หุ้นปีจอคึกนิวไฮ สูงสุด1,778จุด ค่าบาทแข็งโป๊ก


เพิ่มเพื่อน    

หุ้นปีจอสุดคึกคัก เปิดวันแรกทำนิวไฮสร้างสถิติใหม่ปิดตลาดสูงสุด 1,778.53 จุด ในรอบ 43 ปีนับแต่ตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ มา ค่าเงินบาทไม่น้อยหน้าแข็งขึ้นมากที่สุดในรอบ 33 เดือน ส่วนทองขยับเล็กๆ

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ถือเป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดทำการซื้อขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เป็นไปด้วยความคึกคักตลอดทั้งวัน โดยดัชนีสามารถยืนอยู่ในแดนบวกตั้งแต่เปิดตลาด ส่งผลให้เมื่อปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ 1,778.53 จุด เพิ่มขึ้น 24.82 จุด หรือ 1.42% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85,850.49 ล้านบาท

ดัชนีปิดตลาดที่ 1,778.53 จุด ถือเป็นสถิติใหม่ที่สูงที่สุดในการปิดตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ก่อตั้ง ตลท. เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2518 หรือ 43 ปีทีเดียว ซึ่งระหว่างวันดัชนียังไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,779.55 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,758.07 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,694.79 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 2,105.45 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 228.53 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 4,571.71 ล้านบาท

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า การปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอแนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต พร้อมศึกษาข้อมูลของบริษัท และติดตามข่าวทั้งในและต่างประเทศที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอพเพิล เวลธ์ เผยว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยปี 2561 อยู่ที่ระดับ 1,870-1,925 จุด เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่มีโอกาสไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ ส่วนแนวโน้มกำไร บจ.ปีนี้ คาดว่ามีโอกาสกลับมาขยายตัวได้ที่ระดับ 11.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัว 7%, กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอาจจะสูงกว่า 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมถึงกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวตามกำลังซื้อในประเทศ

สำหรับค่าเงินบาทนั้น มีรายงานข่าวจากกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา แจ้งว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ค่าเงินบาทเปิดตลาดอยู่ที่ 32.43 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันที่ 29 ธ.ค.2560 ที่ระดับ 32.58 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่าแข็งค่าสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.2558 หรือในรอบ 33 เดือน เนื่องจากเกิดแรงเทขายเงินดอลลาร์ออกมามากในตลาดโลก ส่งผลให้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก ส่วนทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์แรกของปี 2561 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 ต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ในช่วงสิ้นปี 2560 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 1,700 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 15,000 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นรวม 26,000 ล้านบาท แต่มีเม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตรมากถึง 360,000 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการถือครองเงินดอลลาร์ลดลงในช่วงปลายปี และนักลงทุนบางส่วนเริ่มกลับเข้าตลาดอีกครั้งหลังเทศกาลคริสต์มาส

ขณะเดียวกัน ตลาดการเงินยังให้ความสนใจกับบันทึกการประชุมธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) รวมถึงข้อมูลการเติบโตของค่าจ้างในสหรัฐ เพื่อประเมินแรงส่งผ่านของตลาดแรงงานไปยังเงินเฟ้อที่ยังอยู่ที่ระดับต่ำ ซึ่งอาจให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยในปี 2560 ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตทั่วโลก แต่ยังความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งในปี 2561 จะมีการปรับเปลี่ยนบุคลากรระดับสูงหลายตำแหน่งภายในเฟด รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปในอิตาลีและการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้

ส่วนภาพรวมของราคาทองคำในประเทศนั้น มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2 ครั้ง แม้ช่วงเปิดตลาดเช้าวันที่ 3 ม.ค. ราคาทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท แต่ก็ปรับลดลงมา 50 บาท ทำให้ราคาทองคำขยับได้เพียง 50 บาทเท่านั้น ส่งผลให้ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 20,100 บาท ขายออกบาทละ 20,200 บาท ส่วนทองคำรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 19,738.32 บาท และขายออกบาทละ 20,700 บาท.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"