"ปู่-ย่า-หลาน" ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อาการดีขึ้น "สธ." เผยตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดครอบครัวนี้ครบ 101 คน เบื้องต้น 97 คนไร้เชื้อ อีก 4 คนรอผลแล็บ แพทย์ให้ผู้ติดเชื้อเดิมกลับบ้านเพิ่ม 3 ราย "บิ๊กตู่" กำชับ ขรก.ดูงานแต่ในประเทศ "หมอหนู" เซ็นประกาศโรคติดต่ออันตรายแล้ว "โดนัลด์ ทรัมป์" เชื่อมั่นสหรัฐมีความเสี่ยงต่ำ แต่ฝ่ายสาธารณสุขกลับเตือนคนอเมริกันเตรียมเจอการติดเชื้อเพิ่ม อิตาลี-อิหร่านยังเป็นต้นตอการติดเชื้อรายใหม่ในหลายประเทศ
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ว่า ข่าวดีวันนี้แพทย์อนุญาตให้ผู้ติดเชื้อกลับบ้านได้เพิ่มอีก 3 ราย จากสถาบันบำราศนราดูร 2 ราย เป็นชายจีน อายุ 63 ปี และชายไทย อายุ 49 ปี จากโรงพยาบาลราชวิถี เป็นหญิงจีน อายุ 33 ปี มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 27 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 13 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 40 ราย
ขณะที่ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงอาการผู้ติดเชื้อกรณีปู่ ย่า และหลานว่า วันนี้อาการดีขึ้นปลอดภัยแล้ว การติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับกลุ่มผู้ป่วยของครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนร่วมกรุ๊ปทัวร์ บุคลากรทางการแพทย์ เพื่อนร่วมชั้นเรียน สามารถติดตามบุคคลที่ใกล้ชิดได้ครบทุกคนแล้วจำนวน 101 คน
"จากการตรวจเบื้องต้นพบว่า 97 คน ไม่พบเชื้อ อีก 4 คนอยู่ระหว่างการรอผลทางห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 หลังจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเอาจริงกับผู้ที่ปกปิดข้อมูลโดยจะบังคับใช้กฎหมายทันที หากพบผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดเกิดขึ้นในวงกว้าง" นพ.โสภณกล่าว
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศโรคติดต่ออันตราย และเตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ในวันถัดไป
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังไม่มีประกาศการระบาดสู่ระยะที่ 3 ไม่ต้องรีบร้อน ซึ่งรัฐบาลขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงให้แจ้งประวัติการเดินทาง แต่หากมีการปกปิดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะที่บ้านเขาก็มีการตรวจสอบ และคนก็ผ่านจุดคัดกรองที่สนามบินมาแล้วทุกขั้นตอนและไม่มีโรค แต่เมื่อกลับมาแล้วก็ต้องไปพบแพทย์ ขึ้นบัญชีไว้ว่ามาจากที่ไหนบ้างก็แค่นั้นจะได้มีการติดตามตรวจเป็นระยะๆ
"อย่างวันนี้ก็มีการเฝ้าระวังติดตามตรวจอาการตั้งหลายร้อยคน หากประชาชนไม่ร่วมมืออะไรสักอย่าง แล้วจะทำอย่างไรได้ เพราะคนมีเป็นสิบกว่าล้านคน เราต้องช่วยกันทั้งสองทาง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ถามกรณี ส.ส.หญิงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีอาการเป็นไข้ หลังเดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น และมาร่วมประชุมสภาฯ โดยไม่มีการกักตัวในระยะเวลากำหนด นายกฯ กล่าวว่า เอาตัวมาแล้ว และทดสอบแล้วก็ไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้มีการกักตัวให้แพทย์ดูแลในห้วงระยะเวลาที่กำหนด
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏรเป็นพิเศษที่รัฐสภา มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่การอภิปราย นายศุภชัยแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงมาตรการรักษาความสะอาด ภายหลังพบ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรค พปชร. กลับจากประเทศญี่ปุ่นและมีไข้ว่า ทางสำนักงานเลขาธิการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักบริการทางการแพทย์ร่วมกับสำนักรักษาความปลอดภัย ทำความสะอาดตามมุมต่างๆ ทั้งในห้องประชุมสภาและบริเวณที่สื่อมวลชนทำงานด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ส่วนตัว ส.ส.หญิงรายดังกล่าวได้เข้ารับตรวจร่างกายที่สถาบันบำราศนราดูรตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์ไม่ได้รับตัวแอดมินเนื่องจากไม่มีไข้ และให้รอผลการตรวจในวันนี้ หากผลออกแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า ในส่วนการเดินทางไปต่างประเทศ ตนได้ให้แนวทางไปแล้วว่าในการไปดูงานข้างหน้าของครม.ที่ประเทศที่มีความเสี่ยง จะให้เดินทางดูงานภายในประเทศแทน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของเราด้วยเพื่อเกิดประโยชน์ในพื้นที่
ปิด รร.นานาชาติดอนเมือง
วันเดียวกัน นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ได้กำชับให้โรงเรียนใดที่เตรียมเดินทางไปทัศนศึกษาในต่างประเทศ ขอให้ทบทวนและงดเว้นเดินทางไปก่อน โดยเฉพาะในประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง สช.จะมีการนัดประชุมโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงแนวทางป้องกัน ในวันที่ 28 ก.พ.นี้
"ผมได้รับรายงานมีโรงเรียนนานาชาติย่านดอนเมือง จัดกิจกรรมพานักเรียนจำนวน 505 คน ไปทัศนศึกษาในประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยในจำนวนดังกล่าวมีครูรวมอยู่ด้วย จำนวน 60 คน และได้เดินทางกลับมาวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เบื้องต้นพบว่าทางโรงเรียนได้สั่งให้กลุ่มที่เดินทางไปทัศนศึกษาเก็บตัวอยู่ภายในบ้านพัก และปฏิบัติตัวตามมาตรการของ สธ.อย่างเคร่งครัด โดยในส่วนของ สช.นั้น ผมได้ออกคำสั่งให้โรงเรียนปิดการจัดการเรียนการสอนไปก่อน และให้เด็กเรียนผ่านระบบออนไลน์แทน" เลขาฯกช.กล่าว
ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 11 ข้อ ซึ่งเนื้อหาหลักๆ สั่งให้ข้าราชการ กทม.สามัญ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา กทม. บุคลากรของ กทม. และนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.ทั้งหมดชะลอการอนุมัติหรืออนุญาตการเดินทางไปฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ศึกษาดูงาน และปฏิบัติการวิจัยระหว่างประเทศ หรือการเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงตามประกาศของ สธ.
ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงาน อ้างรายงานขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ประจำวันในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีจำนวนมากกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว โดยจีนซึ่งพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นเมื่อเดือนธันวาคม ก็ไม่ใช่แหล่งแพร่เชื้อเพียงประเทศเดียวอีกต่อไป แต่หลายประเทศที่พบผู้ติดเชื้อเป็นครั้งแรกเชื่อมโยงไปถึงประเทศอย่างอิหร่าน, อิตาลี และเกาหลีใต้ โดยปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 3,600 รายในเกือบ 40 ประเทศภายนอกจีน และมีผู้เสียชีวิตรวมมากกว่า 50 ราย
ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แถลงให้ความมั่นใจกับคนอเมริกันว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในสหรัฐอเมริกานั้นยังมีความเสี่ยง "ต่ำมาก" และเขาได้มอบหมายให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เป็นผู้ดูแลการรับมือของสหรัฐต่อวิกฤติสาธารณสุขโลกครั้งนี้ ทรัมป์ยังปกป้องการรับมือของรัฐบาลเขาที่ผ่านมา และยอมรับว่ามีโอกาสที่สถานการณ์ในสหรัฐจะเลวร้ายลง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขมีความพร้อม, เต็มใจและสามารถรับมือการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว
อิตาลี-อิหร่านต้นตอแพร่เชื้อ
คำกล่าวของผู้นำสหรัฐขัดแย้งกับคำเตือนของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ขอให้คนอเมริกันเตรียมพร้อมรับมือการติดเชื้อในประเทศเพิ่มเติม โดยถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในสหรัฐแล้ว 60 ราย ต่อมาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) เปิดเผยว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายรายใหม่ที่แคลิฟอร์เนีย โดยเป็นผู้ติดเชื้อรายแรกที่ไม่สามารถระบุต้นตอของเชื้อได้ เนื่องจากบุคคลนี้ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศหรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่เคยติดเชื้อ
ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยไว้ด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาใช้มาตรการจำกัดการเดินทางกับอิตาลีและเกาหลีใต้ เพิ่มเติมจากที่เคยห้ามนักเดินทางจากจีนเข้าประเทศ
ที่เกาหลีใต้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 505 ราย เป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในวันเดียว ซึ่งทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 1,766 รายนับแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคม ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 13 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 422 รายนั้นอยู่ที่เมืองแทกู ที่พบการแพร่ระบาดหนักที่สุด
ก่อนหน้านี้ คำแถลงของเคซีดีซีเมื่อวันพุธเผยด้วยว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของโคเรียนแอร์รายหนึ่งที่พบติดเชื้อนั้น เคยบินในเที่ยวบินเคอี 958 จากอิสราเอลมาเมืองอินชอนเมื่อวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ ผู้โดยสารไฟลต์นี้รวมถึงกรุ๊ปทัวร์ชาวเกาหลีใต้ที่พบผู้ติดเชื้อ 31 ราย ต่อมาสำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า แฮร์โฮสเตสรายนี้เคยบินในเที่ยวบินระหว่างกรุงโซลกับนครลอสแองเจลีสของสหรัฐด้วยในเที่ยวบินเคอี 017 และเคอี 012 วันที่ 19 และ 20 กุมภาพันธ์ ลูกเรือ 30 คนในไฟลต์เหล่านี้กักกันโรคด้วยตนเองแล้ว
แม้แต่จีน ก็กำลังวิตกการนำเข้าไวรัสจากภายนอกกลับเข้าประเทศ โดยรัฐบาลมีคำสั่งให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศที่พบการติดเชื้อ มายังกรุงปักกิ่ง ต้องกักกันโรคตนเอง 14 วัน คำแถลงของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนวันพฤหัสบดีชี้ว่าสถานการณ์ในจีนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเพียง 29 ราย ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยยอดรวมเพิ่มเป็น 2,744 ราย และผู้ติดเชื้อรายใหม่ 433 ราย ยอดรวมเกือบ 78,500 ราย
ในภูมิภาคอื่น รัฐบาลหลายประเทศเริ่มออกคำแนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปอิตาลี ซึ่งพบผู้ติดเชื้อแล้ว 400 ราย เสียชีวิต 12 ราย ประเทศเพื่อนบ้านของอิหร่านที่มีพรมแดนติดกันก็สั่งปิดจุดผ่านแดน
เมื่อวันพุธ บราซิลยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศและเป็นรายแรกของทวีปอเมริกาใต้ด้วย คนไข้รายนี้อายุ 61 ปีเคยเดินทางไปแคว้นลอมบาร์ดีของอิตาลีที่มีการแพร่ระบาดหนักสุด โรมาเนียก็มีผู้ติดเชื้อรายแรกซึ่งติดเชื้อจากชาวอิตาลี ส่วนเดนมาร์ก, แอลจีเรีย และนอร์ทมาซิโดเนีย พบผู้ติดเชื้อรายแรกของประเทศก็เชื่อมโยงถึงอิตาลีเช่นกัน
อังกฤษรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า พบผู้ป่วยติดโควิด-19 เพิ่มอีก 2 ราย โดยรายหนึ่งติดจากการไปอิตาลี และอีกรายติดจากเกาะเตเนรีเฟของสเปน ทำให้จำนวนรวมผู้ติดเชื้อในอังกฤษอยู่ที่ 15 ราย
ส่วนปากีสถานและเอสโตเนียพบผู้ติดเชื้อรายแรก โดยเชื่อมโยงกับอิหร่าน ซึ่งเป็นต้นตอเชื้อไวรัสที่พบในผู้ติดเชื้อที่อัฟกานิสถาน, คูเวต และบาห์เรนก่อนหน้านี้ รัฐบาลอิหร่านรายงานว่า มีคนเสียชีวิตในประเทศเพิ่มเป็น 26 ราย มากที่สุดนอกเหนือจากจีน ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 245 ราย รัฐบาลอิหร่านใช้มาตรการห้ามการเดินทางในประเทศสำหรับผู้ที่ติดเชื้อทั้งที่ยืนยันหรือต้องสงสัยว่าติดเชื้อ และจำกัดการเดินทางเยือนศาสนสถานของชาวมุสลิมด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การปิดเมืองกักกันโรค
รัฐบาลซาอุดีอาระเบียก็มีคำสั่งระงับวีซ่าผู้แสวงบุญชาวต่างชาติที่จะมาประกอบพิธีอุมเราะห์ ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่เคยบังคับใช้มาก่อน ก่อคำถามว่าจะส่งผลไปถึงพิธีฮัจญ์ที่จะเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคมหรือไม่ กระทรวงการต่างประเทศซาอุฯ ยังระงับวีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศที่พบว่ามีอันตรายจากไวรัสด้วย
หลายกิจกรรมทั้งกีฬา นิทรรศการและเทศกาล ต้องยกเลิกเพราะการแพร่ระบาด รวมไปถึงการซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ที่เลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด กรีซซึ่งพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 รายเมื่อวันพฤหัสบดีสั่งยกเลิกเทศกาลคาร์นิวัลทั้งหมดในประเทศ
ที่ญี่ปุ่น นายกฯ ชินโซ อาเบะ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี เรียกร้องให้โรงเรียนทุกระดับตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมปลายปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม ไปจนถึงวันเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิปลายเดือนมีนาคม วันเดียวกันนี้ลูกเรือของเรือสำราญไดมอนด์ปรินเซส 240 คนที่ถูกกักกันโรค ได้รับอนุญาตให้ลงจากเรือแล้ว ที่เหลืออีกหลายร้อยคนจะทยอยตามลงมา เรือลำนี้พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 700 ราย และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย
ทางการญี่ปุ่นยังรายงานพบการติดเชื้อของคนไข้หญิงรายหนึ่งที่เคยรับการรักษาจนหายดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่กลับติดเชื้อไวรัสนี้อีกครั้ง หากไม่นับรวมผู้ติดเชื้อบนเรือสำราญ ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 200 ราย และเสียชีวิต 4 ราย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |