ท่ามกลางสถานการณ์ที่กระแสสังคมเรียกร้อง "ความรับผิดชอบ" จากกองทัพ หลังเกิดเหตุกำลังในกองทัพไปกราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ อันเนื่องมาจากปมความขัดแย้งส่วนตัวกับเครือญาติของผู้บังคับบัญชา
นำมาซึ่งการประกาศของ พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศปฏิรูปกองทัพ ยกเครื่องสวัสดิการเชิงธุรกิจในรูปของเงินนอกงบประมาณ ที่เป็นภาพสะท้อนผลประโยชน์ทับซ้อน เอาจริงเอาจังกับทำความสะอาด "ขยะใต้พรม"
"บิ๊กแดง" เป็นตัวแทนกองทัพบกลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ในโครงการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก ร่วมกับกรมธนารักษ์ โดยมีนายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นตัวแทนกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อให้การใช้ที่ราชพัสดุของกองทัพบก ประกอบด้วย ที่ดิน อาคาร และสิ่งปลูกสร้างในการจัดสวัสดิการภายในกองทัพบกเป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการจัดสวัสดิการภายในกองทัพบกดำเนินการภายใต้กรอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ.2547 และประกาศคณะกรรมการสวัสดิการข้าราชการเรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจประกาศ ณ วันที่ 8 ก.ค.2548 เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนกองทัพบก
อีกทั้งเพื่อปรับรูปแบบการจัดสวัสดิการภายในของกองทัพบกในบางกิจการเป็นการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ ซึ่งการกำกับดูแลของกองทัพบก แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1.การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ กรณีปกติทั่วไป เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้าตลาดนัด เป็นต้น ให้เรียกเก็บค่าเช่า ค่าธรรมเนียม ตามอัตราที่กำหนดตามระเบียบและคำสั่งที่ใช้บังคับ ณ เวลานั้น 2.การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจกรณีพิเศษ ได้แก่ สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนให้เรียกเก็บค่าเช่าค่าธรรมเนียมตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เสนาธิการทหารบก ระบุว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นสวัสดิการที่กองทัพบกดำเนินการมาแล้วในอดีต เริ่มต้นจากการที่เราดูแลกำลังพล เช่น สถานพักฟื้นพักผ่อน ที่ตอนนี้มีการขยายตัวของผู้มาใช้บริการจากกำลังพลไปสู่ญาติพี่น้อง ครอบครัว ตลอดจนประชาชนทั่วไป กองทัพบกตระหนักและทราบอยู่เสมอว่าเป็นพื้นที่ของแผ่นดิน กองทัพบกดำเนินการใดๆ ต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนด ซึ่งการจัดสวัสดิการไม่ใช่เฉพาะกองทัพบกเท่านั้น แต่ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ.2547 และประกาศคณะกรรมการสวัสดิการข้าราชการเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการที่เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจ พ.ศ.2548 โดยการลงนามระหว่างกองทัพบก และกรมธนารักษ์ ว่าเราจะดำเนินการอย่างไร
โดยหลังจากนี้กองทัพบกก็จะดำเนินการยื่นโครงการต่างๆ ให้กรมธนารักษ์พิจารณาว่า ในแต่ละโครงการจะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ยืนยันคือไม่ว่าจะดำเนินการในลักษณะใด เช่นจะเป็นลักษณะสวัสดิการภายในหน่วย หรือสวัสดิการเชิงธุรกิจ ทางกำลังพลและครอบครัวของกองทัพบกยังคงได้รับสิทธิที่จะได้รับค่าใช้บริการในราคาต่ำ และได้รับการลดราคา การดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ทั้งสถานพักฟื้นพักผ่อน สนามกอล์ฟ ไม่ได้มีเฉพาะกองทัพบกไทย แต่กองทัพบกต่างประเทศเช่นกองทัพบกสหรัฐ ก็มีโรงแรมและสนามกอล์ฟเช่นกัน โดย กองทัพบกสหรัฐมีสนามกอล์ฟ 160 แห่งที่บริหารเช่นเดียวกัน
“สิ่งที่กองทัพบกทำในวันนี้คือทำให้เกิดความถูกต้อง สามารถที่จะตรวจสอบได้ โปร่งใส รายได้ภายหลังจากที่เราจ่ายกับกรมธนารักษ์แล้ว ก็นำเงินเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก โดยกองทัพบกก็มีระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในกองทัพ พ.ศ.2554 เงินเหล่านี้ก็จะมาดูแลกำลังพล เช่น ทุนการศึกษาบุตร ดูแลสวัสดิการให้กับกำลังพลชั้นผู้น้อย” เสนาธิการทหารบกกล่าว
จากนั้นคือการตั้งศูนย์ร้องเรียนสายตรงมายัง ผบ.ทบ. โดยจ้างเอาท์ซอร์ซ ดำเนินการเป็นเอกชนทั้งหมด เพื่อไม่ให้ความลับรั่วไหล เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากำลังพลไม่กล้าดำเนินการใดๆ เพราะเกรงว่าผู้บังคับบัญชาจะเล่นงาน
ผบ.ทบ.บอกว่า ข้อมูลการร้องเรียนทั้งหมดเป็นความลับ และจะมีเอกชนจากข้างนอกเข้ามาดำเนินการทั้งหมด และผู้ที่ร้องเรียนจะต้องยืนยันตัวตน และพูดความจริง เนื่องจากข้อมูลที่ถูกร้องเรียนจะถูกบันทึกไว้ หากใครให้ข้อมูลเท็จจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ในขณะที่ผู้ที่ถูกร้องเรียนจะถูกกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ผู้บัญชาการทหารบกระบุว่า เขาสามารถพิจารณาดูเองได้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ท้องพระโรง วังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ นายทหารคนสนิทของพลเอกอภิรัชต์ ได้นำแฟ้มเอกสารมาให้ ในจังหวะที่ผู้สื่อข่าวเดินเข้ามาพอดี พลเอกอภิรัชต์ระบุว่า กำลังเซ็นคำสั่งปรับย้ายนายทหารระดับพันเอก และเซ็นย้ายจริง ไม่ได้พูดเล่น เพราะเซ็นต่อหน้าศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ใครทำอะไรไว้ ต้องได้รับผล และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีความศักดิ์สิทธิ์ โดยเป็นเรื่องเกี่ยวข้องในหลายส่วน ที่กำลังพลร้องเรียนมา โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หลังเกิดเหตุรุนแรง
ส่วน พลโทธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ถูกปรับย้ายด้วยหรือไม่นั้น พลโทอภิรัชต์กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมเป็นกรณีไป ไม่ใช่เลือดเข้าตาก็จะสั่งย้ายหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็มีความตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
กระนั้น ในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 2 พลโทธัญญาแม้จะเป็นนักเรียน ตท. 21 แต่ก็ถือเป็นเพื่อนของ "บิ๊กแดง" โดยเขาได้แจ้งในที่ประชุมว่า ผบ.ทบ.ได้ประกาศระหว่างการแถลงข่าวเพื่อแก้ไขปัญหาหลายเรื่องในกองทัพ ขอให้ทุกคนร่วมมือในการทำให้การแถลงของ ผบ.ทบ.เป็นผลรูปธรรม โดยการจัดทำบัญชีรายชื่อนายทหารชั้นนายพลกลางปีลงตัวไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นถ้าจะมีการขยับ ปรับย้าย ก็จะเป็นคำสั่งต่างหากในการไปช่วยราชการ สำหรับโผรองนายพล พันเอกพิเศษ พันเอก สามารถดำเนินการได้ทันแน่นอน
แม้การดำเนินการต่างๆ พลเอกอภิรัชต์ยืนยันว่าไม่ใช่ทำเพราะเลือดเข้าตา และให้เป็นธรรมเป็นกรณีๆ ไป แต่การเอาจริงเอาจังในเรื่องที่มีมูลก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการกู้ภาพพจน์ของกองทัพให้กลับมาได้รับความเชื่อถือกับสาธารณชนอีกครั้ง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปล่อยข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ นักร้องเรียน พรรคฝ่ายค้าน เลยไปถึงข้อร้องเรียนหลังไมค์ หลายเรื่องเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องจัดการ และต้องย้ายทหารหลายคนที่เกี่ยวข้องออกไปเพื่อสนองตอบต่อนโยบายในการกวาดบ้านตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีผู้บังคับบัญชานำรถยนต์ของลูกน้องไปชนประชาชน ผู้บังคับหน่วยพัวพันไปอุ้มคนมารีดเงิน ข่มขู่เรียกประโยชน์รถบรรทุก ฯลฯ ซึ่งผู้ที่ต้องถูกปรับย้ายนอกจากตัวผู้กระทำผิดแล้ว ผู้บังคับบัญชาขึ้นไป 1-2 ลำดับชั้นต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย
โผในฤดูกาล-นอกฤดูกาล ช่วงนี้จึงร้อนระอุเป็นพิเศษ!!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |