20 ก.พ. 2563 นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังจะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ เพื่อเป็นการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยง อาทิ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบทั่วโลก การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้า โดยคาดว่าชุดมาตรการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือน มี.ค. 2563
ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ จะเน้นดูแลเรื่องความเชื่อมั่นผ่านการสนับสนุนการอุปโภคบริโภค โดยจะมีการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางที่จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบผ่านการใช้จ่ายจากสวัสดิการที่รัฐบาลมอบให้ และยังมีมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย โดยจะมีการจัดทำโครงการพัฒนาบุคลากรในภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งจะมีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีรายได้มากขึ้น ดูแลผ่อนภาระทางการเงินให้ ขณะเดียวกันก็จะมีมาตรการดูแลพนักงาน ลูกจ้างให้ยังมีงานทำ ไม่ตกงาน การผ่อนภาระทางการเงินด้านอื่น ๆ โดยทั้งหมดจะออกมาเป็นแพ็คเกจ
“ผมตั้งใจว่าหากมีมาตรการออกมาก็อยากจะให้มีผล ดังนั้นก็จะมีการใช้เม็ดเงินในการดำเนินการพอประมาณ ดังนั้นขนาดของมาตรการก็มีผลเช่นกัน อยากให้ปัง แต่จะปังหรือไม่ต้องรอดู เพราะในรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดนี้ยังทำไม่เสร็จ โดยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมว่าจะมีการแจกเงินให้ประชาชนหรือไม่ ดังนั้นรายละเอียดทั้งหมดจึงอยากให้ผ่าน ครม. ก่อน” นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการไปยังส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจทั้งหมดให้เตรียมความพร้อมในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ซึ่งคาดว่าภายใน 1 เดือนครึ่งจะเริ่มเบิกจ่ายได้ โดยมีการประเมินว่าภายในเดือน พ.ค. 2563 จะสามารถเบิกจ่ายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท
นายอุตตม กล่าวอีกว่า ภายหลังการหารือร่วมกันกับ EU-ASEAN Business Council (EU-ABC) ว่า ต่างชาติยังแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในระยะยาว โดยส่วนใหญ่เห็นว่าการลงทุนในประเทศไทยถือเป็นโอกาส แม้ว่าขณะนี้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่จากมาตรการดูแลเศรษฐกิจในระยะสั้นของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่าไทยมีความพร้อม และเมื่อปัจจัยลบต่าง ๆ คลี่คลายไป ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะลงทุนได้ในระยะยาว
สำหรับกรณีที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ได้ประกาศว่า จะถอนธุรกิจรถยนต์เชฟโรเลตออกจากตลาดของไทยภายในสิ้นปี 2563 ว่า เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีผลกระทบกับการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศไทย เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงแสดงความสนใจและตั้งใจที่จะเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า
“เชื่อว่าเป็นแผนงานของบริษัทที่จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ในประเทศอื่นที่บริษัทมีการลงทุนก็มีการปรับเปลี่ยนเช่นกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้สำหรับธุรกิจข้ามชาติที่บางทีจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจ มีการเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในบางประเทศ เป็นเรื่องของบริษัทในการปรับตัว” นายอุตตม กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |