29ก.พ.63-นายอนุทิน ชาญวีรกุล  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีวาการกระทรวงสาธารณาสุข(สธ)แถลงถึงสถานการณ์การระบาดโรคโคโรนาไวรัส 2019 โดยกล่าวถึงการชุมนุมทางการเมืองขณะนี้ว่า วันนี้มีการประกาศให้โควิด-19  เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ.2558 และอาจจะมีการประกาศอะไรต่อไป ตามอำนาจ พ.ร.บ.ฉบับนี้ตามมาอีก ซึ่งการออกประกาศดังกล่าว ก็เพื่อป้องกันโรค  และทำให้การทำงานเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน และควบคุมโรคมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และสามารถตัดสินใจดำเนินการต่างๆได้รวดเร็ว โดยถ้าหากจำเป็นก็สามารถประกาศให้เมืองใด เป็นเขตติตดต่อของโรค สั่งห้ามการเดินทางเข้าออก หรือบังคับรักษา กักกันโรค ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ปปฎิบัติงานได้อย่างดี 

รมว.สธ.กล่าวอีกว่า และขอใช้โอกาสนี้ เรียนต่อพี่น้องทั้งหลาย ทราบมาว่าจะมีการรวมตัวลูกๆหลานๆ แสดงออกทางการเมือง กราบเรียนไปถึงผู้ปกครองว่า ช่วงนี้ มีการระบาดโรคติดต่อไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ซึ่ง สธ.ในนามของรัฐบาล แพทย์ พยาบาล เราต่อสู้โรคนี้ม 2เดือนเต็ม สามารถยืนสู้กับโรคนี้ได้ เราพบผู้ป่วยในจำนวนควบคุมได้ ให้การรักษาได้ ลำดับการพบเจอผู้ป่วย 2-3 สัปเดาห์แรก ไทยอยู่อันดับ 2 รองจากจีน แต่วันนี้อยู่ในอันดับที่  13  แสดงว่าเราทำได้ดีมาตลอด  ในการเสริมสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน  เพราะยิ่งมีผู้ป่วยน้อยการระบาดก็น้อยลง แต่การที่ โรคโควิด-19นี้ สามารถระบาดได้จากละอองฝอย น้ำมูก น้ำลาย เวลาไอจาม ระบาดได้จากการสัมผัสตัวกัน  แต่เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ป้องกันได้ คือ การไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ  

" สธ.มีหน้าที่แจ้งเตือนขอร้องทุกคนให้ความร่วมมือมากที่สุด อย่าให้ถึงขั้บังคับเลย ถ้าไม่ยอม ก็จะเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าสถานการณ์ปกติเราคงปล่อย แต่นี่ไม่ปกติ ถ้าติดเชื้อ อาจติดกันหมด  เพราะว่าการชุมนมโดยมีคนเยอะขนาดมากๆ จะสุ่มเสี่ยงต่อการระบาดของโรคและจะทำให้การควบคุมการระบาดเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะถ้ามีใครติดโรคสักคน ต้องติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอีกไม่ต่ำกว่า 30-40 คน  แต่ถ้ามีคนติดเชื้อเป็น 100 คน หรือเป็นพันคน  ก็จะต้องติดตามคนอีกจำนวนมาก เรียนได้ว่ากำลังความสามารถของสธ. คงมีไม่พอแน่นอน  ห้องไม่พอ สถานพยาบาลไม่พอ ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องโต  แม้เขาจะใส่หน้ากากอนามัย มีเจลล้างมือ คนจัดชุมนุมต้องหาความปลอดภัย เรื่องนี้จึงมีเรืองกฎหมายด้วย ถ้าการชุมนุมตรงนั้นแพร่กระจายเชื้อ แล้วเดินหน้าจัด "
   
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในวันจันทร์ที่ 2มี.ค.นี้ ทางสธ. ที่ประกอบด้วย 9 กรม  9ตึก รวมทั้งสำนักปลัดสธ.(สป.สธ.) จะทำการแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชน คนละไม่เกิน 3แผ่นต่อราย เพื่อลดภาระให้ประชาชน  และความกังวลความเดือดร้อนของประชาชนที่หาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ และขอกราบเรียนขอร้องอย่าให้มีการเวียนมารับ หรือกักตุนเพื่อนำไปขาย ซึ่งหากรู้จะดำเนินการตามกฎหมายผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนเดือดร้อนไม่ควรทำเช่นนี้ 

"ผมขอกราบแทบเท้าเลย ขอให้ท่านนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม อย่าเวียนเทียนมา กักตุนเพื่อขาย เราไม่สามารถเช็คบัตรประชาชนใครได้ทุกคน   ใครมาเอาไปขายถือว่าบาปหนัก เราต้องคิดถึงเพื่อนร่วมชาติ มารับและเอาไปใช้ แต่เราจะไม่ให้ข้าราชการสธ.มารับด้วย เพราะถือว่าเป็นผู้มีความรู้เรื่องป้องกันโรคติดเชื้อนี้   ใครที่ซื้อไม่ได้มารับที่นี่ เราจะแจกระยะหนึ่ง "รมว.สธ. กล่าว

    ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ.กล่าวว่า ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นชายไทยอายุ 21ปี เป็นพนักงานขาย ใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ และขณะนี้ได้ติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วย ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว       นอกจากนี้ ขอวิงวอนประชาชนที่ไม่มีความจำเป็นอย่าเดินทางไปต่างประเทศ  โดยเฉพาะใน  12ประเทศอันดับแรกที่มีความเสี่ยง ถ้าไม่จำเป็นก็หลีกเลี่ยงไปประเทศเหล่านี้  และกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรคต้องหลีกเลี่ยง ขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการไปสถานที่สาธารณะ ที่มีคนหนาแน่น  

    ส่วนเรื่องยารักษาเชื้อไวรัส ขณะนี้ องค์การเภสัชกรรม(อภ.) กำลังนำเข้าสารตั้งต้น เพื่อผลิตยา ที่เคยสั่งนำเข้าจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งยาดังกล่าวนี้ นำมาใช้กับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อตัวยาเบื้องต้นที่อภ.ผลิต โดยยาเบื้องต้นนั้นไม่ใช่ยาที่ใช้รักษา เพราะยังไม่มียารักษาโดยตรง แต่เป็นยาที่ช่วยประคับประคองบรรเทาอาการ และรอให้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานดีขึ้น ต่อสู่กับโรคได้