อัยการส่งฟ้อง 10 แกนนำ นปช.คดีชุมนุมหน้าทำเนียบฯ ไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ปี 52 "เต้น" โวยฟ้องซ้ำคดีที่พัทยา ศาลให้ประกันคนละ 2 แสนบาท นัดสอบคำให้การ 27 มี.ค.
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 26 มีนาคม เวลา 13.00 น. พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 10 นำตัวนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กับพวกรวม 10 คนมายื่นฟ้องเป็นจำเลย กรณีกลุ่ม นปช.จัดการชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งแรกเมื่อปี 2552
โดยอัยการได้แยกข้อหาฟ้องจำเลยแต่ละคนดังนี้ นายวีระกานต์ อายุ 70 ปี อดีตประธาน นปช. จำเลยที่ 1, นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 53 ปี ประธาน นปช. จำเลยที่ 2 และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 43 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุม ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ส่วน นพ.เหวง โตจิราการ อายุ 67 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 4, นายสิระ หรือสรวิชญ์ พิมพ์กลาง อายุ 59 ปี แกนนำคนเสื้อแดง จ.สกลนคร จำเลยที่ 5, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 67 ปี แกนนำ นปช. จำเลยที่ 7, นายพิพัฒน์ชัย หรือสมชาย ไพบูลย์ อายุ 49 ปี แนวร่วม นปช. จำเลยที่ 8 และนายพายัพ ปั้นเกตุ อายุ 59 ปี แนวร่วม นปช. จำเลยที่ 9 ถูกยื่นฟ้อง 3 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป
ขณะที่นายณรงศักดิ์ มณี อายุ 52 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ จำเลยที่ 6 ถูกยื่นฟ้องข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 และนายพงศ์พิเชษฐ์ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง อายุ 60 ปี แนวร่วม นปช.จำเลยที่ 10 ถูกยื่นฟ้อง 2 ข้อหา ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง ให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
คำฟ้องอัยการระบุพฤติการณ์สรุปว่า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 30 พ.ค.50 ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม นปช.ขึ้นมา โดยมีนายวีระกานต์เป็นประธาน ซึ่งจำเลยกับพวกที่เป็นแกนนำได้นัดรวมตัวเพื่อเคลื่อนไหวกันตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.52 เรื่อยมา กระทั่งวันที่ 26 มี.ค.52 กลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ได้ปิดทางเข้าออกทำเนียบรัฐบาลเพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และเมื่อสถานการณ์ชุมนุมเริ่มรุนแรงขึ้น มีผู้ชุมนุมบางส่วนเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี (บ้านพักสี่เสาเทเวศร์) เพื่อกดดันให้ พล.อ.เปรม, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี รวมทั้งให้นายอภิสิทธิ์และนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน จากนั้นวันที่ 9 เม.ย.52 แกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้กระจายกำลังไปปิดล้อมสถานที่ราชการสำคัญหลายแห่งใน กทม. รวมถึงปิดกั้นจราจรในพื้นที่ต่างๆ
จากนั้นเมื่อพบว่าสถานการณ์ทางการเมืองและการชุมนุมของ นปช.ทวีความรุนแรงขึ้น นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นจึงได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และออกข้อกำหนดห้ามไม่ให้มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในท้องที่ กทม. แต่จนถึงวันที่ 14 เม.ย.52 กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงชุมนุมและปราศรัยปลุกระดมยุยง ณ เวทีบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ, นำรถบรรทุกแก๊สไปจอดไว้กลางถนนเพื่อข่มขู่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและประชาชนเดือดร้อนเสียหาย เหตุเกิดที่แขวง-เขตดุสิต, แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี, แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร และแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.
ท้ายฟ้องอัยการยังได้ขอให้ศาลนับโทษของนายวีระกานต์, นายจตุพร, นายณัฐวุฒิ, นพ.เหวง และนายวิภูแถลง ในคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่ถูกฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อการร้ายด้วย โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งสิทธิแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนจำเลยทั้งสิบตั้งแต่เดือน เม.ย.52 - 18 มิ.ย.52 แล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.968/2561 โดยศาลจะเบิกตัวนายจตุพร จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาสอบคำให้การพร้อมกับจำเลยอื่นในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ต่อมาทนายความจำเลยทั้ง 9 คน ยกเว้นนายจตุพรซึ่งถูกคุมขังในคดีอื่น ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างสู้คดี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมดแล้ว โดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท ไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ
ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวก่อนถูกอัยการยื่นฟ้องว่า พวกตนถูกดำเนินคดีทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา จึงได้ทำเรื่องร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุดว่าเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีที่พัทยาหรือไม่ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปจากอัยการสูงสุด และวันที่ 29 มี.ค.นี้ต้องไปพบพนักงานอัยการที่พัทยาอีกในคดีอื่นปีเดียวกัน จากการชุมนุมครั้งเดียวกันปี 2552 ทุกคดีเราพร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรมถึงที่สุด ทั้งนี้บรรทัดฐานในคดีนี้น่าจะเทียบเคียงได้กับกรณีชุมนุมทางการเมืองอื่นๆ อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมที่มีมาตรฐานเดียวกันชัดเจนตรงไปตรงมา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |