น่าจะเป็นเรื่องที่สมควรต้องยินดี เมื่อคณะอนุกรรมาธิการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานของศาลองค์กรอัยการ และรัฐวิสาหกิจ ในคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร สนใจที่จะสืบสาวราวเรื่องหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้แก่ บริษัท เอ็นเนอร์ยี เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) เพราะกรณีดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับธนาคารกรุงไทยนับเป็นเม็ดเงินถึง 11,214 ล้านบาท

        ถือเป็นการทำงาน "คู่ขนาน" ไปกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  เพื่อให้คดีที่แบงก์กรุงไทยฟ้องร้องกล่าวโทษ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ในข้อหาฉ้อโกง ทุจริต ยักยอก และผ่องถ่ายทรัพย์สิน จำนวนมหาศาลตั้งแต่ปี 2560 นั้น น่าจะสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างรวดเร็วอีกทางหนึ่ง   และยังจะเป็นหนทางช่วยกดดันให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือทำความจริงให้ปรากฏ โดยเฉพาะการเยียวยาแก่สถาบันการเงิน เจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นหลายหมื่นราย

        มีรายงานข่าวแจ้งว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการ ที่มีนายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ เป็นประธานนั้น ..ไฟแรงเฟร่อ!!.. เต็มพิกัด แสดงพาวในความใคร่รู้ใคร่แสวงหาข้อมูลประหนึ่งเป็น "โปลิศ" ที่ตั้งใจจะจับโจรด้วยความขมีขมัน เพราะเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยความ ใครเดินผ่านไปมาหน้าห้องประชุม อาจจะเข้าใจผิด มโนไปได้ว่าท่านผู้ทรงเกียรติกำลังโกรธใคร?? แบบเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว

        ที่น่าสนใจก็เห็นจะเป็นการเรียกหาเอกสารทุกชิ้นทุกแผ่นแบบละเอียดยิบจากแบงก์กรุงไทย อาทิ 1) เอกสารการนำเสนอพิจารณาสินเชื่อ (CA) 2) มติการพิจารณาสินเชื่อ 3) รายชื่อผู้อนุมัติสินเชื่อ 4) ความเห็นจากหน่วยงานที่ดูแลด้านความเสี่ยงสินเชื่อ 5) ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการให้สินเชื่อ

        6) รายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการของธนาคารต่อกรณีดังกล่าวว่า ได้ดำเนินการอะไรบ้าง ผลเป็นอย่างไร แล้วสถานะปัจจุบันเป็นอย่างไร (เช่น มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยหรือไม่ ผลการพิจารณาเป็นอย่างไร) และรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรม (เช่น ได้ฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาลใดบ้าง ผลการพิจารณาพิพากษาเป็นอย่างไร หรือสถานะในปัจจุบันเป็นอย่างไร)

        7) ข้อมูลตัวเลขสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPLs) โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ตามวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติ ได้แก่ 7.1) หนี้ NPL ของสินเชื่อที่มีวงเงินอนุมัติ ต่ำกว่า 100 ล้านบาท 7.2) หนี้ NPL ของสินเชื่อที่มีวงเงินอนุมัติ ตั้งแต่ 100-500 ล้านบาท 7.1) หนี้ NPL ของสินเชื่อที่มีวงเงินอนุมัติมากกว่า 500 ล้านบาท ทั้งนี้ ในแต่ละระดับประกอบด้วยข้อมูลตัวเลข 1) จำนวนลูกหนี้ 2) มูลค่าหนี้ NPL และ 3) ผลการปรับโครงสร้างหนี้ และการดำเนินคดี

        8) เปรียบเทียบจำนวนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPLs) ย้อนหลัง 5 ปี (พ.ศ.2558-2562) จำแนกตามวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติ (ตามข้อ 7) โดยแสดงรายละเอียดของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพสุทธิ (NPL Net) ต่อเงินให้สินเชื่อ และเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Gross) ต่อเงินให้สินเชื่อ    9) รายละเอียดงบดุลย้อนหลัง 5 ปี (พ.ศ.2558-2562)

        ละเอียดยิบทุกเม็ดแบบที่เชื่อได้ว่า พนักงานแบงก์กรุงไทยคงต้องอดตาหลับขับตานอนเพื่อป้อนข้อมูลตาม "ใบสั่ง" แม้ออกจะฉงนว่า ในสายตาของท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรตินั้น ตกลงแบงก์ หรือ EARTH ...ใคร?? เป็นจำเลย กันแน่??!!

      ทั้งๆ ที่ประจักษ์ชัดแล้ว ตั้งแต่ปี 2560 ว่า ผู้บริหารกรุงไทยนำโดย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาฉ้อโกง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการกล่าวโทษกรรมการและอดีตกรรมการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธฯ ไปแล้วจำนวนกว่า 11 ราย ว่า ขณะที่ธนาคารกรุงไทยได้สรุปผลการสอบสวนทางวินัยพนักงานธนาคารกรุงไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งให้กับ ป.ป.ช. นอกจากนั้นศาลล้มละลายกลางก็มีคำพิพากษาไม่รับแผนฟื้นฟูกิจการของ EARTH เพราะพบความไม่ชอบมาพากลบางประการ

        หากคณะอนุกรรมาธิการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานของศาลองค์กรอัยการ และรัฐวิสาหกิจฯ ของสภาผู้แทนราษฎรมีความจริงใจจริงจังในการตามหา "ไอ้โม่ง" ในคดี EARTH โดยปราศจากวาระซ่อนเร้น ย่อมต้องช่วยกดดันให้เรื่องนี้เป็น "วาระแห่งชาติ" หรือคดีตัวอย่างที่ตามรอยเส้นทาง "โจรยุคดิจิทัล" ให้อยู่หมัด โดยใช้ข้อมูลของทีมกฎหมายแบงก์กรุงไทยให้เป็นประโยชน์ และใช้อำนาจในฐานะของกรรมาธิการเป็นเครื่องมือแสวงหาข้อเท็จจริงให้ถูกต้องตามทำนองครองธรรม โดยเฉพาะเงินที่ถูกถ่ายเทไปในทิศทางต่างๆ ซึ่งถ้ารู้จักใช้..เรื่องยากๆ ก็ย่อมไม่เหนือบ่ากว่าแรงแน่นอน

        ขอยืนยันว่า เงิน 11,214 ล้านบาท มันน้อย!! ซะเมื่อไหร่!! ..ท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติขยับทำอะไรเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม เสียงสรรเสริญดังกึกก้องแน่ แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงกันข้าม หรือคิดจะใช้การเมืองเอื้อประโยชน์คนบางกลุ่มล่ะก็.. ระวัง!!! หน้าต่างมีหูประตูมีปีก ..อย่านึกว่าไม่มีใครรู้ว่า..กำลังคิดกำลังทำอะไรกันอยู่!!!.