นักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมชุมนุมคัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ลามโลกออนไลน์ติดแฮชแท็กเกลื่อน  ตำรวจเตือนจัดกิจกรรมในลักษณะชุมนุมต้องขออนุญาตก่อน  เพราะอาจเข้าข่ายการปลุกระดม ด้าน ส.ส.พรรคเพื่อไทยโหนทันที  อ้างนิสิตนักศึกษาตื่นจากหลับใหลแล้ว

    เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยศิลปากร และ  มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้น โดยแต่ละมหาวิทยาลัยมีการจัดกิจรรมแฟลชม็อบ มีนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมหลักร้อยคน
    นอกจากนี้ ในสังคมออนไลน์ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย อดีตประธานยุทธศาสตร์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ปัจจุบันเป็นแกนนำกลุ่มวิ่งไล่ลุง ได้รวบรวมแฮชแท็กต่างๆ ไว้ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย # เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป, ม.เกษตรศาสตร์ #KUไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ, ม.ธรรมศาสตร์ #ที่ยุบอนาคตใหม่พี่มหาลัยกูทั้งนั้น, ม.รามคำแหง #พ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ, ม.ศิลปากร #ศิลปากรขอมีซีน, ม.ราชมงคล #ราชมงคลจะไม่ทนอีกต่อไป
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่นักศึกษาในหลายสถาบันเริ่มนัดรวมตัวแฟลชม็อบ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ว่านักศึกษาที่จะเข้าร่วมชุมนุมในกิจกรรมดังกล่าว ขอให้พิจารณาและคำนึงถึงการใช้สิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของตัวเองตามหลักรัฐธรรมนูญ หรือระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
    พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า จริงอยู่ โดยหลักแล้วการชุมนุมในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้อง สนับสนุน คัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่อประชาชนทั่วไป ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามวิถีระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่ว่าการกระทำในลักษณะนี้ต้องไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือละเมิดกฎหมายบ้านเมือง
    ทั้งนี้ ตำรวจในทุกพื้นที่ที่มีการจัดการชุมนุมจะคอยกำกับดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อน หรือเหตุสุ่มเสี่ยงต่างๆ การจัดกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้าไปดูแล เพื่อดูแลจัดการจราจรและรักษาความสงบเรียบร้อยให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาทั่วไปในละแวกพื้นที่จัดงานกิจกรรม รวมถึงเก็บข้อมูลว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไปกระทบกับผู้อื่น 
    เช่น การชุมนุมในลักษณะแบบนี้จะต้องขออนุญาตก่อนหรือไม่ หรือเป็นการเข้าข่ายต่อการปลุกระดมหรือไม่ หรือแม้แต่การสืบสวนหาข่าวของกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่อาจสร้างสถานการณ์ในขณะที่มีการชุมนุม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในสังคมมากที่สุดในทุกๆ มิติ
    ทางด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัยแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ทุกคนในสังคมควรหันมาให้ความสนใจ การแสดงออกของนักศึกษาเป็นสิทธิเสรีภาพที่สะท้อนให้เห็นความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาดีกับประเทศชาติ และมองเห็นว่าปัญหาบางอย่างที่หมักหมมมานานในสังคมไทยควรได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องของหลักนิติรัฐนิติธรรม และความยุติธรรมแบบสองมาตรฐาน 
    "หากผู้มีอำนาจของทุกฝ่ายหันมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการรับฟังความต้องการเหล่านี้ แล้วนำปัญหาต่างๆ มาแก้ไข ก็เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน หากไปตีความว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุแห่งความวุ่นวาย และมีความพยายามในการบิดเบือนหรือกีดกันสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ผมเชื่อว่าสิ่งที่ผู้มีอำนาจหลายฝ่าย พยายามทำอยู่นี้ จะกลายเป็นการสร้างปัญหาความไม่เข้าใจความแตกแยกและความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น จึงอยากให้ผู้มีอำนาจเปิดใจรับฟังเสียงของคนรุ่นใหม่เหล่านี้" น.อ.อนุดิษฐ์  กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมของนักศึกษาจะบานปลายเป็นนำไปสู่ความรุนแรงเหมือนในอดีตหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าการชุมนุมด้วยความสงบปราศจากอาวุธ และเป็นไปตามกฎหมายที่นักศึกษาทั่วประเทศกำลังชุมนุมกันอยู่นี้จะเป็นชนวนไปสู่ความวุ่นวาย เพราะทุกฝ่ายล้วนแล้วแต่แสดงเจตนาดีที่เป็นประโยชน์ และเรียกร้องความถูกต้องที่อยู่ภายใต้สิทธิเสรีภาพของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย หากจะมีอะไรนำไปสู่ความวุ่นวายก็ไม่น่าจะเกิดจากนักศึกษา  
    ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นับแต่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบโดยศาลรัฐธรรมนูญ ได้เกิดปฏิกิริยาความไม่พอใจและการไม่ยอมรับ มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ คือคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ลงชื่อออกแถลงการณ์คัดค้านคำวินิจฉัย นิสิตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทุกภูมิภาคของประเทศ นัดรวมตัวกันในรั้วมหาวิทยาลัยเกือบ 20 สถาบัน บางสถาบันมีผู้มาร่วมเป็นพันคน มีการจุดเทียน ส่องไฟจากโทรศัพท์มือถือ เขียนข้อความบนผืนผ้า กระดาษ สวมเสื้อดำ เปิดปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์โจมตีถึงความอยุติธรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดสัมมนาในมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วยหัวข้อที่สะท้อนถึงปัญหาความไม่เป็นธรรมและผลกระทบจากการยุบพรรคอนาคตใหม่
    นายสมคิดกล่าวต่อว่า ขณะนี้นิสิตนักศึกษาได้เลิกหลับใหล เลิกแยกตัวเองออกจากสังคม แต่ได้ตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงของบ้านเมือง เพราะหากยังหลับใหลอยู่ ผลกระทบในทางเสียหายก็จะเกิดกับตัวเองและกับสังคม ซึ่งรวมถึงพ่อแม่และครอบครัวที่ปัจจุบันนี้ไม่ได้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดี ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าจับตามองบทบาทการเคลื่อนไหวของปัญญาชนคนหนุ่มสาวที่เกี่ยวกับการเมือง
    ส.ส.พรรคเพื่อไทยผู้นี้กล่าวว่า การแสดงออกของนิสิตนักศึกษาควรได้รับการเคารพจากผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นคนในรัฐบาล ผู้บริหารมหาวิทยาลัย สื่อมวลชน โดยไม่แสดงท่าทีด้วยการใส่ร้ายป้ายสีหรือกล่าวหาโจมตี เพราะจะยิ่งทำให้คนเหล่านี้เกิดความรู้สึกว่าพวกตนไม่ได้รับความเป็นธรรม และยิ่งจะทำให้เกิดรวมตัวเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
    "ขอให้ข้อคิดว่า ผู้ใหญ่อย่าไปปิดกั้นการแสดงออกด้วยความสุจริตใจและปรารถนาดีต่อบ้านเมืองของนักศึกษา เพราะยิ่งกดดันบีบคั้นเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มความคับข้องใจและไม่พอใจให้กับคนหนุ่มสาวเหล่านี้มากขึ้นเท่านั้น ประวัติศาสตร์การเมืองไทยในอดีตก็มีให้ศึกษาว่าการกลั่นแกล้งจับกุมตั้งข้อหาชื่อออกจากการเป็นนักศึกษาได้นำไปสู่ความขัดแย้งและเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตามมา" นายสมคิดกล่าว
    วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ กกต.สั่ง 11 กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกศาลสั่งยุบพรรค ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะขณะนี้กรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ยังเคลื่อนไหวทางการเมือง เช่นกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรค ได้อภิปรายนอกสภาที่สาขาพรรค และทำให้เรื่องลุกลามใหญ่โต ซึ่งดังกล่าวเกี่ยวพันระหว่างประเทศ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง 
    "ผมจึงมายื่นเรื่องให้ กกต.ในฐานะผู้ที่ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่" นายสนธิญากล่าว 
    นายสนธิญากล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษาด้วยว่า เป็นสิทธิของนักศึกษาและประชาชนคนไทย ซึ่งตนก็เคยเป็นนักศึกษา แต่อยากให้นักศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูคำพิพากษา ไปดูรายละเอียดคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด ทุกวรรค ทุกตอน เชื่อว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน เพื่อความสงบเรียบร้อยก็ขอให้ทุกคนเคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรนูญ สังคมไทยหรือสังคมที่ไหนก็ตามถ้าไม่มีกฎหมายก็อยู่ไม่ได้.