ทุกเหรียญในโลกนี้มี ๒ ด้าน

                ยกเว้นเหรียญอนาคตใหม่มีด้านเดียว

                ไร้มิติอื่น นอกจากมุมมองของตัวเอง

                คดีเงินกู้ ๑๙๑ ล้านบาท พยายามบอกกับสังคมว่า อนาคตใหม่กู้เงินมาใช้เลือกตั้งไม่ผิด

                แต่ไม่พูดอีกมุมหนึ่ง หากไม่ผิด แล้วทุกพรรคการเมืองแข่งกันกู้เงินมาใช้เลือกตั้ง สุดท้ายจะจัดการกับการครอบงำพรรคโดยกลุ่มทุนได้อย่างไร

                เช่นเดียวกัน วานนี้ (๒๐ กุมภาพันธ์) ปิยบุตร แสงกนกกุล อภิปรายสรุปญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต เป็นการสรุปด้วยมุมมองกันคับแคบ ขาดสาระหลักไปอย่างไม่น่าให้อภัย

                ..."สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรควรต้องร่วมมือกัน ป้องกันมิให้การรัฐประหารเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย" "การรัฐประหารสองครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน"

                "พอรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ใช้จริงไปได้สักระยะหนึ่ง พลังการเมืองกลุ่มหนึ่งได้ตั้งข้อกังขาต่ออีกกลุ่มว่ากระทำการบิดผันรัฐธรรมนูญ จนเกิดการครอบครองเสียงข้างมาก และปราศจากการตรวจสอบซึ่งการใช้อำนาจ จนนำมาซึ่งความขัดแย้ง"

                "น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่เลือกวิถีทางตามหลักประชาธิปไตยในการคลี่คลายปัญหา เรากลับพบกับการรัฐประหาร ๒๕๔๙ นับแต่นั้นมาก็มีการออกแบบรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะกำจัดพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอ และเมื่อกระทำเช่นนั้นไม่สำเร็จ ก็ยังเกิดการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็น “รัฐประหารซ่อม” อีกครั้งหนึ่ง"

                "นี่คือจุดเริ่มต้นของการเมืองแตกขั้วอย่างถึงที่สุด (Polarization)"

                "รัฐประหารจะเกิดขึ้นและสำเร็จได้...ก็ต่อเมื่อมีการยอมรับนับถือรัฐประหารนั้น และไม่มีใครไปต่อต้านมัน"

                "ถ้าหากผู้แทนราษฎรของเราตระหนักว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎร” ว่าพวกเขาคือผู้แทนของเสียงจากราษฎรอย่างแท้จริง เรามาร่วมมือกันทำงานการเมืองให้ดีมีคุณภาพ ถกเถียงอภิปรายกันอย่างสร้างสรรค์ ขัดแย้งเห็นต่างกันภายใต้กติกา และพร้อมใจจะจับมือร่วมกันทันทีเพื่อต่อต้านการรัฐประหาร รัฐประหารย่อมไม่มีวันสำเร็จ"...

                สังเกตเห็นมั้ยครับว่าขาดอะไรไป?

                ไม่รู้ว่าผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่แปลกใจกันบ้างหรือเปล่า ที่ "ปิยบุตร" รวมถึง "ธนาธร" แทบไม่เคยพูดถึง "คอร์รัปชัน" ในยุคระบอบทักษิณครองเมือง

                ทำราวกับว่าเป็นเรื่องไม่มีอยู่จริง

                เหมือนที่แกนนำ นปช.พยายามกรอกหูสังคมว่า "กองกำลังติดอาวุธชุดดำ" เป็นแค่วาทกรรม มันไม่มีอยู่จริง

                มีคำพิพากษาศาลเป็นหลักฐานการโกง แต่ไม่เคยอยู่ในสายตาของคนรุ่นใหม่พวกนี้

                "ปิยบุตร" ต้องกลับไปทำการบ้านเยอะๆ เพราะการสรุปว่า รัฐประหารจะเกิดขึ้นและสำเร็จได้...ก็ต่อเมื่อมีการยอมรับนับถือรัฐประหารนั้น และไม่มีใครไปต่อต้านมัน สาเหตุมาจากอะไร

                อย่ามองอะไรแค่มุมเดียว

                มันเป็นความจริงว่ารัฐประหารคือมะเร็งร้ายของระบอบประชาธิปไตย แต่การคอร์รัปชันของนักการเมือง มัน HIV รักษาไม่หาย หลอกหลอนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

                ที่รัฐประหารสำเร็จก็เพราะนักการเมืองคอร์รัปชัน

                "ปิยบุตร" ต้องพลิกดูเหรียญอีกด้าน แล้วจะพบคำตอบ ขอความร่วมมือนักการเมืองทั้งหลายว่าอย่าโกง นั่นแหละคือยาขนานเอกที่จะปราบโรครัฐประหาร

                ถ้าการเมืองปลอดคอร์รัปชันแล้วทหารยึดอำนาจ บอกได้คำเดียวครับ

                วินาทีเดียวก็อยู่ในอำนาจไม่ได้.