เมื่อวานผมเขียนถึงบทวิเคราะห์ของนายกรัฐมนตรีหลี่เซียนหลงของสิงคโปร์ ระหว่างขึ้นเวทีในการประชุมประจำปีของ World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ประเด็นที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือ วิธีคิดของเขาว่าจากนี้ไปอีก 50 ปี สิงคโปร์ในฐานะเป็นประเทศเล็กๆ จะวางตัวอย่างไรเมื่อโลกกำลังป่วนจากการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ของยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐและจีน
หลี่เซียนลุงวางแนวไว้อย่างนี้
สิงคโปร์จะยังคงใกล้ชิดสนิทสนมกับสหรัฐ เพราะอเมริกาเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงที่สำคัญ และสิงคโปร์เชื่อว่าอย่างไรเสียวอชิงตันก็ยังมีบทบาทด้านการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคนี้
แน่นอน สหรัฐไม่ใช่ยักษ์ใหญ่แต่เพียงผู้เดียวแล้ว ก็ยังเป็นยักษ์ที่มีบทบาทที่โลกขาดเสียไม่ได้
จีนไม่สามารถเล่นบทที่อเมริกาเล่นในด้านนี้ ญี่ปุ่นก็เล่นบทนี้ไม่ได้เช่นกัน
“เราจึงต้องการจะร่วมมือกับอเมริกาต่อไป และเราก็ต้องการจะร่วมมือกับจีนต่อไปเช่นกัน” หลี่เซียนหลงบอก
แต่บางครั้ง คุณก็อาจจะถูกกดดันให้ต้องเลือกข้าง
“และเมื่อเราต้องแสดงจุดยืนของเราในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนทั้งหลายจะต้องเข้าใจว่าเราตัดสินใจเช่นนั้นเพื่อผลประโยชน์ของเราเอง เพราะเราตัดสินใจเพื่อสิงคโปร์ ไม่ใช่เพราะเราเป็นลูกมือ (cat’s paw อุ้งมือแมว) ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
นั่นย่อมหมายความว่าคุณต้องมีความกล้าหาญที่แสดงจุดยืนของคุณ และพูดความจริงตามที่คุณเห็น และบางครั้งการตัดสินใจอย่างนั้นก็อาจจะทำให้คนบางคนเลิกคิ้ว (ความไม่พึงพอใจของบางคน) และบางครั้งก็มากกว่าแค่เลิกคิ้วครั้งเดียวจากไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
หรือบางครั้งคุณก็อาจจะเห็นอาการเลิกคิ้วจากทั้งสองฝ่าย
แต่การกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะหากคนเห็นว่าคุณไม่คิดคำนวณอะไรทั้งหลายแหล่เพื่อผลประโยชน์ของคุณเองแล้ว เขาก็จะเลิกคิดว่าคุณมีความหมาย ในสายตาของเขาคุณก็หมดท่าแล้ว
สำหรับจีนแล้ว เขาเป็นหุ้นส่วนการค้าที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเรา ก็เหมือนกับอีกหลายๆ ประเทศ รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐทั้งหลายนั่นแหละ
“ผมก็หวังว่าเมื่อเห็นประเทศจีนมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น ก็จะมีบทบาททางด้านสร้างสรรค์และสันติภาพในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นโครงการ One Belt, One Rod หรือธนาคาร Asia Infrastructure Investment Bank หรือความริเริ่มด้านการทูตอย่างอื่น ผมเชื่อว่าจีนจะมีบทบาทที่สำคัญ และสิงคโปร์ก็หวังว่าเราจะสามารถร่วมมือกับจีนและส่งเสริมให้จีนมีบทบาทที่จะทำให้มีพื้นที่สำหรับประเทศอื่นที่จะก้าวหน้าพัฒนา และวางทิศทางของตัวเอง....”
หลี่เซียนหลงบอกว่าเขาไม่อยากให้บทบาทของจีน “เหมือนช้างอยู่ในห้องที่ไม่สังเกตว่ามีใครคนอื่นอยู่ในห้องบ้าง หรืออาจจะมีอะไรที่อยู่ใต้อุ้งเท้าของเขาบ้าง...”
ประเด็นนี้นายกฯ สิงคโปร์พูดได้นิ่มแต่เข้ม
เขากำลังบอกจีนว่าประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้พร้อมจะต้อนรับบทบาทที่คึกคักมากขึ้นของจีน
แต่ปักกิ่งจะต้องเข้าใจด้วยว่าประเทศต่างๆ นั้นก็ต้องการจะกำหนดชะตากรรมของตนเอง เลือกแนวทางของตัวเองที่บางครั้งอาจจะไม่สอดคล้องกับสิ่งที่จีนกำลังคิดกำลังทำอยู่ก็ได้
แต่หากจีนจะเล่นบทบาทพี่ใหญก็ต้องเข้าใจน้องๆ ในย่านนี้ที่ต้องการพื้นที่ของตัวเองเพื่อดำเนินนโยบายที่สะท้อนถึงความต้องการของตนเอง
จีนเป็นช้างก็ต้องระวังไม่เดินเพ่นพ่านไปเหยียบประเทศเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
พูดง่ายๆ ก็คือสิงคโปร์พร้อมจะเป็นมิตรกับยักษ์ใหญ่ทั้งหมด แต่ยักษ์ๆ ก็ควรจะต้องเคารพในสิทธิแห่งการตัดสินใจของเพื่อนๆ ตัวเล็กๆ ที่ไม่อยากจะทำให้พี่ใหญ่ขุ่นเคือง แต่ก็ต้องขอให้เข้าใจว่าการคบหากันจะต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ผู้นำเล็กๆ กลางๆ ไม่กี่ประเทศที่จะพูดอะไรชัดๆ และสะท้อนจุดยืนของตนเองในเวทีระหว่างประเทศได้อย่างนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |