ธรรมชาติและความเป็นไป


เพิ่มเพื่อน    

      ก็เป็นอันผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว...สำหรับ ศึกวันทรงชัย ที่จัดขึ้น ณ เวทีมวยสำโรง  หรือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ต้องถือเป็นการปะทะกันในระดับ ยกค่าย ระหว่าง ค่ายอรุณรุ่ง กับ  ค่ายดับสุริยา ส่วนใครชนะ-ใครแพ้ ใครรุ่งริ่ง ใครรูดมหาราช อันนั้น...คงต้องไปว่ากันตาม รสนิยม ของใคร-ของมันกันเอาเอง เพราะจะถือเอา คะแนนเสียง ในสภาฯ มาเป็นตัวตัดสิน มันคงไม่ได้เป็นไป ตามนั้น ไปด้วยกันซะทั้งหมด...

 

---------------------------------------------------

 

      แต่ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้นั่นแหละว่า...ค่าย อรุณรุ่ง นั้น ออกจะบอบช้ำ หน้าแหก  หน้าแตก ระดับ หมอไม่รับเย็บ ไปหลายคนอยู่เหมือนกัน ส่วนค่าย ดับสุริยา ไม่ว่าผลการชกจะออกมาในรูปไหน แต่โดยสีหน้า สีตา ค่อนข้างหมดจด แทบไม่มีรอยเขียวคล้ำ แถมบางรายยังอาจสดใส สดชื่น รื่นเริง กว่าผู้คนโดยปกติธรรมดาด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะรายของ ลุงป้อม และ ลุงป๊อก นั้น ต้องเรียกว่า...ชั่งเป็นอะไรที่ ลั้ลลา เอามากๆ แทบไม่ได้มีโอกาสเห็นอาวุธ ไม่ว่าดอกไหน ต่อดอกไหน ของฝ่ายตรงข้ามเอาเลยด้วยซ้ำ จะด้วยสาเหตุอันซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หรือสาเหตุใดๆ ก็ตามแต่...

 

----------------------------------------------------

 

      แต่ก็นั่นแหละ...หลังจาก ศึกในสภาฯ ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว ก็ยังคงหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอกับ  ศึกนอกสภาฯ ตามมาติดๆ โดยที่คู่ต่อสู้คราวนี้ แม้ไม่ใช่มวยรุ่นเดียวกัน ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทเฮฟวีเวต ครุยเซอร์เวต หรือแม้แต่ไลต์เวต ฯลฯ แต่อย่างใด ล้วนแต่หนักไปทาง เด็กๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น แต่เผอิญว่าเด็กมันมากันเยอะ ยิ่งนับวันชักออกไปทาง มืดฟ้า-มัวดิน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีสิทธิ์ส่งผลให้บรรดาผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ชักจะใจหาย-ใจแป้ว อยู่พอสมควรเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อในเวทีที่ว่านี้ มันคงไม่อาจอาศัยกฎและกติกา แบบเป็นแท่งๆ ด้ามๆ ไปควบคุม บังคับ ได้มากมายซักเท่าไหร่...

 

-----------------------------------------------------

 

      การรับมือกับพวกเด็กๆ เหล่านี้...มันจึงไม่อาจอาศัย ชั้นเชิงทางเทคนิค แบบประเภทแบกกล้วย ไปให้ ลิง หรือ งูเห่า รับประทานกันเป็นเข่งๆ เป็นสวนๆ ชนิดท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว จนไม่คิดจะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว หรือแม้แต่การหันไปจับเข่า จับหัวหน่าว พญางูเห่าแห่งดูไบ ที่ดูจะเวิร์ก ดูจะได้ผลมิใช่น้อย ชนิดเกิดการถอดเกล็ด การลอกคราบ ขึ้นมามั่งแล้ว แต่นั่นก็พอใช้ได้ ด้วยเหตุเพราะเป็นมวยรุ่นเดียวกัน ระดับเดียวกัน เคยออกหมัด-เท้า-เข่า-ศอก ระหว่างกันและกัน จนชักจะเบื่อแล้ว หรือชักจะเหนื่อยไปด้วยกันทั้งคู่ อีกทั้งด้วยกฎ กติกา มารยาท ยังพอเอื้ออำนวยให้ แม้จะมีการ แอบกัดหู หรือ ใช้หัวโขก กันในบางครั้ง บางครา...

 

---------------------------------------------------

      แต่สำหรับ เวทีนอกสภาฯ ที่มันหากฎ เกณฑ์ กติกาใดๆ ไม่ได้ถนัดชัดเจนซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าหากมันเกิด จุดติด ขึ้นมาแล้ว อะไรต่อมิอะไรมันคงต้อง ไหลไปตามธรรมชาติ หรือไปในแบบ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล และเมื่อยิ่งหันมามองถึง สิ่งนี้-สิ่งนี้ ก็ยิ่งน่าปวดเศียร เวียนเกล้า ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ภัยแล้ง สิ่งที่เรียกๆ กันว่า ฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ไปจนถึงสิ่งที่เรียกว่า ไวรัสโกวิท-19 ฯลฯ ที่กำลังประเด ประดัง เข้ามาเป็นสายๆ จนทำให้บรรยากาศของเวทีนอกสภาฯ มันยิ่งเป็นอะไรที่ปั่นป่วน รวนเร ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เป็นเวทีที่เอื้ออำนวยกับความเป็น อนาธิปไตย ยิ่งกว่าความเป็น ประชาธิปไตย อย่างเห็นได้โดยชัดเจน อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ไม่อาจอาศัยเพียงแค่ ชั้นเชิงทางเทคนิค ได้อีกต่อไปแล้ว...

 

------------------------------------------------

 

      คือต้องหันไปอาศัย ความถูกต้อง-เป็นธรรม หรือการเดินไปตามครรลอง คลองธรรม เท่านั้นเอง...ถึงอาจพอ เอาอยู่ ได้บ้าง ส่วนสิ่งที่เรียกว่า ความถูกต้อง-เป็นธรรม หรือการเดินไปตามครรลอง คลองธรรมนั้น มันจะสามารถสร้างสรรค์ เสกสรรปั้นแต่ง ขึ้นมาได้อย่างไร? อันนี้...ก็คงต้องขึ้นอยู่กับ กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ นั่นแหละเป็นหลัก คือขึ้นอยู่กับว่า สิ่งนี้-สิ่งนี้ มันจะเป็นไปในรูปไหน??? โดยถ้าหากมันเป็นไปแล้ว ก็อย่าไปฝืน อย่าไปป้องปัด ขัดขวาง ปล่อยให้มัน เป็นไป ตามธรรมชาติของมัน  โดยที่ตัวเราเองพร้อมที่จะปรับตัว หรือพร้อมที่จะร่วมไปกับมัน ได้อย่างสอดคล้อง กลมกลืน นั่นเอง...

-----------------------------------------------

 

      อันนี้นี่แหละ...ก็คือหลักสำคัญ หรือหัวใจสำคัญ ของสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ธรรมะ ที่ได้รับการพิสูจน์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์แล้ว ว่าสามารถช่วยให้เกิดการอยู่รอด ปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุข เกิดการก้าวข้าม  ระยะผ่าน ไปโดยที่ยังสามารถดำรง รักษา คุณธรรมขั้นพื้นฐาน อันเป็นตัวหลอมรวมสังคมทั้งสังคม นับตั้งแต่อดีตกาลเอาไว้ได้ ต่างไปจากการอาศัย ชั้นเชิงทางเทคนิค ที่อาจแก้ปัญหาได้ชั่วครั้ง ชั่วคราว แต่สุดท้าย...ก็อาจไปกันทั้งยวง พลิกฟ้า-คว่ำดิน เอาง่ายๆ ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า เทคนิค ทั้งหลาย มันอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นไปตามธรรมชาติในทุกเรื่อง ทุกราว ยิ่งเป็นเทคนิคประเภท โลว์เทค หรือประเภทล้าหลัง หลังเขา ย้อนยุค ย้อนสมัย แบบหยาบๆ ง่ายๆ ก็ยิ่ง อันตราย ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

 

----------------------------------------------

 

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จากบทพากย์ของ หลวงวิจิตรวาทการ...It is easy enough to be  pleasant, when life flows like a song. But the man worth-while, Is the man who can smile, when  everything goes dead wrong. - เป็นการง่าย-ยิ้มได้-ไม่ต้องฝืน-เมื่อชีพชื่น-เหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์-แต่คนที่-ควรชม-นิยมกัน-ต้องใจมั่น-ยิ้มได้-เมื่อภัยมา..."

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"