25 ก.พ.63 - สถาบันทิศทางไทย-Thai Move Institute ออกแถลงการณ์ เรื่อง ข้อเท็จจริงหลังคำตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ และวิกฤติครั้งใหญ่ที่สังคมไทยต้องเผชิญ
คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และอดีตพรรคอนาคตใหม่ ลงมาเล่นการเมืองไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น แต่ชัดเจนว่าต้องการอำนาจทางการเมืองเพื่อต่อรองกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังปรากฏในบทสัมภาษณ์ของตัวเขาเองจากหนังสือ “Portrait ธนาธร” ซึ่งทำให้ ธนาธร และอดีตพรรคอนาคตใหม่ สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองเป็นนักอุดมกาณ์ที่โน้มรับความคิดประชาธิปไตยแบบตะวันตก เพื่อนำพาไปสู่ความเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง-สังคมไทยแบบขุดรากถอนโคน ดังจะเห็นว่าเราไม่เคยได้ยินคำพูดปากคุณธนาธรเลยว่าเมื่อเข้ามาทำการเมืองแล้วในฐานะพรรคการเมืองพรรคอนาคตใหม่มีนโยบายที่จะทำให้อะไรให้ชีวิตของประชาชน พี่น้องเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา ฯลฯ ดีขึ้นได้อย่างไร นอกจากการสร้างวาทกรรม คำพูด โจมตี กองทัพ ทหาร ระบบตุลาการ และสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น
ดังคำพูดที่ว่า "ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม" กรณีการพ้นสภาพส.ส.ของคุณธนาธร และกรณีถูกยุบพรรคอนาคตใหม่ล้วนเกิดขึ้นจากความไร้ประสบการณ์ ความสะเพร่าของตัวเองทั้งสิ้น ประกอบกับความอ่อนด้อยในข้อกฎหมายของคุณปิยบุตร แสงกนกกุล (อดีต)เลขาธิการพรรค ดังจะปรากฎว่ามูลเหตุแห่งความผิด ที่มาของการถูกดำเนินการทางกฎหมายทั้ง ๒ กรณี ไม่ได้เกิดจากการขุดคุ้ยหรือสืบค้นจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นการเปิดเผยเรื่องต่าง ๆ ออกมาเองโดยเจตนา ทั้งเรื่องการประกาศทำบลายด์ทรัสต์ (จนเป็นเหตุให้สำนักข่าวอิศรานำไปค้นต่อจนพบว่า คุณธนาธรมีปัญหาเรื่องการถือหุ้นสื่อ วี-ลัค มีเดีย) และกรณีการที่คุณธนาธรให้เงินกู้กับพรรคอนาคตใหม่เป็นจำนวน ๑๙๑ ล้านบาท ก็เป็นการเปิดเผยจากตัวคุณธนาธร ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เมื่อวันที่ ๑๕ พ.ค. ๒๕๖๒ และคุณพรรณิการ์ วานิช ( อดีตโฆษกของพรรค) เปิดเผยในรายการฟังหูไว้หูทาง ช่อง ๙ MCOT HD เมื่อวันที่ ๕ เม.ย. ๒๕๖๒ ล้วนแต่เป็นการเปิดเผยจากปากตนเองทั้งสิ้นไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง สร้างเรื่องให้ร้าย
และจะเห็นว่าข้อกฎหมายที่คุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่กระทำผิดนั้น ไม่ใช่ข้อกฎหมายที่เขียนขึ้นเพื่อจงใจบังคับใช้ ว่าร้าย กลั่นแกล้งคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ เพราะทุกพรรคก็ล้วนแล้วแต่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามข้อกฎหมายเดียวกัน ดุจกติกาเดียวกันทั้งสิ้น เพียงแต่หากคุณธนาธรไม่สะเพร่าดำเนินการโอนหุ้นสื่อทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อย และได้จัดให้มีการบริจาคเงิน ๑๙๑ ล้านบาท เข้าพรรคในรูปแบบและจำนวนเงินที่ไม่ละเมิดต่อข้อกฎหมายดังที่
ทุกพรรค (รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน) ได้ปฏิบัติ เช่น แบ่งกันบริจาคจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลรายละไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท/ปี เหตุแห่งความผิดก็จะไม่ปรากฏและไม่มีใครจะสามารถดำเนินความผิดใด ๆกับคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ในกรณีดังกล่าวได้
ทั้งนี้คุณธนาธรพึงรู้ดีอยู่แล้วว่าการลงมาเล่นการเมืองของตนย่อมมีคู่แข่งทางการเมือง กระทั่งมีศัตรูทางการเมืองที่ฉวยโอกาสจ้องเล่นงานอยู่ ซึ่งเป็นที่เข้าใจของคนที่ลงมาทำงานการเมืองทุกคน ทุกพรรคว่าจะต้องมีความรอบครอบ ระมัดระวัง ไม่ให้เกิดจุดอ่อน ความเพลี่ยงพล้ำ อันจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบฉวยไปใช้เล่นงานทางการเมืองได้ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ก็ได้ทำเช่นนั้นกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง คือโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ , พรรคพลังประชารัฐ รวมถึง ตุลาการ, กองทัพมาโดยตลอดเช่นกัน แต่เมื่อความผิดพลาด(อันเกิดขึ้นเอง)ของคุณธนาธรและพรรคถูกหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นอันนำไปสู่การดำเนินการตามข้อกฎหมาย คุณธนาธรกลับเบี่ยงประเด็นความผิดพลาดของตนเองให้เป็นประเด็นทางการเมืองโดยอ้างว่า ตนเองเป็นผู้เชิดชูประชาธิปไตย ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ในสังคมจึงกลายเป็นผู้ถูกกระทำ จากอำนาจเก่า ด้วยวิธีการไม่เป็นธรรมต่าง ๆ
การกระทำเช่นนี้ของคุณธนาธรและพรรคอนาคตใหม่กลับได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการ และอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีความคิดวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพ และระบบตุลาการของไทย มาโดยตลอดเช่นกัน ดังมีการเรียกร้อง #คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่นำโดยคุณชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน จนมาถึง ๓๖ อาจารย์ นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญหลังมีคำตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ อันจะทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อสังคมว่าการดำเนินการใด ๆต่อพรรคอนาคตใหม่ล้วนเป็นไปอย่างไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
หลังจากการถูกตัดสิทธิ์การเมืองและถูกยุบพรรค คุณธนาธรได้แถลงจัดตั้ง "คณะอนาคตใหม่" เพื่อสืบสานอุดมการณ์ของพรรค คือการปักธงความคิดให้ประชาชนเชื่อว่าระบบประชาธิปไตยที่ดีที่สุดสำหรับสังคมไทยคือระบบประชาธิปไตยแบบตะวันตกที่อนุญาตให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ และประกาศจะออกมาเคลื่อนไหวปลุกเร้ามวลชนประชาชนและคนรุ่นใหม่นอกสภาอันเป็นกิจกรรมที่ได้ดำเนินมาโดยตลอด ตั้งแต่กิจกรรมอยู่ไม่เป็น การชุมนุมแฟลชม็อบที่สกายวอล์ค และกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ซึ่งแม้จะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็เป็นการหยั่งกระแสและความรู้สึกของประชาชน เพื่อการสะสมการชุมนุมเชิงปริมาณไปสู่คุณภาพ คือ การยกระดับเป็นการรุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านรัฐ โดยเฉพาะจากการที่คุณธนาธรได้ประกาศ ๒ ทางเลือก คือ ยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย หรือ แก้ด้วยเลือด อันจะนำไปสู่ชนวนเหตุแห่งความรุนแรง และ การปะทะกับ กลุ่มคนและพลังทางสังคม ที่ไม่เห็นด้วยกับธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง
มีอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน หรือความเสี่ยงต่อการแทรกแซงจากกลุ่มก่อการร้ายรับจ้างด้วยเจตนาใช้ความรุนแรงก่อความสูญเสียและโยนบาปให้รัฐ
ความทนงตนหลงว่าตนเองมีอุดมการณ์ที่ถูกต้องกว่าจนทำให้ละเลยความคิดความเชื่อหรืออุดมการณ์อื่น ๆ ของสังคมที่แตกต่างจากตน ความสะเพร่าเผลอเรอและไร้ประสบการณ์ที่ทำให้ตนเองและพรรคต้องประสบอุบัติเหตุทางการเมืองอย่างขาดเขลาชนิดที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ความบิดเบือนไม่ยอมรับความจริงว่าตนเองนั่นคือต้นเหตุแห่งความผิด แต่กลับนำผลแห่งความผิดที่ตนได้รับมาสร้างความรู้สึกปลุกเร้าอารมณ์ให้ผู้ที่ชื่นชอบตนเองและพรรคเพิ่มความเกลียดชัง ต่อ ระบบตุลาการ กองทัพ หรือกระทั่งตัวบุคคลอย่างพล.อ.ประยุทธ์ ความพยายามปลุกให้ประชาชน คนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่ภาวะที่เสี่ยงอันตรายทั้งสิ้น
ขณะที่สังคมไทยกำลังเผชิญภาวะผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการ "ดิจิทัลดิสรัปชั่น" ที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกธุรกิจอย่างรุนแรงและรวดเร็วแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งภาคการผลิต แรงงาน บริการ และกำลังจะต้องเผชิญกับ วิกฤตโรคระบาด “โควิด-19“ ที่ไม่ได้ส่งผลเฉพาะผู้ที่ได้รับเชื้อเท่านั้น แต่จะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจหยุดชงักและถดถอยไปทั่วโลก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อประเทศชาติที่คุณธนาธรและคณะอนาคตใหม่ หรือ แม้แต่รัฐบาลเอง ก็ยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบและเตรียมหาทางรับมือเอาไว้แต่อย่างใด การปลุกระดมประชาชน ให้ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน โดยมุ่งหวังเพียงการเอาชนะทางการเมือง หากไม่คิดคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา และภาวะความเสี่ยงจากเหตุวิกฤตอื่น ๆ ที่ประเทศไทยต้องได้รับผลกระทบอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง จะนำพา คนไทย สังคมไทย ชาติไทย ไปยืนอยู่ในจุดที่เป็นอันตรายมากที่สุด
จึงบันทึกข้อเท็จจริงเหล่านี้เพื่อตระหนักร่วมกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |