"ธนาธร" ประกาศยืนหยัดหลักการ “มีราคาที่ต้องจ่าย” หวังว่าที่จ่ายไปมากพอที่จะปลุกต่อต้านเผด็จการกับความอยุติธรรม ขณะที่แฟลชม็อบลามถึง ม.ปลาย โรงเรียนสตรีวิทยาชู 3 นิ้วอยู่ข้างประชาธิปไตย ส่วน ส.ส.ส้มหวานส่อแตกเพิ่ม เครือข่าย "ยุทธ ตู้เย็น" ต้อนเข้าสังกัด
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความและรูปภาพนักศึกษาร่วมแฟลชม็อบหนุนประชาธิปไตย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” โดยระบุข้อความว่า โมงยามสุดท้ายของวันที่ศาลมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทั้งลงดาบที่คอตัดสิทธิ์ทางการเมืองของผมและกรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 ท่านเป็นเวลา “หนึ่งทศวรรษ” ห้วงเวลานั้น คงทำให้ผู้คนได้ประจักษ์ร่วมกันไม่มากก็น้อยว่า การหยัดยืนตรงเพื่อคงไว้ซึ่งหลักการนั้น “มีราคาที่ต้องจ่าย”
เมื่อได้จ่ายไปแล้ว ผมและผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่จึงหวังแต่เพียงว่า ราคาที่เราได้จ่ายไปนั้น จะมากพอที่จะปลุกผู้ที่ยังหลับใหล ให้ได้ตื่นขึ้นมาพบความผิดปรกติในสังคมนี้ได้บ้าง
“ผมขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการท้อถอย เวลานี้ไม่ใช่เวลาของความสิ้นหวัง เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเหนียมอายต่อการลุกขึ้นมายืนฝั่งตรงข้ามกับความอยุติธรรม แต่เวลานี้เป็นเวลาที่เราจะลุกขึ้นมายืนหยัดและบอกกับเหล่าผู้มีอำนาจว่า ประเทศนี้เป็นของประชาชน เรามิได้เป็นเพียงผู้เช่า แต่คือเจ้าของ
นายธนาธรระบุอีกว่า หลายวันมานี้ ภาพของนักศึกษาและประชาชนที่เริ่มลุกขึ้นมาใช้สิทธิอันชอบธรรมในฐานะเจ้าของประเทศเพื่อต่อสู้กับความผิดปรกติในสังคม ภาพของผู้คนที่ไม่ยอมเพิกเฉยต่ออำนาจเผด็จการ ผู้ที่ไม่ยอมเหนียมอายต่อหน้าความอยุติธรรม ผู้คนที่ร้อยรัดกันด้วยความหวัง และความฝันที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ก้าวหน้า เท่าเทียม และเป็นธรรมในทุกๆ ที่ ทุกๆ มหาวิทยาลัย ช่วยเติมไฟแห่งความหวังและเป็นพลังมหาศาลให้กับผม
“พรรคอนาคตใหม่อาจถูกยุบไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่และไม่มีวันตายนั้นคืออุดมการณ์ของอนาคตใหม่ เส้นทางยังอีกยาวไกล จับมือก้าวเดินต่อสู้ไปพร้อมกัน”
วันเดียวกันนี้ กลุ่มนักเรียนเก่าและนักเรียนปัจจุบันโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ รวมตัวจัดกิจกรรมแสดงออกทางการเมืองในชื่อ "#ส.ว.อยู่ข้างประชาธิปไตย" โดยเตรียมการเขียนป้ายผ้า และชูมือ 3 นิ้ว เพื่อเรียกร้องให้มีการเมืองที่โปร่งใส เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มมีส่วนร่วม แต่กลับเป็นว่าเมื่อถึงเวลานัดหมายมีครูอาจารย์แจ้งให้นักเรียนและศิษย์เก่าทุกคนยุติการจัดกิจกรรม และให้ออกจากพื้นที่โรงเรียน เนื่องจากโรงเรียนเป็นสถานที่ราชการ ควรเป็นกลางทางการเมือง ทำให้เด็กนักเรียนออกมารวมตัวกันบริเวณฟุตปาธหน้าโรงเรียน ซึ่งตรงข้ามกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อชูป้ายกระดาษและร้องเพลงชาติไทย
หนึ่งในเยาวชนหญิงกล่าวว่า เด็กนักเรียนสตรีวิทย์เป็นเด็กระดับชั้นมัธยมโรงเรียนแรกที่จัดกิจกรรมทางการเมืองในช่วงสถานการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ เพราะทุกคนเชื่อว่าการเมืองเป็นของทุกคน ไม่แบ่งเพศและวัย และหากมีเพื่อนนักเรียนโรงเรียนอื่นต้องการจัดกิจกรรมเช่นนี้ ก็ขอร้องให้โรงเรียนอนุญาตเพื่อให้นักเรียนสามารถมีสถานที่จัดกิจกรรมที่ปลอดภัย จากผู้ไม่หวังดี และไม่สุ่มเสี่ยงกับการถูกดำเนินคดี
จากนั้นมีนักเรียนอีกบางส่วนเดินเท้าไปยังมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ซึ่งเป็นสถานที่กลุ่มนักศึกษานัดหมายมีกิจกรรมแฟลชม็อบในเย็นวันนี้
แฟลชม็อบขอนแก่น
ที่สนามหญ้าภายในบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ได้มีกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วกว่า 2,000 คน รวมตัวกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสร้างสรรค์ สงบ โดยกลุ่ม "มข.พอกันที" จัดแฟลชม็อบ คุยการเมือง ได้นำรถแห่มาตั้งเป็นเป็นจุดศูนย์กลาง และติดป้ายผ้าที่เขียนว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" โดยมีการแสดงดนตรีจากนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมสมาชิกกลุ่มดาวดิน
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า การชุมนุมแสดงออกทางความคิดถือเป็นเรื่องที่กระทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องไม่ใช้เวลาเรียนมาดำเนินการ และไม่กระทบต่อการเรียนการสอนและสิทธิ์ของคนอื่น หากนักเรียนจะจัดชุมนุมแสดงความคิดเห็นช่วงนอกเวลาเรียน หรือช่วงปิดเทอมก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะถือเป็นสิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย เราคงไปบังคับยับยั้งไม่ได้
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ผมได้เห็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ออกมาแสดงพลังถึงความรักและเป็นห่วงประเทศชาติร่วมกัน ผมชื่นชมน้องๆ ที่มีจุดยืนและกล้าแสดงออกในครั้งนี้ครับ
ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผมคิดว่าเราจะต้องหันหน้าเข้าหากัน "ฟัง" และทำความ "เข้าใจ" ในเสียงของ "เยาวชน" ให้มากขึ้น เพราะทั้งผู้ใหญ่ เยาวชน และเด็ก จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการ "พัฒนา" ประเทศ ให้ไปข้างหน้าร่วมกันได้อย่างดีที่สุดครับ #youthasfuturechanger #อนาคตกำหนดได้ #suvitmaesincee
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวิทย์ยังได้ตอบผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยว่า ได้กำชับให้มหาวิทยาลัยช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิดพื้นที่ และดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความปลอดภัยครับ (ภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19)
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ให้สัมภาษณ์ว่า การชุมนุมของนักศึกษายังอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยเฉพาะพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ที่กำหนดว่า สามารถชุมชนภายในสถานศึกษาได้ ซึ่งอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ มีการประสานให้ตำรวจช่วยดูแลด้านความปลอดภัยอยู่แล้ว และกิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้นไป ก็ยังไม่มีนักศึกษาออกมาชุมนุมในพื้นที่สาธารณะหรือตามท้องถนน
"ต้องขอบคุณเหล่าผู้จัดการกิจกรรมและผู้ร่วมกิจกรรม ที่มีการแสดงออกทางการเมืองอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไป" พล.ต.ท.ภัคพงศ์
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า ถ้าอยากมีการชุมนุม รัฐบาลก็ควรปล่อยไปตามธรรมชาติ อยากจัดก็จัดไป แค่อัดเสียงพูดมา เรื่องไหนไม่จริงก็ให้อาจารย์ไปชี้แจง ถ้าพูดให้ร้ายคนอื่นแรงมากโดยใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็ฟ้องศาลเอาครับ เพราะเป็นแค่สร้างเรื่องไม่ให้ กกต.ฟันดาบสอง คือคดีอาญา ซึ่งถ้า กกต.จะฟัน ก็จะได้ฟันเบาๆ หน่อยเท่านั้นเองครับ แต่พรรคเก่ากับมหามิตรของเรา คงอยากให้เรื่องบานปลายแบบฮ่องกงมากกว่า ม็อบไม่กลัว..กลัวเรื่องไม่จริง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า ในฐานะคนผ่านเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์มหาวิทยาลัยปิดเหล่านี้เข้ามาร่วมเพียง 10% ของนักศึกษาที่ออกมาในปัจจุบันถึง 90% เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นปรากฏการณ์ของพลังบริสุทธิ์เหล่านี้ จึงทรงพลังอย่างยิ่ง ขบวนการนักศึกษาสำคัญที่สุดคือเขาต้องถือพวงมาลัยเอง ตนมักจะพูดใน นปช.เสมอว่า เราต้องปล่อยให้เขาเดินตามวิถีทางเขา บรรดานักการเมืองหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปยุ่ง เพราะความบริสุทธิ์จะกลายเป็นความมัวหมอง ดังนั้นต้องปล่อยให้ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ในอดีตเมื่อนักศึกษา ชาวนา กรรมกร ประชาชน จับมือร่วมกันได้ ขบวนการก็จะยิ่งใหญ่
ส่วนความเคลื่อนไหวของ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ กล่าวถึงกระแสข่าวการแยกตัวออกไปเป็นแกนนำพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งโดยมีอดีต ส.ส.บางส่วนตามไปด้วย และจะเคลื่อนไหวร่วมกับพรรคที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแกนนำว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือ แต่เข้าใจได้เพราะการเกิดเหตุการณ์การยุบพรรค ซึ่งทุกคนก็คาดการณ์ไปอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่ง ส.ส.ที่ยังอยู่ อาจจะมีคนที่รู้สึกหวั่นไหว เพราะทุกคนไม่เคยโดนยุบพรรคมาก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อได้คุยกันแล้ว ก็ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าร่วมกันต่อ
เหลือส.ส.เพียง 50 คน
นอกจากนี้ การแยกตัวออกไปอีก อาจทำให้พรรคยิ่งเล็กลง จาก ส.ส.ส่วนที่หายไป ตอนนี้เราเหลือ ส.ส.เพียงประมาณ 50 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อย หากเราแยกไปอีก ยิ่งทำให้แรงในการขับเคลื่อนน้อยลงไปกันใหญ่ นอกจากนี้ยังมีผลกับเรื่องเก้าอี้กรรมาธิการชุดต่างๆ และโควตาในบางเรื่องอีกด้วย
“เท่าที่บอกได้คือตอนนี้แนวทางของเรายังคงเป็นแบบเดิม หากจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ขอเป็นแกนนำเกาะกลุ่มเดิมที่คุยกันไว้แต่แรกดีกว่า” นพ.เอกภพกล่าว
มีรายงานว่า ล่าสุดหลัง ส.ส.กลุ่มหนึ่งย้ายไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ในส่วนของกลุ่มที่เหลือที่ยังมีอุดมการณ์ยึดโยงกับอดีตพรรคอนาคตใหม่ เตรียมที่จะจับกลุ่มย้ายไปยังพรรคใหม่ โดยขณะนี้มี ส.ส.บางส่วนรวมทั้งเจ้าหน้าที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ทยอยกรอกใบสมัครพรรคใหม่แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ ซึ่งขณะนี้มีตัวเลือกอยู่ประมาณ 3-4 พรรค คือ พรรคสามัญชน, พรรคก้าวไกล, พรรคพลังใหม่ และพรรคพลังอนาคต โดยจะมีนายพิธาเป็นผู้นำ ซึ่งขณะนี้ยังรอดูความชัดเจนจาก ส.ส.ที่ยังเหลือบางส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะย้ายไปร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวอีกทางหนึ่งระบุว่า จะมี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ส่วนหนึ่งจะไม่ย้ายไปร่วมงานกับนายพิธา แต่จะไปร่วมกับอีกพรรคหนึ่ง โดยมีนายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย เป็นผู้นำ โดยพรรคดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับตระกูลติยะไพรัช ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางใน จ.เชียงราย โดยมีแนวทางการทำงานควบคู่ไปกับพรรคของนายพิธา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจะมี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่อีกจำนวนเท่าไรที่จะตัดสินใจย้ายไปร่วมพรรครัฐบาล เบื้องต้นคาดการณ์ว่าหากมีการย้ายฟากอีก จะมี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เหลือประมาณ 40-50 คน นอกจากนี้ในตัวเลือกจากพรรคข้างต้น มีบางพรรคที่เจ้าของพรรคเดิมจะเข้ามาขอมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดอุปสรรคในการทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ คาดว่าความชัดเจนทั้งหมดจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ เดินทางเข้าไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางโพ หลังจากเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ออกมาเปิดหลักฐานคลิปเสียงการขอซื้อตัวอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ โดยให้ค่าตัวคนละ 23 ล้านบาท
จนกระทั่งวันที่ 25 ก.พ. เวลา 12.00 น. ระหว่างการประชุมสภา ได้มี ส.ส.คนหนึ่งเดินเข้ามาหา น.ส.เบญจา พร้อมระบุว่า “มีบุคคลหนึ่งไม่ทราบชื่อนามสกุล ฝากมาบอกว่า ให้ระวังตัวให้ดี จากการที่ได้มีการเปิดเผยคลิปสนทนาดังกล่าว” นอกจากนี้ยังมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเข้ามาพูดคุยกับ น.ส.เบญจา ว่ารู้นะว่าเป็นใครและบอกให้ น.ส.เบญจาระวังตัวไว้
ที่รัฐสภา นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.กระบี่ อดีตพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวอ้างว่าเป็นการดูด ส.ส. พร้อมเปิดคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทย กับตนเอง โดยนายประเสริฐพงษ์ระบุว่า คลิปเสียงที่นำมาเปิดเผย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตน น.ส.ศรีนวลได้ติดต่อมาพูดคุยชักชวนให้ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองหนึ่ง โดยมีรูปแบบคล้ายคลึงกับที่เพื่อน ส.ส.เคยได้รับการติดต่อ ซึ่งตน ได้แกล้งถามไปว่าหากย้ายพรรคแล้วได้อะไรกันบ้าง แต่ น.ส.ศรีนวลไม่ได้พูดชัด ตอบเพียงว่าขึ้นอยู่กับว่าจะคุยกันอย่างไร เห็นว่ารูปแบบการชักชวน ส.ส.พรรคที่ถูกยุบไปอยู่กับพรรคการเมืองหนึ่ง มีเรื่องเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่จะนำไปใช้ในพื้นที่ และเมื่อมีการลงทุนไปแล้วก็ต้องมีการเอาคืน การดูด ส.ส.ทำไปเพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่
“การแถลงข่าวครั้งนี้ต้องการให้เห็นรูปแบบของขบวนการทำลายประชาธิปไตย ลดศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร เฉพาะผมคนเดียว เคยได้รับการติดต่อให้ย้ายพรรคตั้งแต่ช่วงก่อนจัดตั้งรัฐบาล โดยตัวเลขที่เสนอสูงถึง 80 ล้านบาท ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดคลิปแฉอยู่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าวันนี้จะมีใครกล้าโทร.มาอีกหรือไม่” นายประเสริฐพงษ์กล่าว
ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังมีคลิปเสียงอยู่อีกหลายคลิป แต่ที่ยังไม่เปิดเพราะกังวลเรื่องสวัสดิภาพของ ส.ส.คนดังกล่าวว่าจะถูกคุกคามเช่นเดียวกับ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่โดนข่มขู่และได้แจ้งความไว้ที่ สน.เตาปูน
เขากล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นแคนดิเดตหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปต่อไม่ไหว แต่อยากให้เริ่มต้นอย่างสง่างาม อย่ามาใช้วิธีแบบนี้ เพราะท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถ หากทำแบบนี้จะกลายเป็นนายกฯ ที่ไม่สง่างามไปอีกคน
"เท่าที่ตรวจสอบดู ส.ส.ที่ยังอยู่มีประมาณ 50 คน ที่มาสภา นอกจากมาให้กำลังใจแล้ว ยังต้องคอยลุ้นอยู่ทุกวันว่าจะมีใครติดต่อ ส.ส.อีกหรือไม่ และวันนี้ก็ยังไม่หยุด เพราะเขาจะเอาให้ถึง 20 คน" นายปิยบุตรกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |