ไม่พลิกโผ! เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 จ.กำแพงเพชร "เพชรภูมิ" จากพรรค พปชร. ลูกชาย "อดีต ส.ส.ไวพจน์" ได้ 45,687 คะแนน รักษาเก้าอี้เดิมของพ่อไว้ได้ หลังชนะผู้สมัครจากพรรค พท.ที่ได้ 37,989 คะแนน "สมศักดิ์" ได้ทีขย่มฝ่ายค้าน มั่นใจซักฟอก "รัฐบาล" ผ่านฉลุย
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชร แทนตำแหน่งที่ว่าง จากเหตุ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส. ต้องคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำคุก ทำให้ต้องสิ้นสภาพการเป็น ส.ส. โดยพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ประกอบไปด้วย อ.พรานกระต่าย อ.ลานกระบือ อ.โกสัมพีนคร บางส่วนของ อ.ไทรงาม และ อ.เมืองกำแพงเพชร รวม 296 หน่วยเลือกตั้ง
    ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเปิดหีบให้ผู้ใช้สิทธิ์เดินทางมาลงคะแนน บรรยากาศหลายหน่วยเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาตรวจรายชื่อและรอเข้าคูหาเพื่อใช้สิทธิ์ลงคะแนนตั้งแต่ก่อนเปิดหีบ
    นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์การออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนบ้านพรานกระต่าย (ฝั่งตะวันตก) ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย ส่วนนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กกต.ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์การออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 ณ เต็นท์บริเวณบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย ซึ่งการใช้สิทธิ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
    นายอิทธิพรกล่าวว่า การเตรียมการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ฉะนั้นไม่มีประเด็นอะไรที่น่าเป็นห่วง กรรมการประจำหน่วยพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาใช้สิทธิ์ โดยจากการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 ตัวเลขการใช้สิทธิ์ของเขตเลือกตั้งนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 74 ครั้งนี้ก็คาดหวังว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะออกมาใช้สิทธิ์อยู่ที่ร้อยละ 74 หรือร้อยละ 80 ก็ต้องรอดูอีกครั้ง เพราะไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่ก็หวังว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์เยอะและจำนวนบัตรเสีย ที่เดิมอยู่ร้อยละ 12 ลดลง และคาดว่าในเวลาไม่เกิน 20.00 น. แต่ละหน่วยเลือกตั้ง จะประกาศผลคะแนนได้
    "การประกาศผลคะแนนเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ตามกฎหมายก็ต้องมีเวลา 60 วัน แต่โดยปกติที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครปฐม หรือ จ.ขอนแก่น ก็จะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน โดยขอตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าไม่มีเรื่องร้องเรียนทุจริต หรือมีการปฏิบัติที่ไม่ชอบเกิดขึ้น" นายอิทธิพรกล่าว
    ถามถึงเรื่องร้องเรียน ประธาน กกต.กล่าวว่า ขณะนี้มีเพียง 3 เรื่องคือ 1.ผู้สมัครเป็นผู้ร้อง 2.เป็นการร้องเรียนจากผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ไปพบเหตุและบันทึก รายงานเข้ามา และ 3.มีการโทรศัพท์เข้ามาแจ้งเหตุว่ามีการกระทำทุจริต แต่จากที่ตรวจสอบบางเรื่องก็ไม่ใช่เช่นนั้น
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ มีผู้สมัครลงชิงชัยจาก 3 พรรคการเมืองคือ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ หมายเลข 1 พรรคพลังประชารัฐ, นายอิทธิพล แตงเล็ก หมายเลข 2 พรรคภาคีเครือข่ายไทย และนายกัมพล ปันกุล หมายเลข 3 พรรคเพื่อไทย
    กระทั่งเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดหีบบัตรเลือกตั้ง คาดว่าอาจจะมียอดผู้ใช้สิทธิ์ไม่ถึง 71% ตามคาดหมาย เพราะจากการติดตามที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร หน่วยเลือกตั้งนี้อยู่ในอาคารมูลนิธิพรานกระต่ายสงเคราะห์ ที่หน่วยแห่งนี้ผู้มีสิทธิ์จำนวน 886 คน จนถึงเวลาขณะนี้มีผู้มาใช้สิทธิ์แล้ว 65 เปอร์เซ็นต์ โดยหน่วยเลือกตั้งนี้อยู่ย่านตลาด ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ผู้ใช้สิทธิ์ตั้งออกมาใช้สิทธิ์การตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว บรรยากาศโดยทั่วไปของหน่วยเลือกตั้งนี้ก็ยังคงมีผู้ใช้สิทธิ์เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง
    เวลา 18.50 น. กกต.เริ่มนับคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 จ.กำแพงเพชร นับแล้วกว่า 50% คะแนน 2 พรรคใหญ่ยังสูสี ระหว่างนายเพชรภูมิ พรรคพลังประชารัฐ กับนายกัมพล พรรคเพื่อไทย
    ล่าสุด เวลา 20.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของเขตเลือกตั้งที่ 2 กำแพงเพชร ผู้ชนะคือ หมายเลข 1 นายเพชรภูมิ จากพรรคพลังประชารัฐ ได้ 45,687 คะแนน, ลำดับ 2 เป็นนายกัมพล จากพรรคเพื่อไทย ได้ 37,989 คะแนน และนายอิทธิพล จากพรรคภาคีเครือข่ายไทย ได้ 1,103 คะแนน 
    ภายหลังทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ นายเพชรภูมิร่วมกับแกนนำพลังประชารัฐอย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายวราเทพ รัตนากร แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ประกาศชัยชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 2 จ.กำแพงเพชร พร้อมแถลงขอบคุณประชาชน โดยนายเพชรภูมิได้กราบขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ไว้วางใจให้ไปเป็นตัวแทนร่วมแก้ปัญหาให้กับประชาชน
    ขณะที่นายสมศักดิ์มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนเสมือนได้ดูการเลือกตั้งระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล ซึ่งประชาชนก็ตัดสินใจเลือกรัฐบาล รวมถึงจากการลงพื้นที่ ประชาชนก็ได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ทำให้มีความสุข ขณะเดียวกันยอมรับว่าการชนะเลือกตั้งซ่อมสะท้อนให้เห็นว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลดีขึ้น รวมถึงทำให้มั่นใจในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย.