ภาวะโลก "Covid-19" เซตซีโร


เพิ่มเพื่อน    

            วันนี้...ศุกร์ ๒๑ กุมภา.

                บ่าย ๓ โมง

                ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ หลังประชุมอภิปรายและลงมติแล้ว

                ตุลาการจะอ่านคำวินิจฉัย ในประเด็นเรื่องที่ กกต.ส่งมาให้พิจารณาวินิจฉัยตามข้อกฎหมายว่า

                -กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน ๑๙๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท

                เป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ หรือไม่?

                และ........

                -ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๓) ประกอบมาตรา ๙๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐

                นี่คือโจทย์หรือคำถาม ที่ศาลฯ จะตอบโจทย์ออกมาวันนี้

                ฉะนั้น เพื่อไม่ให้ไขว้เขว-เปะปะในการตามดู-ตามฟัง

                เข้าใจกันให้ชัด ๒ ประเด็นหลักเท่านั้น ที่ กกต.ถาม และศาลรัฐธรรมนูญ จะตอบ

                ๑.พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน ฝ่าฝืน มาตรา ๗๒ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง ๖๐ หรือไม่?

                ศาลฯ จะวินิจฉัยประเด็นนี้ก่อน

                ถ้าที่ประชุมลงมติว่า "ไม่ฝ่าฝืน"

                จบแค่นี้.......

                ไม่มีความจำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นยุบพรรค

                ถ้ามีมติว่า "ฝ่าฝืน"

                ศาลฯ ไม่ต้องวินิจฉัย มีคำสั่งในประเด็นที่ ๒ คือประเด็นยุบพรรค ตามมาตรา ๙๒ (๓) พ.ร.ป.พรรคการเมือง ๖๐ ได้เลย

                มาตรา ๙๒ บอกว่า......

                "เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคการเมือง นั้น"

                นั่นคือ..........

                ถ้ามีมติว่า พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน "ฝ่าฝืน" แล้ว ก็ไม่มีเป็นอื่น

                เพราะในมาตรา ๙๒ ล็อกเป็นคำตอบตายตัวไว้เลยว่า....ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อ "สั่งยุบพรรคการเมืองนั้น"

                ฉะนั้น "ยุบ-ไม่ยุบ" ไม่ต้องว่อกแว่กฟังโน่น-ฟังนี่ 

                ดูที่ศาลฯ ว่าจะวินิจฉัยประเด็นแรกออกมาแบบไหนเท่านั้น ว่า "ฝ่าฝืน" หรือ "ไม่ฝ่าฝืน"?

                ฝากทีเด็ด-เคล็ดลับไว้นิด.........

                "กุญแจเป็น-กุญแจตาย" ของคดีนี้ อยู่ที่คำว่า

                "ประโยชน์อื่นใด"

                ตามหมวด ๕ "รายได้ของพรรคการเมือง" ในมาตรา ๖๒ มาตรา ๖๖ มาตรา ๗๒ และมาตรา ๗๔

                ครับ.....

                นี่คือ "คู่มือติดตามการฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรค" ในวันนี้ ไม่ใช่ความเห็นหรือการวิพากษ์-วิจารณ์

                หากแต่บอกให้รู้ถึงประเด็นและกรอบกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเท่านั้น

                ฉะนั้น รอดู-รอฟังวันนี้ ซึ่งคำวินิจฉัยที่ออกมาเป็นมติและศาลฯ จะอ่านให้ฟังนั้น

                จะมีรายละเอียดและข้อเท็จจริงตามหลักฐานเชื่อมโยงถึงข้อกฎหมายต่างๆ เป็นเหตุ-เป็นผลสู่คำวินิจฉัยให้ได้ทราบ-ได้เข้าใจกัน

                คุยเรื่องอื่นก่อนดีกว่า.........

                คือจะบอกว่า อยากให้พวกเราหยุดใจอยู่กับตัวเองนิ่งๆ ซักพัก

                แล้วมองไกลออกไปจากตัวเอง ให้เห็นองค์รวมในความเป็นประเทศ

                และกว้างออกไปในความเป็น "โลกทั้งใบ" ประกอบด้วยประเทศและผู้คนหลากเผ่า-หลากพันธุ์-หลากพื้นที่ รวมๆ กันแล้ว เฉียดหมื่นล้านมนุษย์

                จากนั้น มององค์แยกเหล่านั้นเข้าด้วยกันเป็นองค์รวม

                เราจะเห็น "ภาวการณ์โลก" ขณะนี้ ผิดปกติมาก

                โลกไม่แตก-ไม่ร้าวหรอก.......

                แต่โลกกำลัง "เซตซีโร" สังคมมนุษย์ทั้งโลก!

                จากมนุษยชาติเคลื่อนไหวไปมาหาสู่กันรวมเป็น "สังคมโลก"

                ขณะนี้ ด้วย covid-19

                ส่งผลให้แต่ละประเทศในโลก "ชักบันได-ปิดประตูบ้าน" ไม่ต้อนรับ ไม่ต้องการให้ใครไปมา-หาสู่กัน เหมือนเดิม

                "ต่างคน-ต่างอยู่" ในความหมาย "เพื่อความอยู่รอด" ของตัวเองแต่ละประเทศ

                อาวุธทำให้เป็นมหาอำนาจหรือจุลอำนาจได้

                แต่ด้วย Covid-19 ไม่ว่าสหรัฐ จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น ยุโรป ต่อให้ใหญ่แค่ไหน

                เจอ covid-19 ขีปนาวุธ จรวด นิวเคลียร์ อานุภาพน้อยกว่าสากกะเบือซะอีก

                สงครามไม่เคยล้างโลกได้.........

                แต่เชื้อโรค อย่างไวรัส covid นี่แหละ ล้างโลกได้!

                เราจะเห็นว่า ขณะนี้ ไม่มีประเทศไหนไว้ใจ-ไว้หน้า ที่ต้องถนอมน้ำใจ-เกรงใจใคร

                ประกาศชื่อประเทศเปรี้ยงปร้าง ห้ามมา-ห้ามเข้าประเทศ!

                กระทั่งไทยเราก็เหอะ แต่ก่อน แค่ประกาศให้ระวังประเทศนั้น-นี้ ก็ยังแทบไม่มี

                แต่คราวนี้ ประกาศกันแบบระบุชื่อประเทศไปเลยว่า ไม่จำเป็นอย่าไป เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ เป็นต้น

                ทำนองเดียวกัน หลายประเทศในตะวันตก ยุโรป เอเชีย เขาก็ห้ามคนของเขา

                "อย่ามาประเทศไทย" หรือ "ไม่อนุญาต" ให้คนไทยเข้าประเทศเขา!

                แต่ประเทศไหนจะแบล็กลิสต์-เรดลิสต์ คนประเทศไหนก็ช่าง

                ในทางปฏิบัติเป็นจริง ชั่วโมงนี้ ในอากาศ แทบไม่มีเครื่องบินโดยสารขึ้นบิน

                และผู้คนเอง ก็แทบไม่มีใครเดินทางไปไหน

                สรุปแล้ว สังคมโลก กำลังกลับไปต้นที่ ศตวรรษที่ ๑-๒ "ต่างคน-ต่างอยู่"

                ยิ่งตอนนี้ จีนพบว่า Covid เป็นฝอยละอองลอยล่องตามอากาศ

                นั่นเท่ากับ "สัญญาณคลาย" ที่คิดกันไว้แต่เดิม กลายเป็น "สัญญาณขยายตัว" ชนิดไร้ร่องลอย

                ย้อนมาบ้านเรา.........

                มองตรงหน้า แม้บ้านเราเอา covid อยู่

                แต่ด้วยมาตรการเข้มทั้งเขา-ทั้งเรา ปลอดภัยขนาดไหน ใครก็ไม่อยากมา

                รายได้หลักของเราตอนนี้ คือท่องเที่ยว เมื่อท่องเที่ยวหยุดสนิท เดือดร้อนขนาดไหน คงไม่ต้องบอก

                แค่ท่องเที่ยวสะดุด ไม่ถึงตาย

                แต่หนักกว่านั้น คือ ไม่แค่ท่องเที่ยว โรคระบาดยังส่งผลการลงทุน การค้า การส่งออก "ทุกชนิด" สะดุดด้วยทั้งหมด

                ตรงนี้ ขั้นสาหัส!

                ก็ทั้งโลก "ปิดประเทศ" หนีโรค ใครจะเที่ยว จะกิน จะซื้อ จะออกมาเตร็ดเตร่ จับจ่ายใช้สอยล่ะ

                การคมนาคมเชื่อมต่อ ทั้งบก-เรือ-อากาศ อยู่กับที่!

                ไทย เป็นประเทศมีรายได้จากส่งออก จากท่องเที่ยว เมื่อไม่มีส่งออก ไม่มีท่องเที่ยว

                แล้วอุตสาหกรรม ร้านค้า โรงแรม ธุรกิจอาชีพต่อเนื่อง พืชผลเกษตร ผักหญ้า-ปลาข้าว การประมง ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้

                เมื่อมี จะทำยังไงกัน?

                นี่ไม่ใช่คำถามในความหมายเรียกร้องหาความรับผิดชอบ หรือโยนภาระให้รัฐบาลอุ้ม อย่างที่เริ่มมีเสียงมาแล้ว

                แต่ยกมาพูดในความหมายว่า..........

                สภาพสังคมไทย การเมืองระบบรัฐบาลเลือกตั้ง ทำให้ชาวบ้านคิดน้อย ขวนขวายน้อย "บนลำแข้งตัวเอง"

                ชินกับรัฐบาลเลี้ยง รัฐบาลแจก รัฐบาลโอ๋ รัฐบาลเอาใจ เพื่อแลกคะแนนตอนเลือกตั้ง จนเป็นพฤติกรรมชาติ

                "รอรัฐบาลเลี้ยง"

                จึงเห็นทุกวันนี้ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ยกเป็นภาระ-หน้าที่รัฐบาล ต้องช่วย ต้องแจก ต้องเยียวยา ไปทุกเรื่อง-ทุกสิ่ง

                เมื่อเกิดวิกฤติ Covid-19 ล้างโลกเช่นนี้ จึงเห็นภาพ ทุกคนมุ่งความหวังไปที่รัฐบาล รอและร้องจากรัฐบาล

                เหมือนลูกจับเจ่าอยู่ในบ้าน ต่างชะเง้อรอว่า เมื่อไหร่พ่อ-แม่จะกลับมา จะได้มีกิน

                ก็อยากบอก รัฐบาลจะปล่อยให้คนทั้งประเทศ "ชะเง้อรอ" ด้วยหวังน้ำบ่อหน้า หวังลมๆ แล้งๆ ว่า อดีตดีๆ จะกลับคืนมา แบบนี้ไม่ได้

                "สงกรานต์" ก็จะไม่เป็นอย่างที่คิด-ที่หวัง เพราะ Covid มันเอาแน่ ไม่สิ้นฤทธิ์เร็ววันหรอก

                ในความไร้ทิศ-ไร้ทาง...........

                รัฐบาลต้องเหมือน "หัวหน้าทัวร์" ชูธงขึ้นเหนือหัว เป็นสัญญาณให้ลูกทัวร์คือประชาชน ได้รู้ว่า เราต้องไปกันทิศนี้!

                ต้องให้ประชาชนสำรวจเสบียงกรังคือ "ต้นทุนชีวิต" แต่ละคน ตั้งหลัก

                พึ่ง ๒ แขน ๒ ขา หากินด้วยลำแข้งยึดเกษตร-เศรษฐกิจพอเพียงไว้

                อย่ากิน อย่าใช้เกินตัว อะไรไม่จำเป็น ประเภท "ของต้องมี" อดใจไว้ก่อน ไม่ใช่มีแสน ก็หอบไปแย่งซื้อรถ สักแต่ว่าถูก

                เดี๋ยวก็ต้องมาร้องให้รัฐบาลอีกจนได้ ว่าถูกต้ม!

                จีน ญี่ปุ่น เกาหลี กระทั่งสหรัฐ เรียกว่าทั้งโลก ต่างปรับตัว "เซฟตัวเอง"

                ไทยเรา จะไปกันทางไหนในภาวะ "โลกชักบันไดบ้าน"

                ท่านนายกฯ ต้อง "ตีธงนำ" แล้วล่ะครับ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"