จับบรรยินเหิม!อุ้มพี่ผู้พิพากษา


เพิ่มเพื่อน    

    กองปราบฯ จับ "บรรยิน" พันฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น เจ้าตัวยันบริสุทธิ์-ลูกสาวอ้างโดนกลั่นแกล้ง เลขาฯ ศาลเผยวงจรปิดจับภาพทีมอุ้มดักรอหน้าศาล ก่อนโทร.ข่มขู่ให้ยกฟ้องคดี ชี้เหตุร้ายแรงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จ่อวางมาตรการเข้มป้องเกิดซ้ำ
    เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ช่วงเช้ามืด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมานของกองบังคับการปราบปราม นำหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 119/11 ม.4 ตำบลนครสวรรค์ตก อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์ และควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และ อดีต ส.ส.นครสวรรค์หลายสมัย พร้อมพวกรวม 3 คน มายังกองบังคับการกองปราบปราม เพื่อสอบสวนขยายผลในคดีฆาตกรรมนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชายของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง  
    มีรายงานว่า ชุดสืบสวนสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 1 คน และให้การสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางพี่ชายของผู้พิพากษารายหนึ่ง โดยให้การซัดทอดว่ามี พ.ต.ท.บรรยินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
    สำหรับเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ขณะที่พี่ชายของผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ เดินทางมารับน้องสาว ได้ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มจากแท็กซี่ไปจากหน้าศาล โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.),  พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รายงานความคืบหน้าให้นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ทราบอยู่เป็นระยะ
    ส่วนสาเหตุที่อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนนั้น เพื่อให้ยกฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลย ในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 จากกรณีการโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด ร่วม 300 ล้านบาท จึงมีการบีบบังคับผู้พิพากษารายนี้ช่วยในคดี แต่ไม่สามารถทำได้ จึงต้องลงมือฆาตกรรมอำพรางและนำศพไปทิ้งน้ำ 
    สำหรับคดีนี้ ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์-จำเลยทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 20 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
    ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.​บุษยา ตั้งภากรณ์ หรือเบล อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครสวรรค์ เขต 1  พรรคเพื่อไทย บุตรสาวของ พ.ต.ท.บรรยิน เดินทางมาที่กองปราบฯ หลังทราบข่าวจากน้องชายว่าบิดาถูกตำรวจปราบปรามจับกุมที่บ้านในจังหวัดนครสวรรค์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยระบุพร้อมน้ำตาว่า เชื่อมั่นในตัวบิดาว่าไม่ได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่หากทำผิดจริง เชื่อว่าบิดาน่าจะมีเหตุผลอะไรบางอย่าง เพราะว่าบิดาเป็นคนดี เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นอีกครั้งที่ครอบครัวถูกกลั่นแกล้ง เหมือนที่ครอบครัวถูกกระทำมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตในคดีนี้คือพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งถือว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไปที่จะสามารถก่อเหตุลักษณะดังกล่าวได้
    ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมานพร้อมอาวุธครบมือ คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่า หน่วงเหนี่ยวกักขังนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ มาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ขณะควบคุมตัวไปสอบสวน พ.ต.ท.บรรยินกล่าวสั้นๆ ว่า "โดนคุมตัวมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยังติดต่อทนายไม่ได้ และยังงงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมมั่นใจในความบริสุทธิ์" ขณะที่ถูกควบคุมตัวได้ตะโกนหาลูกสาวที่มารออยู่ "เบลตามมาๆ" แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้ขึ้นไปยังห้องสอบสวนแต่อย่างใด 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาประมาณ 30 นาที จึงนำตัวลงมาควบคุมไว้ที่ห้องขังชั้น 1
    มีรายงานด้วยว่า ในช่วงบ่ายของวันที่ 24 ก.พ. พนักงานสอบสวน บก.ป. จะนำตัว พ.ต.ท.บรรยินกับพวก ผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่า หน่วงเหนี่ยวกักขังพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญาเป็นครั้งแรก และในวันที่ 25 ก.พ. เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์จะแถลงข่าวการจับกุมคดีดังกล่าวอย่างเป็นทางการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากขณะนี้คดียังไม่เสร็จสิ้น โดยยังต้องมีการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
    ทางด้านนายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.30 น. จากเท่าที่ปรากฏหลักฐานได้มีคนร้าย 3-4 คน ร่วมกันอุ้มลักพาตัวนายวีรชัยหายขึ้นรถ ภายหลังจากการลักพาตัวในวันเดียวกัน กลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์เข้ามาหา น.ส.พนิดา เพื่อข่มขู่ขอให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์
    หลังจากนั้น น.ส.พนิดาจึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน ทางสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นมาในวันดังกล่าวทันที ติดตามคดีเรื่อยมา แต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน เรื่องดังกล่าวจึงต้องอยู่ในชั้นความลับ ไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้
    นายสราวุธกล่าวว่า ทีมสืบสวนสอบสวนสามารถสืบจนได้ทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องก่อเหตุคือใครบ้าง และทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันอยู่เหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ เเละการโอนหุ้น 300 ล้านบาท โดยเมื่อมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทีมสืบสวนได้ติดตามสถานที่กบดานคนร้าย จนเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับ จนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว นอกจากนี้ ยังมีการขอหมายค้น กว่า 20 จุด ในการหาพยานหลักฐานมัดตัวคนร้ายครบถ้วน ซึ่งทราบมาว่าตอนนี้สามารถจับคนร้ายได้ 3 คนแล้ว กำลังตามจับบางส่วนที่หลบหนีอยู่ ส่วนเรื่องจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น ถ้าสืบสวนไปเกี่ยวพันถึงใคร ตำรวจจะขอหมายจับเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
    "ในวันนี้ ผมพร้อมด้วยนายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองเลขาธิการประธานศาลฎีกา เป็นตัวแทนนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ เดินทางไปให้กำลังใจ น.ส.พนิดา และแจ้งข่าวให้ได้ทราบ น.ส.พนิดายังอยู่ในภาวะเสียใจ ซึ่งสำนักงานศาลฯ ได้ดูแลความปลอดภัยตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เราได้ประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดหน่วยคุ้มกันดูแลความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งในปัจจุบันภายหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ" เลขาธิการศาลยุติธรรมระบุ
    สำหรับการคุ้มกันนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจศาล (คอร์ทมาร์แชล) จะเข้าไปเสริมการดูแลในเรื่องคุ้มกันและการเดินทางปฏิบัติหน้าที่ คดีนี้หลักฐานทั้งหมดที่ศาลมีได้ส่งให้ตำรวจกองปราบฯ หมดแล้ว กล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้ตั้งแต่มาดักรอที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ก่อนลักพาตัวประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนกล้องวงจรปิดจับภาพ พ.ต.ท.บรรยินได้เลยหรือไม่นั้น ต้องถามเจ้าหน้าที่ ซึ่งแจ้งว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนในการออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยินกับพวกแล้ว รายละเอียดจะอยู่ในสำนวนสอบสวนที่ทางตำรวจจะแถลงต่อสื่อมวลชนเอง เรื่องนี้เราต้องขอบคุณ ผบ.ตร.ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก จนสามารถจับตัวคนร้ายได้
    นายสราวุธกล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก จะพูดทุกครั้งในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) หรือคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) เนื่องด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของผู้ถูกลักพาตัว แต่เราต้องเก็บเป็นความลับ เพื่อคำนึงความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์การจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้ตัดสินคดีที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องกระทบความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษา
    หลังจากนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องวางมาตรการในเชิงป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ต่อไปถ้าหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพล จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด อาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาลโดยเร็ว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"