จากน้ำตา ผบ.ทบ. ถึง การปฏิรูปกองทัพ


เพิ่มเพื่อน    

 

 

                ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ

                หากกองทัพจะใช้จังหวะนี้สร้างโอกาสปฏิรูปอย่างแท้จริง ก็จะเป็นความริเริ่มที่เรียกคืนศรัทธาที่เสื่อมสูญกลับมาได้

                แต่หากเป็นเพียงการ "รับปากตามกระแสสังคม" พอผู้คนลืมเรื่องร้ายๆ ไปแล้ว ทุกอย่างก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม นั่นจะยิ่งทำให้กองทัพตกอยู่ในภาวะที่ถูกตั้งคำถามหนักขึ้นไปอีก

                ถึงวันนี้ก็มีการรับปากรับคำว่าจะสร้างกลไกให้โปร่งใส เพื่อรับฟังข้อร้องเรียนที่เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในกิจกรรมหลายประการของกองทัพบก

                หนึ่งในนั้นคือ คำประกาศจากศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกเปิดตัว "ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกำลังพล ออนไลน์"

                ในคำประกาศนั้นแจ้งว่า

                "กำลังพลกองทัพบก สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนออนไลน์ 6 ช่องทาง ได้แก่ ทางเว็บไซต์กองทัพบก, ยูทูบกองทัพบก, เฟซบุ๊กศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก, อินสตาแกรม,  ทวิตเตอร์ และไลน์ได้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์"

                และเสริมต่อว่า

                "ทั้งนี้ การเปิดศูนย์ร้องเรียนดังกล่าว เนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.63 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดแถลงข่าวกรณีการก่อเหตุความรุนแรงที่ จ.นครราชสีมา จนทำให้มีประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 29 ราย มีผู้บาดเจ็บ 58 ราย

                โดยผู้บัญชาการทหารบก ให้คำมั่นจะหาวิธีที่ดีที่สุดในการเปิดช่องทางการร้องเรียนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งช่องทางนี้จะเป็นความลับและส่งตรงถึงผู้บัญชาการทหารบก แต่ผู้ร้องเรียนจะต้องแสดงตนว่าอยู่หน่วยไหน เป็นใคร เพื่อดำเนินการและลงโทษอย่างเต็มที่..."

                ก่อนหน้านั้นก็มีข่าวว่าผู้บัญชาการทหารบกได้ตั้งกรรมการขึ้นสองชุด เพื่อ

                1.ตรวจสอบสวัสดิการกำลังพล ร้านค้าสวัสดิการ รวมถึงธุรกิจในค่ายทหารทั้งหมด

                2.ดำเนินการกับกำลังพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจในค่ายทหาร

                ข่าวชิ้นเดียวกันบอกว่า

                "ผบ.ทบ.ย้ำให้ตรวจสอบทุกโครงการภายใต้การขับเคลื่อนงานของกองทัพบก ซึ่งหากพบข้อพิรุธหรือผิดปกติจะสั่งให้ยุติทันที เบื้องต้นเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกได้รายงานเกี่ยวกับธุรกิจในค่ายทหารให้ผู้บัญชาการทหารบกแล้ว โดยได้สรุปจากทุกกองทัพภาค พบมีธุรกิจในค่ายทหารที่จะต้องบูรณาการเป็นเชิงพาณิชย์ รวมประมาณกว่า 40 แห่ง..."

                เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ก็ได้ลงนามใน MoU กับกระทรวงการคลังและกรมธนารักษ์ในเรื่องนี้

                "...รวมถึงจะชี้แจงผลคืบหน้ารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดระเบียบพื้นที่ต่างๆ ของกองทัพบก..."

                ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ผบ.ทบ.ได้ประกาศว่าจะให้นายทหารที่เกษียณแล้วที่ยังอาศัยบ้านหลวงอยู่ต้องย้ายออกไปภายในสิ้นเดือนนี้

                แรกๆ ก็เป็นการประกาศด้วยเสียงขึงขังพอสมควร แต่วันต่อมาก็มีคำอธิบายว่าจะมีข้อยกเว้นให้นายทหารที่ยัง "ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ"

                มีการยกตัวอย่างตำแหน่งนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี และสมาชิกวุฒิสภา

                ทันทีทันใดนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการมี "ข้อยกเว้น" ที่ว่านี้ แสดงว่าน้ำเสียงขึงขัง น้ำตาและคำประกาศของ ผบ.ทบ.ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์จริง

                เพื่อแสดงความจริงใจและเคารพในหลักธรรมาภิบาลและกติกาว่าด้วยจริยธรรมที่ประชาชนพึงคาดหวัง นายทหารที่มีตำแหน่งที่อ้างว่า "ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ" นั้นควรจะต้องแสดงสปิริตด้วยการย้ายตัวเองออกจาก "บ้านหลวง" ทั้งหมด

                เพราะท่านเหล่านั้นได้รับเงินเดือนและสวัสดิการในตำแหน่งทางการเมืองเพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ โดยไม่ถูกสังคมตำหนิว่าเอาเปรียบนายทหารคนอื่นที่มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะใช้บ้านหลวงเหล่านั้น

                อีกทั้งหากนายทหารที่เกษียณแล้วยังใช้ "ของหลวง" อยู่ ก็เท่ากับเป็นการบั่นทอนภาพลักษณ์ของกองทัพเองว่ายังไม่พร้อมที่จะปฏิรูปตัวเองตามที่รับปากกับประชาชนตลอดมา

                นอกจากนี้ยังมีคำว่า "ธุรกิจในค่ายทหาร" ที่จะต้องมีการสะสางและปรับโครงสร้างกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะและโปร่งใสต่อประชาชน

                ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน, ธุรกิจสนามกอล์ฟ, กีฬา, คลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหลายทั้งปวงที่ไม่เคยรายงานต่อประชาชนอย่างเป็นระบบ

                ในยุคดิจิทัลนี้ คำว่า "ปฏิรูปกองทัพ" ยังมีความหมายอีกหลายมิติที่ควรจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบด้านและจริงจัง.

                (พรุ่งนี้: กองทัพยุคดิจิทัลเป็นอย่างไร?)

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"