28 ก.พ. 63  - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ “หยิบข่าวมาคุย” ช่วงหนึ่งว่า  พลังนักศึกษาตื่นขึ้นมาในสมัยนี้ ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพราะพวกเขาได้รับผลกระทบจากการบริหารประเทศของรัฐบาล รวมทั้งได้รับแรงเหวี่ยงสำคัญจากความเสื่อมในระบบรัฐสภา ซึ่งช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ฝ่ายค้านเกิดความขัดแย้งกันขึ้น มีความบาดหมางทำให้เกิดความเข้าใจถึงเกมหักหลังกัน ยิ่งเพิ่มแรงลุกฮือของขบวนการคนหนุ่งสาวมากขึ้นไปอีก

“เมื่อสภายิ่งเสื่อม ขบวนการนอกสภายิ่งเติบโต ผมพูดเช่นนี้ ไม่ใช่ต้องการโหนพลังนักศึกษาคนหนุ่มสาว เพราะผมต่อสู้แบบนี้มานานและผ่านขบวนการเหล่านี้มาแล้ว ผมจึงเข้าใจและดีใจที่เห็นพลังคนหนุ่มสาวมีสำนึกต่อชาติบ้านเมือง แต่พูดเพียงไม่ต้องการเห็นฝ่ายการเมืองเข้าไปพัวพันด้วย ควรปล่อยให้พลังคนหนุ่มสาวเป็นขบวนการบริสุทธิ์ เป็นการเคลื่อนไหวชุมนุมที่สะอาดสวยงาม ได้กล่าวปราศรัยอย่างมีนัยยะสำคัญ อีกทั้งได้ใช้มือถือส่องแสงไฟฉายในยามค่ำคืนเพื่อหาอนาคตของพวกเขา มันช่างเป็นพลังสวยงามของประเทศ”

ส่วนปรากฎการณ์นอกสภาถัดจากนี้ไปนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อความเสื่อมในสภามีส่วนทำให้การเมืองนอกสภาทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยก่อนการอภิปรายของฝ่ายค้านมีการซื้อ ส.ส.งูเห่า แฉคลิปชักชวนให้ขายตัวย้ายไปอยู่กับบางพรรคกันสารพัด นั่นเป็นความเสื่อมเข้าไปแล้ว แทนที่ฝ่ายค้านจะรักษาความได้เปรียบกับบรรดาคนหนุ่มสาวที่ลุกฮือเต็มบ้านเต็มเมือง กลับไปทำในสิ่งที่สร้างความขัดแย้งด้วยกันเองเสียอีก เท่ากับเป็นพัฒนาการของความเสื่อมในระดับรุนแรงขึ้นถึงขั้น “เสื่อมระบบรัฐสภา”

“(ฝ่ายค้าน) ต้องเข้าใจว่า คนหนุ่มสาว ไม่ต้องการการเมืองแบบสลับซับซ้อน พวกเขาต้องการแบบตรงไปตรงมา ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ พวกเขาไม่ต้องการคนมีเหลี่ยมคูมากกว่า หรือใครอ่านสามก๊กมากกว่า และการใช้ศิลปการเมืองต่างๆนั้นต้องใช้กับศัตรู อย่าใช้กับมิตร”นายจตุพร ตำหนิการเมืองของฝ่ายค้านที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกันเอง