อย่างที่พอรู้ๆ กันอยู่นั่นแหละว่า...ดวงเมือง ช่วงนี้ ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่นัก จะเป็นเพราะมฤตยู ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวพฤหัส ฯลฯ เกิดการย้ายราศี ย้ายพิกัด เปลี่ยนองศา ลิปดา แบบไหน อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ แต่ที่แน่ๆ ยิ่งกว่าแช่แป้ง ก็น่าจะเป็นเพราะ ดวงโลก มันออกจะ ห่วยแตก ยิ่งขึ้นทุกที เมืองเล็กๆ ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เลยย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้อง ซวย ไปด้วย...
--------------------------------------------------
ซึ่งก็ไม่ใช่แต่เฉพาะ พระสยามเทวาธิราช เท่านั้น ที่ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ชนิดเหงื่อตกกีบ ต่อการประคับประคองชะตากรรม ความเป็นไปในสยามประเทศ เรียกว่า...ขนาด พระสิงคโปร์เทวาธิราช ที่เคยโดดเด่น เป็นสง่า ในหมู่ปวงเหล่าเทพยดาเคยดลบันดาลให้เกาะเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ เป็นสวรรค์ชั้นฟ้า ของนักธุรกิจ นักลงทุน มาโดยตลอด ยังถึงกับออกอาการอ้วกแตก อ้วกแตน เอาดื้อๆ เมื่อเจอกับ ดวงโลก ในลักษณะเช่นนี้ เห็นข่าวแวบๆ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าระดับนายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง ของสิงคโปร์ ยังต้องออกมารับสารภาพเอาดื้อๆ ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์อาจกำลังเข้าสู่ ภาวะถดถอย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ เพราะตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจแค่ประมาณ 0.7 เปอร์เซ็นต์นั้น อาจถึงขั้น ติดลบ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เป็นได้...
------------------------------------------------
ดังนั้น...เมื่อดูจากตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสยามประเทศ ในช่วงไตรมาส 4/62 ที่สภาพัฒน์ท่านออกมาเปิดเผยเอาไว้แบบจะจะ แจ้งแจ้ง ว่าอยู่ที่ประมาณ 1.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง อันทำให้ตัวเลขจีดีพีประเทศโดยรวม เมื่อช่วงปีที่แล้ว น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.4 เปอร์เซ็นต์ไม่เกินไปกว่านั้น ซึ่งก็ยังถือว่าดีกว่าสิงคโปร์ไม่รู้กี่จุด กี่เท่า ส่วนตัวเลขโดยรวมปีนี้ มันจะหด มันจะลด หรือจะโต-ไม่โต ไปถึงขั้นไหน อันนั้น...ก็คงต้องไปวิ่งล่าง วิ่งบน กันเอาเอง ระหว่างตัวเลขประมาณการ ระดับ 1.5 ไปถึง 2.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวเลขที่เคยคาดๆ เอาไว้ก่อนหน้านั้น คือประมาณ 2.7-3.7 เปอร์เซ็นต์ มาถึง ณ ขณะนี้ ก็ควรจะลืมๆ หรือแกล้งลืมกันได้แล้ว เพราะยังไงๆ...มันคงไปไม่ถึงอยู่แล้วแน่ๆ...
-----------------------------------------------
แต่คราวนี้...จะเอาไงกันต่อ หรือเอาไงกันดี อันนี้นี่แหละที่ถือเป็นเรื่องซึ่งบรรดาชาวไทยทั้งหลาย คงต้องหาทางช่วย ทุ่นแรง พระสยามเทวาธิราชท่านเอาไว้มั่ง จะโดยการกระตุ้นโน่น กระตุ้นนี่ กระตุกนั่น กระตุกนี่ ก็แล้วแต่จะว่ากันไปตาม ทฤษฎี ของใคร-ของมัน ที่ล้วนแล้วแต่มาจากตำราเล่มเดียวกัน แต่จังหวะ โอกาส ในการงัดมาใช้ และวิธีการนำมาใช้ อาจผิดแผก แตกต่าง กันไปตามสภาพ เพียงแต่การกระตุ้นบ่อยๆ หรือกระตุกบ่อยๆ โอกาสที่จะเกิดอาการ ตายด้าน ก็ใช่ว่าจะไม่มี โดยเฉพาะเมื่อมองถึงความเป็นไปของโลกในช่วงนี้ หรือในอนาคตอันใกล้ ไม่ว่าจะกระตุ้นอย่างไร จะกระตุกอย่างไร โอกาสจะ ออร์กัสซัม ได้บ้าง ดูๆ แล้ว...มันน่าจะยากซ์ซ์ซ์เต็มที...
------------------------------------------------
คือ เศรษฐกิจโลก ในช่วงนี้...มันดูจะเป็นไปในแนวอย่างที่อดีตกรรมการผู้จัดการ ไอเอ็มเอฟ ได้ออกมากล่าวเตือน เอาไว้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่แล้วนั่นแหละว่า ไม่ว่าจะดูจากตัวเลข ข้อมูล สถิติ รวมทั้ง ปรากฏการณ์ แต่ละอย่างที่อุบัติขึ้นมาเป็นระยะๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมันค่อนข้างคล้ายคลึงเอามากๆ กับภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วงปี ค.ศ.1920 หรือช่วงที่ถูกเรียกขานกันในนาม The Great Depression นั่นเอง ยิ่งเมื่อรวมเอาเหตุการณ์ไวรัสล้างโลก หรือ ปรากฏการณ์โกวิท (Covid-19) ผนวกรวมเข้าไปอีก โอกาสจะไปกระตุก กระตุ้น อะไรต่อมิอะไร มันคงมีแต่เหนื่อย...กับ...เหนื่อย มีแต่เมื่อยมือ เมื่อยขา ไปตามสภาพ
--------------------------------------------------
อีกทั้งบรรยากาศการปะทะ หักล้าง ระหว่าง 2 อภิมหาอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกด้วยกันทั้งคู่ คือระหว่างคุณพ่ออเมริกากับคุณพี่จีน มาถึงขั้นนี้...ต้องเรียกว่า กะจะเอาให้ตายกันไปข้าง จาก สงครามการค้า ค่อยๆ วิวัฒนาการกลายมาเป็น สงครามเทคโนโลยี และเผลอๆ กำลังกลายเป็น สงครามเชื้อโรค หรือ สงครามโรคระบาด เอาเลยก็ไม่แน่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้มีแนวโน้มใดๆ ที่จะลดราวาศอกระหว่างกันและกันเท่านั้น ยังพร้อมที่จะตามไปกระทืบ รุมกระทืบ เมื่อใดก็ตามที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ จนทำให้โลกทั้งโลก ต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 โลก ไม่เหลือพื้นที่เป็นกลาง มีแต่ต้องเลือกข้าง เลือกฝ่าย เลือกว่าจะค้ากับใคร-ไม่ค้ากับใคร ขายใคร-ไม่ขายใคร ซื้อใคร-ไม่ซื้อใคร เอาเลยถึงขั้นนั้น...
---------------------------------------------------
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้การกระตุก หรือกระตุ้นใดๆ มันอาจมีแต่ เหนื่อย...กับ...เหนื่อย เท่านั้นเอง จนอาจต้องหันมาคิดถึง ทฤษฎีใหม่ เอาไว้ให้มากๆ เข้าไว้ นั่นก็คือ ทฤษฎีพอเพียง ที่ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเคยทรงนำมาชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อเกือบครึ่งศตวรรษที่แล้ว ขณะยังมีพระชนมชีพอยู่ โดยจะนำมาดัดแปลง ประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับช่วงจังหวะ เวลา กับเงื่อนไขและสถานการณ์กันในแบบไหน จุดไหน หรือกลุ่มคนกลุ่มไหน อันนั้น...คงต้องไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน เพราะด้วยพื้นฐานแห่ง ความพอเพียง นี่เอง ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทา เบาบาง ความเป็นไปในทาง เศรษฐกิจ เท่านั้น แต่ยังอาจช่วยปกป้องคุ้มครองความเป็นไปในทาง การเมือง และ สังคม ได้อีกต่างหาก...
--------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Epictetus (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)...“Fortify yourself with contentment, for this is an impregnable fortress. - จงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวท่านด้วยความสันโดษ (พอเพียง) เพราะนี่คือป้อมปราการที่มิมีผู้ใดจะตีแตก...”
-------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |