24 ก.พ. 2563 นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สคร.กำลังเร่งทำกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศ (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ หรือ TFFIF2) ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยล่าสุดได้หารือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ถึงความเป็นไปได้ในการนำโครงการลงทุนท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เข้ามาอยู่ในโครงการระดมทุนดังกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นสคร.จึงจะเข้าไปหารือว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเพิ่มเติมจากก่อนหน้าที่ สคร.เคยหารือกับกรมทางหลวง ในการผลักดันการก่อสร้างทางด่วนระดมทุน แต่ยังติดขัดปัญหาด้านกฎหมายที่ต้องแก้ไข ซึ่งจะต้องรอกระบวนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรก่อน ดังนั้นจึงต้องหาโครงการลงทุนทางเลือก เพื่อระดมทุนจัดทำผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น

นายประภาศ กล่าวว่า สคร.เร่งผลักดันโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีโครงการ PPP ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เพิ่มเติม 4 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 3.1 หมื่นล้านบาท และคาดมีโครงการ PPP ที่จะลงนามในสัญญาร่วมทุนอีกอย่างน้อย 5 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 1.5 แสนล้านบาท

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่าการที่สคร.หารือกับท่าเรือแหลมฉบังจะพิจารณานำโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเพส 3 ซึ่งอยู่ในแผนการพัฒนาของการท่าเรืออยุ่แล้วมาระดมทุนผ่าน TFFIF2 เพื่อรองรับการขนส่งทางทะเลในโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งการลงทุนโดยตรงจากภาคเอกชน ขณะที่การลงทุนผ่าน TFFIF2 จะใช้ในส่วนของการลงทุนของการท่าเรือ ที่มีวงเงินลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตามการระดมทุนของท่าเรือแหลมฉบัง ไม่จำเป็นต้องระดมทุนทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะระดมทุนเพียงบางส่วนและที่เหลือการท่าเรือจะสามารถใช้กู้เงินหรือใช้เงินสดของตัวเองได้ โดยข้อดีของการระดมของ TFFIF2 นั้น จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจลง