1 มี.ค.63-ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan เรื่อง #ขั้วที่สามTheThirdForce ระบุว่า ผมเป็นขั้วที่สาม...ขั้วนี้มาเพื่อรวมอีกสองขั้วเป็นหนึ่งเดียว ผมไม่ได้อยู่ทั้งข้างของคณะอนาคตใหม่หรือคณะลุงตู่
ผมไม่โอเคกับคณะอนาคตใหม่ด้วยเหตุผล 2 ประการ 1.การป้ายสีให้คนอื่นเป็นเผด็จการเพื่อสร้างความชอบธรรมแก่ตัวเอง แถมเป็นการชี้เป้าเผด็จการแบบผิดๆด้วยความเกลียดชังที่อาจจะทำให้คนไทยทะเลาะกันเองอย่างใหญ่หลวง 2.วิธีการทางการเมืองที่สกปรก อาศัยการบิดเบือนข้อเท็จจริงสร้างความเชื่อจอมปลอมเป็นอาวุธ ใช้สื่อโซเชียลปั่นกระแสสร้างความนิยมและความขัดแย้ง ถ้าคณะอนาคตใหม่หยุดกระทำ 2 ข้อนี้ ผมก็จะเป็นเนื้อเดียวกันกับคณะอนาคตใหม่
ผมไม่โอเคกับคณะลุงตู่ด้วยเหตุผล 2 ประการ 1.คณะลุงตู่ไม่ได้แก้รากฐานของปัญหา หรือแก้ปัญหาตามหลักวิชาที่ถูกต้อง เพราะถ้าแก้ได้ถูกจุดจะสามารถยุติความขัดแย้งที่มีมานานเกือบ 90 ปี และรวมคนไทยทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียว อันจะส่งผลให้แก้ปัญหาอื่นๆได้ทั้งหมด 2.คณะลุงตู่ไม่ได้เน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตรงนี้ต้องยอมรับกันก่อนว่าผลงานคณะลุงตู่มีเยอะจริง แต่การสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพนั้นไม่มี จึงไม่แปลกที่คณะอนาคตใหม่จะดูดคนเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้โดยไม่ยาก ถ้าคณะลุงตู่กระทำ 2 ข้อนี้ ผมก็จะเป็นเนื้อเดียวกันกับคณะลุงตู่
แต่เมื่อทั้งสองคณะนี้เป็นต้นเหตุความขัดแย้งของคนในประเทศอยู่ในขณะนี้ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ ผมคิดว่าคนที่มีจุดยืนแบบเดียวกับผมที่รักในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในฐานะขั้วที่สาม...พวกเราจึงไม่อาจปล่อยให้ปัญหาระหว่างสองขั้วนี้กลายเป็นปัญหาของทั้งคนประเทศได้ ซึ่งตอนนี้คณะอนาคตใหม่ที่มีใจอำมหิตกำลังมีความพยายามก่อความรุนแรงและสงครามกลางเมือง
เพื่อไม่ให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้...บางทีพวกเราในฐานะขั้วที่สามอาจจะต้องแสดงพลังอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อช่วยกันระงับและยุติความรุนแรงที่คณะอนาคตใหม่กำลังจะก่อขึ้นเพื่อแย่งชิงอำนาจจากคณะลุงตู่
เราต้องทำความเข้าใจกันเสียใหม่ว่าคำว่า “การเมือง” ทุกวันนี้เป็นคำที่มีความหมายคลุมเครือ แต่เมื่อพิจารณาแล้วจะสามารถแยกแยะได้เป็น 2 ความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงความหมายที่ 1 การเมืองการปกครอง
ความหมายที่ 2 พรรคการเมือง การเคลื่อนไหวของผมทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในความหมายที่ 1 ผมสู้เพื่อการเมืองการปกครองของประเทศ โดยเอาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และเป็นการเมืองที่แท้จริงที่คนไทยทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน เพราะการเมืองการปกครองคือประเทศไทยทั้งประเทศตั้งแต่ประมุขแห่งรัฐหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมาจนถึงประชาชน ที่ทุกคนมีบทบาทความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆต่อกัน
ดังนั้นผมจึงไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองในความหมายที่ 2 ซึ่งเป็นความหมายแคบที่หมายถึงพรรคการเมืองใดๆ อีกทั้งยังเป็นการเมืองในความหมายที่นำมาซึ่งความขัดแย้งและแตกแยกของประเทศชาติทั้งระบบแบบในทุกวันนี้ โดยที่ผลประโยชน์ของพรรคการเมืองในความหมายนี้ไม่ได้ตอบสนองต่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ แต่เป็นเพียงแค่คณะใดคณะหนึ่งเท่านั้น
ในเวลานี้ เราในฐานะคนไทย...เราควรช่วยกันสร้างการเมืองใหม่ที่ตอบโจทย์ของการเมืองการปกครองอย่างแท้จริง ที่แม้จะมีพรรคการเมืองมากมายเป็นกลไกการเมืองในฐานะตัวแทนของประชาชนแต่ละกลุ่ม แต่ทุกพรรคการเมืองต้องมีเป้าหมายเดียวกัน ต้องเล่นการเมืองในความหมายที่ 1 ซึ่งนั่นก็คือ การเมืองการปกครองของประเทศเท่านั้น แล้วหยุดการเล่นการเมืองในความหมายที่ 2 ของพรรคการเมืองที่เป็นผลประโยชน์ของคนเฉพาะกลุ่มลงเสีย
ดังนั้นการเมืองใหม่ที่แท้จริงในอนาคตจึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเป็นที่ตั้ง บนรากฐานของหลักวิชา หลักการ หลักฐาน และความเป็นจริงในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ ไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัวหรือความเชื่อเฉพาะกลุ่มที่ขัดแย้งแตกแยกในแบบทุกวันนี้
สิ่งที่คณะอนาคตใหม่กำลังทำ ผมได้คาดการณ์ล่วงหน้ามานานแล้ว ผมยังเคยบอกเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่ชื่อ ยองเจีย เลยว่า...ประเทศไทยซวยแล้วตั้งแต่ที่ธนาธรกับปิยบุตรประกาศตั้งพรรคกัน เพราะคนกลุ่มนี้จะสร้างความขัดแย้งที่ใหญ่หลวงด้วยการแก้ปัญหาแบบประชาธิปไตยจอมปลอมที่เนื้อแท้เป็นอนาธิปไตยซึ่งใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย...แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้
และผมไม่ได้นิ่งนอนใจ ผมยังเคยไปยื่นเอกสารผ่านทางสำนักนายกรัฐมนตรีไปถึงท่านนายกฯเพื่อเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศไทยที่มีมาอย่างยาวนาน ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 ตามเอกสารอ้างอิงชิ้นนี้...https://bit.ly/2wecjTl หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่เพิ่งตั้งขึ้นได้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น
ผมกำลังบอกว่าสิ่งที่ผมกำลังมองหามาตลอด คือ การแก้ปัญหาตามหลักวิชาที่สอดคล้องกกับหลักสากลอีกทั้งไม่ขัดกับความเป็นชาติไทย ต่อให้ต้องสู้แค่เพียงคนเดียว ผมก็จะสู้เพราะผมรับผิดชอบต่ออุดมการณ์ของตัวเอง ผมจะไม่หลอกใช้คนลงบนท้องถนน หรือใช้วิธีผิดๆในการสร้างประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่เคยเกิดขึ้นด้วยวิธีการผิดๆ และสังคมไทยของเราเกือบ 90 ปีที่ผ่านมานั้นมีแต่การสร้างประชาธิปไตยแบบผิดๆกันมาโดยตลอด มันจึงไม่แปลกที่ทำให้พวกเราได้แต่ประชาธิปไตยแบบผิดๆเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ในทางตรงกันข้าม...ผมจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงภายใต้กรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ โดยที่ไม่มีใครต้องมาเดือดร้อนทั้งสิ้น จุดยืนของผม...ผมสู้เพื่อการปฏิวัติประชาชนเพื่อสร้างประชาธิปไตยอย่างสันติที่คนในการเมืองการปกครองนี้หรือคนไทยทุกหมู่เหล่ามีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด
ประเทศชาติของเราบอบช้ำมาเกือบ 90 ปีแล้ว ความขัดแย้งทั้งหลายควรยุติลงได้แล้ว แล้วเราหันหน้ามาช่วยกันสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงด้วยกันอย่างสันติภายใต้กรอบของกฎหมายและรัฐธรรมนูญกันจะดีกว่า
มันถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศจะรวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง แล้วก้าวไปด้วยกัน ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างชาติไทยของเราให้ยิ่งใหญ่กันอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง...แต่เพื่อพวกเราชาวไทยทุกคนอยากฝากเสียงนี้ไปถึงน้องๆนักศึกษาว่าทางออกที่สันติและเป็นประชาธิปไตยจริงๆยังมีอยู่อีกมาก อย่าตกเป็นเครื่องมือก่อความรุนแรงของคณะอนาคตใหม่ อย่าเป็นทาสความคิดความเชื่อของแกนนำนักศึกษาที่เป็นขี้ข้ารับใช้คณะอนาคตใหม่อีกเลย
สุดท้ายถ้าเกิดอะไรขึ้นคนที่จะเสียใจและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับน้องๆทุกคนคือ ครอบครัวของน้องๆเท่านั้น
เพราะขนาดทุกวันนี้แกนนำคณะอนาคตใหม่ยังนั่งบัญชาการด้วยหน้าจอ ปากบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งๆที่ความจริงแล้วแกนนำนักศึกษาแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นขี้ข้าของคณะอนาคตใหม่ที่เคยโผล่หัวทำกิจกรรมกับคณะอนาคตใหม่มาแล้วหลายครั้ง เรื่องแค่นี้ยังรับผิดชอบไม่ได้ กฎหมายพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองอื่นปฏิบัติกัน แต่ก็มีพรรคอนาคตใหม่เพียงพรรคเดียวเท่านั้นที่ทำผิดกฎหมายจนถูกยุบไป...ไร้ความสามารถและความรับผิดชอบยิ่งกว่าน้องๆนักศึกษา แล้วยังจะมาเกาะชายกางเกงชายกระโปรงนักศึกษาเป็นเครื่องมือแบบนี้...คณะอนาคตใหม่ไม่มีปัญญารับผิดชอบพวกน้องหรอกครับ
สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ต่อไปภายใต้ความอำมหิตของคณะอนาคตใหม่ คือ การจัดฉากสร้างสถานการณ์ความรุนแรงแล้วโยนความผิดให้ขั้วตรงกันข้าม เพื่อทำลายความชอบธรรมและน่าเชื่อถือของทางฝ่ายรัฐบาล รวมถึงการดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซงตามแบบที่เกิดขึ้นในฮ่องกง ทางฝ่ายรัฐบาลไม่มีวันสร้างความรุนแรงอยู่แล้ว เพราะว่าถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นเมื่อใดฝ่ายรัฐบาลมีแต่ที่จะเสียหาย ดังนั้นคนที่จะสร้างความรุนขึ้นโดยอาศัยน้องๆเป็นเครืองมืออย่างอำมหิตก็คือ คณะอนาคตใหม่ตามสูตรสกปรกทางการเมืองที่เกิดขึ้นซ้ำๆซากๆในประวัติศาสตร์ชาติไทย
สุดท้ายนี้อยากจะบอกกับพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศว่า...เราสามารถสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อย่างสร้างสรรค์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงถนน หรือใช้ความขัดแย้งใดๆเป็นเครื่องมือ แต่เราสามารถใช้วิถีประชาธิปไตยที่ถูกต้องเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง แล้วทุกคนจะชนะไปด้วยกัน ถ้าจะสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ผมขอสู้ในฐานะประชาชนคนธรรมดา ผมไม่จำเป็นต้องทำแบบธนาธรที่บอกว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีก่อนแล้วไปเจรจากับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะมันไม่จำเป็น...เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองอยู่แล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ แถมยังถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด
พูดกันตามแบบวิชาการจริงๆ...สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในการเมืองตามความหมายที่ 1 คือ สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในการเมืองการปกครองในฐานะประมุขแห่งรัฐ แต่ไม่อยู่ในการเมืองตามความหมายที่ 2 คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด และด้วยเหตุนี้...สถาบันพระมหากษัตริย์จึงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวง
ถ้าเรามองตามหลักวิชาการเมืองการปกครอง ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ถูกต้อง เหมาะสม และไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร ประชาชนทุกคนได้ประโยชน์ สถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐย่อมมีความยินดีอยู่แล้วในการเปลี่ยนแปลงที่ดีงามนั้น เพราะมันเป็นหน้าที่ของประมุขแห่งรัฐอยู่แล้วในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |