นับหนึ่งรับสมัคร กกต. นัดล้างตา ฉัตรไชย-ปกรณ์ 


เพิ่มเพื่อน    

      จันทร์ที่ 26 มี.ค.นี้ เป็นวันแรกสำหรับการเปิดรับสมัครบุคคลลงสมัครเพื่อรับการคัดเลือกเป็น กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ ในส่วนที่มาจากกรรมการสรรหาซึ่งต้องส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 5 ชื่อ โดยเริ่มรับสมัครตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.-9 เม.ย.61

       และหลังปิดรับสมัครแล้ว กรรมการสรรหาที่มี ชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน จะส่งชื่อทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบคุณสมบัติโดยละเอียด ว่าผู้สมัครรายใดคุณสมบัติไม่ครบตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 หรือไม่ ซึ่งจะถูกตีตกไม่ถูกเรียกตัวไปแสดงวิสัยทัศน์ในรอบสุดท้าย 

      รอบที่แล้วการตรวจสอบดำเนินไปอย่างเข้มข้นละเอียดยิบ ใครถือหุ้นอะไรที่ไหนซึ่งขัดต่อกฎหมายการเป็น กกต.โดนสอยร่วงหมด ซึ่งกรรมการสรรหารอบก่อนหน้าได้วางบรรทัดฐานไว้หมดแล้ว โดยผู้สมัครต้องเป็นข้าราชการระดับหัวหน้าส่วนราชการหรืออธิบดีไม่ต่ำกว่า 5 ปีติดต่อกัน หากเป็นตำรวจก็ต้องระดับ ผบ.ตร.เท่านั้น ยศรอง ผบ.ตร.ไม่ได้ ส่วนทหารพวกเจ้ากรมต่างๆ ก็ไม่ถือว่าเป็นระดับอธิบดี  เช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนก็ไม่ให้นับรองปลัดกระทรวง ต้องเป็นระดับอธิบดีเท่านั้น

      คุณสมบัติที่ตีความและวางหลักเกณฑ์ไว้ ทำให้รอบนี้คนที่คิดจะมายื่นใบสมัครต้องตรวจทาน คุณสมบัติตัวเองให้ดีเสียก่อน ไม่ใช่หวังมาวัดดวงกันหลังยื่นไปแล้ว หากสเปกไม่เทพจริงก็อย่าได้คิดอาจเอื้อม

      เพราะรอบที่แล้วมาสมัครกัน 41 ชื่อ แต่กรรมการให้ผ่านแค่ 15 คน ก็ต้องรอดูกันว่ารอบนี้ใครจะมาบ้าง แล้วจะฝ่าด่านอย่างน้อย 2 ด่านก่อนชื่อไปถึง สนช.ได้หรือไม่ คือ 1.ขั้นตรวจสอบคุณสมบัติ และ 2.ในชั้นลงมติเลือกของกรรมการสรรหา หากฝ่า 2 ด่านนี้ไปได้ถึงค่อยไปลุ้นชั้น สนช.ว่าจะ เห็นชอบหรือสอยร่วง ต่อไป

      อย่างไรก็ตามคาดว่าช่วงสัปดาห์แรกน่าจะมีคนมาสมัครกันน้อย คงโผล่มายื่นใบสมัครกันช่วง 2-3  วันสุดท้ายแบบคราวที่แล้ว โดยคาดว่ารอบนี้อาจมี คนเด่น-ดัง มาสมัครกันไม่มาก หากไม่มั่นใจว่าจะฝ่าด่านกรรมการสรรหา-สนช.ไปได้ก็อาจไม่มา เพราะไม่อยากถูก สนช.ลงมติไม่เห็นชอบแบบรอบที่แล้ว 

       เว้นแต่บางคนอาจมั่นใจว่ามาแล้วได้แน่ ยิ่งหากมีสัญญาณบางอย่างจากคนมีอำนาจการันตี แบบนี้ความมั่นใจมาเต็มร้อยยื่นสมัครชัวร์

      ขณะที่ในส่วนของศาลฎีกาที่ต้องส่งให้ สนช.โหวต 2 ชื่อ ขณะนี้ปิดรับสมัครไปแล้ว มีตุลาการมาสมัคร 5 คน ดังนี้ 1.ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 2.ปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา 3.เกษม เกษมปัญญา ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 1 4.ทวีป ตันสวัสดิ์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา 5.ประพาฬ อนมาน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้นัดลงมติเลือก 26 เม.ย.

      ทั้ง 5 ชื่อที่ถูกโฟกัสมากสุดคงไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ต้องเป็น ฉัตรไชย-ปกรณ์ ที่ศาลฎีกาเคยลงมติเลือกให้ไปเป็น กกต.มาแล้ว แต่ถูก สนช.ลงมติลับไม่เห็นชอบ โดยมีรายงานยืนยันตรงกันว่า สาเหตุที่สนช.ลงมติไม่เห็นชอบรอบดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากมีข้อทักท้วงว่าการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่เลือกฉัตรไชยกับปกรณ์นั้น ไม่ใช่การลงมติแบบเปิดเผย จึงเกรงจะเกิดปัญหาในขั้นตอนการนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย หรือถูกตีตกไปหากมีคนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทำให้ สนช.เทเสียงโหวตไม่เห็นชอบทั้งสองคน ไม่ใช่เพราะ สนช.ติดใจเรื่องคุณสมบัติหรือประวัติส่วนตัวอะไรทั้งสิ้น

      รอบนี้ ฉัตรไชย-ปกรณ์ จึงลงสมัครอีกรอบเพื่อ แก้มือ-ล้างตา ที่ก็ต้องดูว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จะลงมติยืนยันทั้ง 2 ชื่อนี้เหมือนเดิมหรือไม่?

        หากสุดท้ายทั้ง ฉัตรไชย-ปกรณ์ ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา จากนั้นก็ต้องลุ้นกันว่าเมื่อศาลฎีกาส่งชื่อไปให้ สนช. แล้ว สนช.จะลงมติเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ ตีตกไม่ให้ผ่าน  สร้างความช้ำใจให้ทั้งคู่เป็นรอบที่ 2. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"