25 ก.พ.63 -นายสุทิน คลังแสพง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) อภิปรายเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในประเทศ โดยตอนหนึ่งระบุว่า วิกฤติครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนทำโดยมีสารตั้งต้นมาจากนโยบายประชารัฐ ประชารัฐเป็นแนวคิดที่ดีแต่พอทำจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นการทำ "เอกรัฐ" คือ เอกชนและรัฐเท่านั้น ไม่มีประชาชนเลย เปิดประตูให้เอกชนเข้ามานั่งบริหารประเทศและกำหนดไปถึงรายละเอียดผ่านคณะทำงานขับเคลื่อนร่วมภาครัฐกับเอกชน อาทิ กลุ่มนายแบงค์ กลุ่มปูนซีเมนต์ กลุ่มโรงแรมห้าดาว กลุ่มพลังงาน กลุ่มน้ำเมา กลุ่มโทรคมนาคม เป็นต้น
“ถือเป็นการเปิดให้เสือไปถึงห้องเนื้อสด ประชาชนไม่มีส่วนร่วมเลย เพราะติดขัดมาตรา 44 กลัวโดนปรับทัศนคติ บรรยากาศอย่างนั้นเหรอที่จะสามารถสร้างประชารัฐได้ จึงเหลือแต่เอกชนกับรัฐบาลจนกลายเป็นเอกรัฐ กลุ่มทุนประชารัฐ 24 ทุนได้งานและโครงการมากมายมหาศาล วันนี้ไม่มีทางกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภคได้ เพราะประชาชนไม่มีเงิน โดยมาจากการที่เศรษฐกิจฐานรากถูกทำลายและทอดทิ้งเกษตรกร ถ้าทักษิณอยู่ก็จะไม่ทำแบบนี้" ส.ส.มหาสารคาม กล่าว
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ในสื่อต่างประเทศ มีการระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์เอื้อประโยชน์ให้เอกชน โดย 5 ตระกูลสนับสนุนบัลลังก์รัฐบาลประยุทธ์ ประกาศคำสั่งมาตรา44 5จีกลุ่มทรูรับไปเต็มๆ อีกทั้งรัฐบาลประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิต ขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ ไวน์ 100 เปอร์เซ็นต์ จากขวดละ 31 บาท เป็น 60 บาท โดยอ้างว่าเป็นมาตรการให้ประชาชนลดละเลิก ที่ผ่านมาต้มเหล้าได้ แต่ตอนนี้ตีกระจุย ดังนั้น เอื้อ ไม่เอื้อ ลองอ่านในสื่อต่างประเทศดู นี่คือประชารัฐ ที่ทำเพื่อเครือข่ายประชารัฐ แบบนี้เอาเสือไปอยู่กับเนื้อหรือไม่ อีกรายหนึ่งคือดึงโรงงานน้ำตาลให้ไปทำงานกับรัฐ วันนี้จัดโซนนิ่งเรียบร้อย มีนโยบายรับซื้ออ้อยเผา ใครได้ประโยชน์ ไหนบอกว่าประชารัฐจะทำให้ประชาชนดีขึ้น ก่อนหน้านี้อ้อยตันละ 1000-1200 บาท แต่ตอนนี้เหลือตันละ 600 บาท นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบที่ตามมา คือ pm2.5 เพราะมีนโยบายรับซื้ออ้อยเผา เชื่อหรือไม่ พื้นที่ต่างจังหวัดที่มีฝุ่นละอองสูงสุด คือพื้นที่เดียวกันกับพื้นที่ปลูกอ้อย
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ความเหลื่อมล้ำที่ว่ามาทั้งหมดบางคนอาจมองวิตกเกินไปนั้น แต่ตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกำลังเป็นการไล่ล่าอาณานิคมกันในประเทศด้วยคนไทยด้วยกันเอง โดยมีกรรมการที่่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา คอยส่งเสริม ถ้าปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำเดินหน้าต่อคนจนจะไม่มีกิน อาชีพถูกยึดหมด เรียนจบมาตกงานกันหมด ไปทำงานโรงงานก็เจอกับสภาพที่โรงงานปิดทุกวัน อีกทั้งหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนแรงงาน พอจะกลับไปค้าขายที่บ้านก็เจอกับทุนใหญ่ร้านสะดวกซื้ออีก เมื่อคนไม่มีทางไปย่อมจะเกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นภูเขาเกลือที่เมื่อถึงจุดหนึ่งคนในสังคมจะอยู่กนไม่ได้ ท่านรักความมั่นคงขนาดไหนก็ตามแต่มิติใหม่ในเรื่องความมั่นคงไม่ใช่เรื่องดินแดนอีกแล้ว แต่เป็นการแย่งชิงทรัพยากรเพื่อปากท้อง
“หลายคนบอกว่าจะปลดนายกประยุทธ์ได้ไหม ผมบอกว่าอย่าตั้งความหวัง จะทำให้ดีที่สุด ออกไม่ออกผมมองข้าม วันนี้สนใจว่าประเทศไทยจะอยุ่หรือไป ปล่อยไปแบบนี้ลูกหลานจะอยู่อย่างไร ที่อุดรเป็นกรณีศึกษาที่ดีที่สุด 4ศพ ลูกคนโตจบสายวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ในที่สุดพ่อจัดการ แม่ ลูกสองคนตายเรียบ พลเมืองดีต้องตาย หลายกรณี เขากลุ้ม ต้องให้ตายอีกกี่ศพ ดังนั้น จึงขอไม่ไว้วางใจให้ท่ายอยู่ วันนี้เห็นแล้วว่าท่านแก้เศราฐกิจไม่ได้ เห็นแล้วว่าเอื้อคนราย และไม่ช่วยคนจนจริงๆ หากให้อยู่ต่อจะเกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น และเกินเยียวยา ดึงอ้อยออกจากปากช้างไม่ได้ ลำบากทั้งประเทศ จึงขอให้ท่ายเสียสละต่อบ้านเมือง ยุบสภา ลาออก” นายสุทิน กล่าวปิดการอภิปราย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |