นับถอยหลังอีกเพียง 1 วันก็จะถึงวันวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าจะยุบ หรือไม่ยุบ พรรคอนาคตใหม่ ในคดี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน จำนวน 191 ล้านบาท

           ส่อผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 3 มาตรา คือ มาตรา 62 ระบุว่า พรรคการเมืองมี “รายได้” จาก 7 ช่องทาง เช่น รับบริจาค จัดระดมทุน หรือขายสินค้า แต่ไม่มีกำหนดว่าให้ “กู้เงิน” มาใช้จ่ายได้

           มาตรา 66 ห้ามบุคคลบริจาคเกินปีละ 10 ล้านบาท และห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเกินมูลค่าที่กำหนด มาตรา 72 ห้ามรับเงินบริจาค ทรัพย์สิน โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

           โดยขณะนี้เริ่มมีการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกครั้งว่า หากอนาคตใหม่โดนยุบ อีก 18 พรรคที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยก่อนหน้านี้ก็ต้องโดนยุบพรรคไปด้วย

           ทั้งนี้ พรรคที่มีการกู้ยืมเงิน ประกอบด้วย 1.พรรคพลังศรัทธา มีรายการเงินกู้ระยะสั้น 300,000 บาท 2.พรรคพลังชาติไทย เงินกู้ระยะสั้น 113,988 บาท 3.พรรคไทยธรรม เงินกู้จากหัวหน้าพรรค 1,000 บาท 4.พรรครวมพลังประชาชาติไทย เงินกู้จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกัน 5,000,000 บาท 5.พรรครวมใจไทย เงินกู้ยืมระยะสั้น 45,697.86 บาท 6.พรรคอนาคตใหม่ เงินกู้จากหัวหน้าพรรค 161,200,000 บาท 7.พรรคเพื่อสหกรณ์ไทย เงินกู้ยืมระยะสั้น 226,000 บาท 8.พรรคพลังไทยรักชาติ เงินกู้ยืมหัวหน้าพรรค 85,000 บาท 9.พรรคเมืองไทยของเรา เงินกู้ยืมระยะสั้น 542,750 บาท 10.พรรคเพื่อชีวิตใหม่ เงินกู้ยืมระยะยาว 50,000 บาท

                11.พรรคเงินเดือนประชาชน เงินกู้ยืมจากกรรมการ 822,183.70 บาท 12.พรรคไทรักธรรม เงินกู้ยืม กรรมการบริหารพรรค 4,376,000 บาท 13.พรรคพลังประชาธิปไตย เงินยืมจากหัวหน้าพรรค 5,584,290 บาท 14.พรรคครูไทยเพื่อประชาชน เงินกู้ยืม 542,125 บาท 15.พรรคพลังท้องถิ่นไท เงินกู้ยืมระยะสั้น 1,427,000 บาท 16.พรรคไทยรักษาชาติ เงินยืมจากหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค 1,738,868.92 บาท 17.พรรคประชาธิปไตยใหม่ เงินกู้ยืมระยะสั้น 4,216,600 บาท และ 18.พรรคชาติพัฒนา เงินกู้ยืม 2,000,000 บาท

                โดยมีพรรคที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลคือ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลังชาติไทย และพรรคไทยรักธรรม

                ซึ่งทางสำนักงาน กกต.เคยออกเอกสารชี้แจงเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ใจความว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และหากตรวจสอบแล้วพบว่า พรรคการเมืองกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมือง จะแจ้งให้พรรคการเมืองทราบเพื่อมาชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานในเวลาที่กำหนด

                หาก กกต.ดำเนินการช้าหรือตัดสินไม่ยุบ ก็ต้องมีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผล และต้องฟังขึ้น ไม่เช่นนั้นสังคมจะเคลือบแคลงสงสัยได้ในความยุติธรรมและเป็นกลาง

                ดั่งเช่นในคดีถือครองหุ้นสื่อ ถ้ายังจำกันได้มีการร้องให้ กกต.ตรวจสอบทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ทุกวันนี้มีเพียง “ธนาธร” คนเดียวเท่านั้นที่โดนตัดสิน จวบจนวันนี้ขาดอีกเพียงไม่กี่วันก็จะครบ 7 เดือน

                แต่ยังขาดสัญญาณว่าจะจัดการในเรื่องนี้ หากจะทำให้ ส.ส.หมดสภาฯ ก็ต้องกล้าเผชิญ เพราะทุกปัญหามีทางออกอยู่แล้ว

                อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พรรคอนาคตใหม่ทำผิดตามมาตรา 72 จริง จะต้องถูกยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค

                เมื่อสแกนพบว่ากรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ในตอนนี้ ได้แก่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ

                น.ส.พรรณิการณ์ วานิช โฆษกพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนสมาชิกพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการสัดส่วนภูมิภาค ภาคเหนือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุรชัย ศรีสารคาม กรรมการสัดส่วนภูมิภาค ภาคกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ กรรมการสัดส่วนภูมิภาค ภาคใต้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการสัดส่วนเลือกตั้งโดยตรงจากที่ประชุมใหญ่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

                จำชื่อทั้ง 10 ส.ส.ให้แม่น ลุ้น 21 ก.พ.จะได้ไปต่อในแมตช์ซักฟอก ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.หรือไม่.