ลำปางเผชิญไฟป่าอีกแห่ง ผลาญดอยพระบาทในเขตป่าสงวน 5 วัน เสียหายแล้ว 2 พันไร่ ส่วนที่ภูกระดึง จังหวัดขอกองทัพบกส่งเครื่องบินขนแทร็กเตอร์ 2 คันไปสร้างแนวกันไฟ พร้อมกระบะอีกครั้งเพื่อลาดตระเวน "วราวุธ" คาดสาเหตุเกิดจากชาวบ้านเผาเพื่อหาของป่า กำชับเจ้าหน้าที่กวดขัน "ศศิน" ชี้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ฟื้นฟูระบบนิเวศอย่างที่ควรจะเป็น
เช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ กำลังเจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวไฟ เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 35 ทหาร มทบ.32 ตลอดจนประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ต่างเร่งเดินเท้าเข้าดับไฟที่ลุกไหม้พื้นที่ป่าบนดอยพระบาท ในเขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ต.บ้านเสด็จ อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งไฟได้ไหม้ลุกลามติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แม้ว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะพยายามเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้ทั้งหมด เพราะจุดที่เกิดไฟไหม้อยู่บนดอยที่มีความสูงชัน ประกอบกับมีลมพัดแรง ทำให้เปลวไฟกระจายไปตามแรงลมและเกิดไฟไหม้ลุกลามไปยังจุดอื่น
มีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ลำปาง พร้อมด้วย พล.ต.วีรยุทธ กวยะปาณิก เลขานุการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 นายอำเภอเมืองลำปาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าตรวจสถานการณ์ พร้อมนำเครื่องดื่มมอบให้เป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกนายที่เข้าดับไฟให้ใช้ความระมัดระวังให้มาก ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น กระทั่งเช้าวันอังคาร ปรากฏว่าไฟยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง ลามไปยังจุดอื่นๆ ในเบื้องต้นพบไฟไหม้พื้นที่ป่าดอยพระบาท เสียหายแล้วประมาณ 2,000 ไร่
จากสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่ จ.ลำปาง อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ จ.ลำปาง เกินค่ามาตรฐานทั้ง 4 จุดตรวจวัดคุณภาพอากาศอยู่ที่ระดับ 54-58 ไมรโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย หลังเกิดไฟป่าในเขตอุทยานฯ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างราว 3,400 ไร่ ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าอย่างแข็งขัน ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Peaw-Ri Thodsaphon” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เผยภาพขณะที่กลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงกำลังนอนหลับที่พื้นถนนจากความเหนื่อยล้า หลังร่วมปฏิบัติการดับไฟป่าภูกระดึงนานถึง 2 วัน พร้อมระบุข้อความ “หน่วยหนุมาน เกียงฝุ่น สายแข็งภูกระดึง 2 วันเต็มๆ สภาพกะสิเป็นแบบนี้”
ขณะที่เพจ “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช” โพสต์รายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ก.พ.นี้ ว่า ตามที่มีไฟไหม้ป่าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว เมื่อ 02.00 น.ของวันที่ 17 ก.พ.63 ประเมินความเสียหายเบื้องต้น 3,400 ไร่ แต่ยังกังวลไฟปะทุรอบใหม่ เหตุพื้นที่แห้งแล้งแนวผา โดยทางด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศเฝ้าระวังไฟป่าและการลักลอบเผาป่าตลอด 24 ชั่วโมง เพราะปีนี้สภาพอากาศแล้งจัดมาก บางพื้นที่มีเชื้อเพลิงสะสมค่อนข้างมาก อาจเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
นอกจากนี้ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.เลย พร้อมด้วยนายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้ประชุมร่วมกันถึงแนวทางแก้ปัญหา ก่อนจะมีมติให้ทำหนังสือถึงกองทัพบก ขอความอนุเคราะห์นำเครื่องบินขนรถแทร็กเตอร์จำนวน 2 คันขึ้นไปบนภูกระดึง เพื่อใช้งานทำแนวกันไฟและงานฟื้นฟูป่าธรรมชาติ และที่เร่งด่วนสุดคือ ปัญหาน้ำข้างบนไม่พอใช้สำหรับนักท่องเที่ยว
นายชัยวัฒน์เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเพลิงไว้หมดแล้ว แต่ที่จะต้องดูแลอย่าให้เกิดการปะทุขึ้นมาอีก ระยะต่อไปควรมีเครื่องมือมาช่วยทำงาน จากการที่แรงงานทำงานตลอด 24 ชั่วโมงแทบไม่ได้นอน ต้องมีเครื่องจักรใช้ โดยต้องการรถแทร็กเตอร์ 2 คัน และรถกระบะอีก 1 คัน ใช้ขับลาดตระเวนและส่งกำลังบำรุง พร้อมน้ำมันอีก 5,000 ลิตร ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยได้แนะนำให้ประสานกับทางกองทัพบก
จากการประสานงาน ทางกองทัพบกแจ้งว่า เครื่องที่พอจะนำมาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่บนภูกระดึงนั้น น่าจะใช้เครื่องบินรุ่น MI 17 โดยทางกองทัพให้อุทยานแห่งชาติภูกระดึงถ่ายรูปเครื่องจักร พร้อมสเปก น้ำหนักไปให้ เพื่อจะได้นำไปวิเคราะห์ที่จะนำเครื่องมือลำเลียงขนขึ้นไปข้างบน หากได้เครื่องมือเหล่านี้ขึ้นไปจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
ด้านนายสมบัติกล่าวว่า เดิมพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ครั้งนี้ ในอดีตเป็นทุ่งหญ้า ตอนหลังได้ทำแนวกั้นไฟทำให้ต้นสนขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ขนาดต้นยังเล็ก ความเสียหายครั้งนี้พอสมควร การฟื้นฟูในอนาคตน่าจะให้ธรรมชาติดูแลตนเอง คนไม่ต้องปลูกเสริมอะไรในพื้นที่ จะทำให้เกิดเป็นสภาพของทุ่งหญ้า ซึ่งมีความสำคัญเป็นแหล่งอาหารให้สัตว์ป่าออกมาหากิน
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมเหมือนเดิม ซึ่งวันปกติที่ไม่ใช่วันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวไม่ถึง 100 คนต่อวัน ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากภัยแล้ง คือขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำใช้ แต่คาดว่าน่าจะผ่านฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้ไปได้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงเหตุการณ์ไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ว่าขณะนี้สามารถดับไฟได้เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นมีความเสียหายประมาณกว่า 3 พันไร่ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เหน็ดเหนื่อยกันทุกคน สาเหตุคาดว่าเกิดจากการเผาเพื่อเข้าไปหาของป่า โดยลักษณะพื้นที่ของภูกระดึงนั้น หากจุดไฟจากด้านล่าง เปลวไฟจะปลิวขึ้นไปทำให้ลุกลามไปยังสวนสนที่อยู่ข้างบน ขอฝากประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านให้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านจุดไฟเพื่อหาของป่าเพียงนิดเดียว แต่ปริมาณไฟนั้นไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะทิศทางลมและสะเก็ดไฟ ซึ่งความร้อนนั้นจะลอยขึ้นสูง นี่จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากการเผาอย่างไม่คาดคิด
นายวราวุธกล่าวว่า จะขอกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยกันกวดขันการที่ชาวบ้านจะเข้าไปในป่าจะต้องเข้มมงวดให้มากขึ้น ขณะที่ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้นเรามีการย้ำตลอดเวลาอยู่แล้วทุกๆ สถานที่ แต่ด้วยพื้นที่ป่าทั่วประเทศที่มีเป็นแสนไร่ แม้เราจะตรวจตรากันตลอด 24 ชั่วโมง แต่คนที่ป้องกันกับคนที่เข้าไปเผา มันก็มีความยากลำบากในการป้องกัน
ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ เมื่อนายศศิน เฉลิมลาภ ที่ปรึกษามูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความผ่านเพซบุ๊ก "ศศิน เฉลิมลาภ" ว่า
ให้ไฟไหม้ภูกระดึง เป็นโอกาสในการฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย ไม่ใช่ว่าไฟป่าบนภูกระดึงจะเป็นเรื่องไม่น่ากลัว แต่เมื่อเกิดแล้วควบคุมได้แล้ว มาตรการระมัดระวังคงต้องเตรียมพร้อมกับช่วงแล้งจริงๆ ในเดือนมีนาคม และน่าจะ "ฉวยโอกาส" นี้ฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งลานทราย หรือ bog ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการปลูกป่าสน จนระบบนิเวศที่สำคัญและทำให้ภูกระดึง "เคยสวยกว่านี้" กลับมา
เอกลักษณ์ของภูกระดึงคือ ป่าต้นสนสลับทุ่งหญ้าป่าละเมาะ ขึ้นหลังแปมาเห็นทุ่งโล่งสวยสลับด้วยกลุ่มต้นสนสูงสง่า ไม่ใช่ป่าสนเป็นพืด หรือพุ่มไม้ทึบบังวิว
สักสามสิบปีที่ผ่านมา มีโครงการปลูกป่าสนสองใบ และสนสามใบบนภูกระดึงใน bog ดังกล่าว ทั่วไป ใครที่ปีนขึ้นภูกระดึงในปัจจุบัน เมื่อสายตาพ้นหลังแปขึ้นมา จะไม่ได้ตื่นเต้นกับที่ราบ ที่ความจริงเป็น bog สุดลูกหูลูกตาอีก แต่จะพบป่าสนแน่นขนัดแทน เพราะโครงการปลูกป่าที่อาจจะละเลยความรู้พื้นฐานทางนิเวศวิทยา ใช้แต่การจัดการป่าไม้ และเทคโนโลยีปลูกป่า ต้นสนจึงโตงดงาม แต่สูบน้ำใน bog ไปด้วย ยิ่งโตก็ยิ่งสูบน้ำใน bog และสนสามใบ สนสองใบ ยังทำให้ในดินมีไนโตรเจนเพิ่มมากขึ้น ทำให้พืชหลายชนิดที่ไม่เคยขึ้นได้ก็มาขึ้น
หน้าแล้ง bog แห้งบ้าง มีหญ้าขึ้น มีดงสนอยู่ห่างๆ กัน ในทุ่งหญ้าซึ่งที่จริงคือ bog มีหม้อข้าวหม้อแกงลิง และหยาดน้ำค้าง สาหร่ายข้าวเหนียว ที่เป็นพืชกินแมลงมากมาย ปัจจุบันแห้งเกือบตลอดปี มีแต่สนปลูกทั่วไป ผลจากความรักธรรมชาติ แต่อาจจะขาดความสนใจระบบนิเวศ ให้ไฟป่าครั้งนี้เป็นโอกาสฟื้นฟูระบบนิเวศกลับมา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |