ชักดูยุ่งๆ ขึ้นมามั่งแล้ว...สำหรับ ในสภาฯ นั้นคงไม่เท่าไหร่ ไม่ว่าจะอรุณรุ่ง-อรุณไม่รุ่ง ไม่ว่าฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายรัฐบาล รัฐแบน จะโรมรันพันตู กันไปถึงขั้นไหน แต่ด้วยกฎ ด้วยกรอบ ด้วยครรลองความเป็นประชาธิปไตย ที่ถูกออกแบบ ดีไซน์ เอาไว้โดยละเอียด ประณีต ในแต่ละกรณีๆ มันคงไม่ถึงกับยุ่งเหยิงระดับหนวดแขกพันกับฝอยขัดหม้อมากมายซักเท่าไหร่นัก...
--------------------------------------------------------
เพราะเท่าที่ดูจากการออกหมัด-เท้า-เข่า-ศอก การออกอาวุธโต้แบบดอก-ต่อดอก ใน ศึกวันทรงชัย หรือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ในคณะรัฐบาลทั้ง 6 ราย มาประมาณ 3 วัน 3 คืน ก็คงไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากศึกอภิปรายเท่าที่เคยเป็นมามากมายซักเท่าไหร่ คืออาจเจ็บบ้าง ปวดบ้าง ไปด้วยกันทั้งคู่ แต่สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงต้องดำเนินไปตามกฎและกติกา ตามระเบียบ ประเพณี ที่ถูกออกแบบ ถูกจัดวางแนวทาง เอาไว้ตามครรลองแห่งความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งไม่ว่าจะมีลักษณะพิเศษ ลักษณะเฉพาะ ต่างไปจากกันและกันมาก-น้อยขนาดไหน แต่โดยเนื้อหาและข้อสรุป ก็คงเหมียนๆ กันนั่นแหละ...
--------------------------------------------------------
แต่สำหรับ นอกสภาฯ นี่สิ!!!...แม้จะมีกฎ มีกรอบ เพียงใดก็ตามที แต่มันคงต้องอาศัย ศาสตร์ ต่างๆ ในการรับมือชนิดไม่รู้กี่ศาสตร์ ต่อกี่ศาสตร์ คือจะอาศัยเฉพาะ นิติศาสตร์ เพียงอย่างเดียวคงลำบาก อาจต้องเพิ่ม รัฐศาสตร์, เศรษฐศาสตร์ ไม่ก็ สังคมศาสตร์ หรือแม้แต่ จิตศาสตร์ หรือ จิตวิทยา ผสมปนเปเข้าไปด้วย มันถึงอาจพอช่วยสาง ช่วยแก้ปมต่างๆ ไม่ให้ต้องตกอยู่ในสภาพ ลิงแก้แห กันในโอกาสต่อไป โดยทั้งนั้น ทั้งนี้...ทุกๆ ศาสตร์ต้องไหลมารวมกันจนกลายเป็น ธรรมศาสตร์ นั่นแหละ ถึงจะ เอาอยู่ ไม่ว่า ณ ขณะนี้ หรือในอนาคตเบื้องหน้า...
-------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ต้องอาศัยความละเอียด ประณีต อาศัยศิลปะในรูปแบบต่างๆ เป็นจำนวนไม่น้อย มันถึงอาจพอช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ถึงกับเลอะเทะ เละเทอะ หรือเลอะเทอะ จนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงขณะที่ สภาวะแวดล้อม มันไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้สำหรับการสางปม สางปัญหาต่างๆ มากมายซักเท่าไหร่ คือมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปาก เรื่องท้อง ที่เป็นตัวทำลายบรรยากาศสร้างแรงกดดัน สร้างความหงุดหงิด กันในระดับโลก มีทั้งเรื่องความกลัว ความหวาดระแวง จาก เชื้อโรค ไม่ว่าทางร่างกาย หรือในทางอารมณ์-ความรู้สึก และที่สำคัญเอามากๆ ก็คือเชื้อโรคที่มันเป็นตัวก่อให้เกิด ความแตกต่าง ชนิดที่แม้แต่ผู้คนที่อยู่ในสังคมเดียวกัน แผ่นดินเดียวกัน อาจคิดกันไปคนละทาง สองทาง หรือถึงขั้นย่อยแยก แตกกระจาย ระดับต่อไม่ติด ไม่อาจเชื่อมประสาน เชื่อมโยง ระหว่างกันและกันเอาง่ายๆ...
-----------------------------------------------------
ดังนั้น...อะไรที่เคยเป็นศูนย์รวมแห่งความรู้สึก ศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งเคยมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มาโดยตลอด นับตั้งแต่อดีต เลยหนีไม่พ้นต้องถูกท้าทาย ทดสอบ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ การหาทางประคับประคอง และดำรง รักษา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงต้องอาศัย สติ-ปัญญา ไปจนความละเอียด รอบคอบ รวมทั้งความประณีตอย่างเป็นพิเศษ ต้องอาศัย กฎเกณฑ์ ที่อาจอยู่เหนือขึ้นไปกว่า กฎหมาย ธรรมดาโดยปกติ ระดับ กฎแห่งธรรมชาติ หรือบรรดา ธรรมะ ทั้งหลายนั่นเอง ถึงจะพอช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้ารูป-เข้ารอย เป็นไปตามครรลองของธรรมชาติ อันว่าด้วย...ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล...
----------------------------------------------------
บรรดาผู้ที่ยังคงยึดมั่น เชื่อมั่น ศรัทธา ต่อสิ่งต่างๆ ที่ช่วยให้เกิดการหลอมรวมขึ้นมาเป็นสังคมไทย ประเทศไทย นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคตเบื้องหน้า จึงคงต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ นั่นแหละเป็นที่ตั้ง ต้องอาศัยคุณธรรม มโนธรรม จริยธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขันติธรรม อย่างเป็นพิเศษ ในการทำความเข้าใจ หรือการรับมือกับ เชื้อโรคทางความรู้สึก ที่เป็นตัวก่อให้เกิด ความแตกต่าง ขึ้นมาในสังคมไทย จะไปนอตหลุด นอตหลวม ไปแยกกลุ่ม แยกฝ่าย เป็น ฝ่ายมัน-ฝ่ายเรา ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะโดยอาศัย แนวคิด, สถานะทางชนชั้น หรือแม้แต่ วัย เป็นเส้นแบ่งลักษณะความแตกต่างดังกล่าว มีแต่ต้องหันมามองกันและกัน ในฐานะ เพื่อนมนุษย์ หรือ เพื่อนผู้ร่วมวัฏสงสาร นั่นและเป็นหลัก ถึงพอช่วยลดอุณหภูมิความแตกต่างทั้งหลายลงไปได้มั่ง...
----------------------------------------------------
เพราะบรรดา บททดสอบ เหล่านี้...เอาเข้าจริงๆ แล้ว มันก็เป็นไปตาม กฎแห่งธรรมชาติ ที่ว่านั่นเอง คือ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่สังคมไทย ประเทศไทย เคยผ่านบททดสอบ บทเรียนชนิดนี้มาแล้ว ไม่รู้กี่ครั้ง ต่อกี่ครั้งจนอาจถือเป็นข้อสรุปหรือข้อพิสูจน์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์เอาเลยก็ได้ว่า ว่าด้วย ธรรมะ นั่นเอง ที่ช่วยให้สามารถเอาชนะ สามารถทำให้ประเทศไทย สังคมไทย ผ่านสิ่งเหล่านี้มาได้ อย่างอยู่รอด ปลอดภัย และอยู่ยั้ง ยืนยง มาจนตราบเท่าทุกวันนี้...
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Gospel of the Buddha... “Water surrounds the lotus flower, but does not wet its petals. - ดอกบัวมีน้ำล้อมรอบ แต่น้ำไม่เปียกกลีบบัว...”
-----------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |