"คณะอนาคตใหม่" ก็คงลอกแบบจาก "คณะราษฎร"
เป้าหมายของ "ธนาธร-ปิยบุตร" หลังจากนี้ก็คงเป็นไปตามที่พูดมาตลอด นั่นคือสืบสานภารกิจของคณะราษฎร
๘๗ ปีที่ยังไม่เสร็จ!
๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เป็นการเปลี่ยนแปลงโดยคณะบุคคล
ไม่ใช่ประชาชน
นั่นทำให้คณะราษฎร มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง
การรัฐประหารแย่งชิงอำนาจก็มีรากเหง้ามาจากคณะราษฎร
หากลองปรับเปลี่ยนประวัติศาสตร์จาก "กบฏแมนฮัตตัน" เป็นการทำรัฐประหารสำเร็จ ทหารเรือสังหารจอมพล ป. พิบูลสงคราม ลองทายดูเล่นๆ ใครจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่...ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไม่ได้
และประวัติศาสตร์ช่วงเวลาดังกล่าวจารึกไว้ว่า...
ความตึงเครียดระหว่างทหารบกและตำรวจกับทหารเรือ ซึ่งมีมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยทั้ง ๒ ฝ่ายต่างสนับสนุนผู้นำต่างกัน
ทหารบกสนับสนุนจอมพล ป.
ทหารเรือสนับสนุน "ปรีดี พนมยงค์"
ส่วนตำรวจมีปัญหาการกระทบกระทั่งกับทหารเรืออยู่เสมอ
จากความพยายามก่อรัฐประหารสุดท้ายกลายเป็นกบฏ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมจึงต้องหนีไปต่างประเทศ
ไม่ใช่เรื่องใครดีกว่าใคร แต่การศึกษาประวัติศาสตร์ จะทำให้รู้ตื้นลึกหนาบางของผู้มีอำนาจในแต่ละยุค ซึ่งแต่ละคนล้วนมีความคลุมเครืออยู่ในตัวทั้งสิ้น
และอย่างน้อยๆ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ไม่ได้เกิดจากประชาชน แต่เกิดจากคณะบุคคล การจะสานต่อภารกิจต้องทำการบ้านให้มาก
และต้องระมัดระวังคำว่า "ประชาชน" เป็นพิเศษ
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ถึงขนาดประชาชนหลังปี ๒๔๗๕ เข้าใจว่า "รัฐธรรมนูญ" คือบุตรชายคนโตของพระยาพหลพลพยุหเสนา
กลุ่มคณะบุคคลในอดีต น่าจะเทียบได้กับกลุ่มทุนพรรคการเมืองในปัจจุบัน
การเมืองรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมาตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกลุ่มทุนอย่างชัดเจน นั่นทำให้ต้องมีกฎหมายพรรคการเมืองป้องกันเรื่องพวกนี้
แต่ก็ยาก...
โดยเฉพาะยุคทักษิณ เป็นยุคที่กลุ่มทุนครอบงำพรรคการเมืองมากที่สุด
เห็นได้จากการบริจาคเงินให้พรรคการเมืองอย่างถูกกฎหมาย และทุ่มเงินให้ในทางลับ
ก่อน อนาคตใหม่ ถูกยุบ "ธนาธร" พูดว่าให้อนาคตใหม่กู้เงิน เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มทุนครอบงำอนาคตใหม่
นอกจากย้อนแย้งแล้ว ยังเป็นการประกาศถึงความเป็นนายทุนและเจ้าของอนาคตใหม่อย่างชัดเจน
ตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" คุ้นชินกับการเป็นกลุ่มทุนพรรคมานานแล้ว
เมื่อ "ธนาธร" บอกว่าไม่ต้องการให้กลุ่มทุนครอบงำพรรค และเข้าไปยุ่งเกี่ยวในการบริหารราชการแผ่นดิน ก็ควรศึกษาจากประวัติตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ เผื่ออีก ๑๐ ปีข้างหน้าจะได้ตั้งพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนจริงๆ
ในอดีตตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" คือผู้บริจาคเงิน (ตามกฎหมาย) รายใหญ่ของพรรคไทยรักไทย
หนึ่งในนั้นคือ "สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ" แม่ของ "ธนาธร"
มาถึงยุครัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ยุคที่ "ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ" ออกนโยบายรถคันแรก
ตัวเลขรายได้รวมของกลุ่มไทยซัมมิท เติบโตสูงสุดที่ ๗.๕ หมื่นล้านบาทในปี ๒๕๕๕ จากนโยบายคืนภาษีรถคันแรก
วันนี้เพื่อไทยเที่ยวชี้หน้าด่ารัฐบาลว่าแก้ปัญหา PM2.5 ไม่ได้ แต่ดันลืมไปว่าเคยทำความระยำไว้ในอดีต
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่จริงจังที่จะแก้ปัญหาขนส่งสาธารณะ แต่กลับสนับสนุนให้ประชาชนซื้อรถรวม ๑.๒ ล้านคัน
ทีนี้ "ธนาธร" เห็นหรือยังว่า กลุ่มทุนการเมืองคืออะไร สร้างปัญหาไว้มากแค่ไหน รวยกระจุกจนกระจายเป็นอย่างไร
เมื่อ "คณะอนาคตใหม่" คิดจะสืบสาน "คณะราษฎร" จึงต้องตีโจทย์ให้แตกตั้งแต่เริ่มต้น
อย่างน้อยสุดอย่าเดินตามเส้นทางของตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |