันนี้น้องๆ นักศึกษาออกมาแล้ว เริ่มเห็นความเป็นธรรมในสังคมบ้างแล้ว ทุกคนเริ่มเบ่งบานและออกมาด้วยพลังบริสุทธิ์ แต่พวกคุณก็ยังใช้รูปแบบข่าวปลอมมาดูถูกประชาชน ดังนั้น การที่เราออกมาวันนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการกดขี่ไม่ได้อยู่เฉพาะนิสิตนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกเราด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"