ผบช.ภ.3 สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนก่อนตั้งข้อหาบริษัทกันเองทัวร์ เจ้าของบัสมรณะคว่ำ 18 ศพที่วังน้ำเขียว ขีดเส้น 2 อาทิตย์ได้ข้อยุติ ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์เป็นประธานเผา 14 ศพ บรรยากาศสุดสลด ญาติร่ำไห้ส่งวิญญาณ หลายรายถึงเป็นลมล้มพับ คมนาคมนัดขนส่งถกล้อมคอกบัส 2 ชั้น
มีรายงานความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุรถบัส 2 ชั้นของบริษัท กันเองทัวร์ จ.กาฬสินธุ์ พลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิต 18 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก บนถนน 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ล่าสุดพนักงานบริษัทประกันภัยได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายร้านค้า 5 ราย ริมถนน ที่ถูกรถทัวร์พุ่งชนพังยับเยิน เพื่อเร่งเยียวยาค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นประเมินเสียหายไม่น้อยกว่า 100,000 บาท
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า หลังจากตำรวจ สภ.อุดมทรัพย์ได้จับกุมนายกฤษณะ จุฑาชื่น อายุ 44 ปี คนขับรถบัสคันดังกล่าวที่หลบหนีหลังจากเกิดเหตุ ก็ได้ทำการสอบสวนและแจ้งข้อหาหนัก 3 ข้อหา คือ ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิต ก่อเหตุแล้วหนี และมีสารเสพติดในร่างกาย ส่วนอีก 1 ข้อหาคือ ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อยู่ระหว่างรอผลตรวจสอบจากสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมาอีกครั้ง โดยได้ส่งตัวนายกฤษณะไปฝากขังไว้ที่ศาลจังหวัดนครราชสีมาแล้วตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา
ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ในส่วนการแจ้งข้อหาผู้ประกอบการรถทัวร์บริษัท กันเองทัวร์ จ.กาฬสินธุ์ ได้สั่งการตั้งคณะกรรมการสอบสวน 1 ชุด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อทำการสอบพยานผู้ได้รับบาดเจ็บ พยานแวดล้อม และหาหลักฐานเพิ่ม รวมทั้งประสานกับสำนักงานขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจพิสูจน์รถยนต์คันเกิดเหตุอย่างละเอียด ทั้งนี้ ได้เร่งให้สรุปสำนวนคดีให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อที่จะแจ้งข้อหาผู้ประกอบการเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้อหาไม่ตรวจสภาพรถตามกำหนด และปล่อยให้พนักงานขับรถเสพสิ่งเสพติด ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เมื่อวันอาทิตย์ มีรายงานถึงบรรยากาศการเตรียมงานฌาปนกิจศพเหยื่อรถทัวร์มรณะทั้ง 18 ศพ ในบ่ายวันเดียวกัน โดยมีกำหนดเผาด้วยการก่อกองฟอน หรือเชิงตะกอนกลางแจ้ง โดยที่วัดดงกระยอมอุดมคุณ ต.ห้วยโพธิ์ ได้เตรียมเผาจำนวน 5 ศพ ซึ่งญาติที่พอจะมีกำลังเงินได้ว่าจ้างช่างให้มาประดับตกแต่งซุ้มบริเวณเชิงตะกอนให้สวยงาม
ส่วนที่วัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เชิงตะกอนได้ถูกนำมาวางเรียงไว้เป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน ซึ่งวัดแห่งนี้จะทำการฌาปนกิจจำนวน 9 ศพ โดยพระราชศีลโสภิต หรือหลวงปู่หนูอินทร์ เกจิชื่อดังและเป็นเจ้าอาวาสวัด ได้เข้ามาตรวจสอบสถานที่ บรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยความหดหู่ และญาติได้ทำการถวายภัตตาหารเช้าเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย
กระทั่งถึงเวลาที่กำหนด นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพที่วัดดงกระยอมอุดมคุณ ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ รวม 5 รายคือ 1.นางเพลินพิศ จำปาศรี 2.น.ส.โชติกา (จิราภรณ์) ไชยกำบัง 3.นางละม่อม อังคะแสน 4.นางสำราญ จันทร์สว่าง 5.นายโฆสิต เพชรสังหาร
จากนั้น นายไกรสรได้ไปเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพที่วัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ อีก 9 รายคือ 1.นางนภาวรรณ จำปาศรี 2.ด.ญ.พรรณวดี ถิตย์ถนอม 3.นางสมพิศ สิทธิชุม 4.ด.ช.ธนาธิน พลไกรษร 5.นายประยูร วังพิกุล 6.ด.ญ.ปวีณ์สุดา วังพิกุล 7.นางบุญชิต สิทธิชุม 8 ด.ญ.ธนัญชนก ขันธบูรณ์ และ 9.นางทองสอน ปรีวิลัย
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตที่ทำการฌาปนกิจวันนี้มี 14 ราย เป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ทำให้เตาเผาศพไม่เพียงพอ แต่ญาติต้องการให้ไปสู่สุขคติพร้อมๆ กัน จึงต้องจัดพิธีเผาศพด้วยกองฟอน ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจที่ร้องไห้กันระงมวัดหลังเกิดโศกนาฏกรรมนี้ขึ้น บางคนกอดโลงศพร่ำไห้ บางรายเป็นลมล้มพับ กู้ภัยต้องมาช่วยปฐมพยาบาลและปลอบใจ ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย ญาตินำไปฌาปนกิจศพเอง โดย 2 ราย ฌาปนกิจศพไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มี.ค. และอีก 2 รายจะฌาปนกิจศพในวันที่ 26 มี.ค.
นายไกรสรกล่าวว่า ทั้ง 18 ศพจะได้รับเงินรายละ 650,000 บาท คาดว่าในวันที่ 27 มี.ค. คงจะเรียบร้อย ทางจังหวัดจะเร่งรัดให้ พร้อมทั้งเตรียมหารือเพื่อทำบุญใหญ่เรียกความเป็นสิริมงคลให้กลับมา
คมนาคมล้อมคอกรถ 2 ชั้น
นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวถึงอุบัติเหตุรถโดยสาร ล่าสุดรถสองชั้นยังเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ว่า กรมการขนส่งทางบกยืนยันว่าที่ผ่านมามีมาตรการต่อเนื่องหลายอย่าง เช่น การจดทะเบียนรถโดยสารสองชั้นใหม่กำหนดให้รถมีความสูงไม่เกิน 4 เมตร และรถที่มีความสูงตั้งแต่ 3 เมตร 60 เซนติเมตรขึ้นไป ต้องตรวจมาตรฐานความลาดเอียงขณะวิ่งที่ระดับ 30 องศา ขณะที่รถโดยสารขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทางหรือไม่ประจำทางประเภท 30 นั้น ที่ผ่านมากฎหมายกำหนดให้ตรวจสภาพปีละ 2 ครั้ง ถือว่าเป็นมาตรการเข้มงวด
สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับรถสองชั้น นายกมลกล่าวว่า มีประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง คือ ความชำนาญของผู้ขับขี่ จากสถิติอุบัติเหตุที่ผ่านมาพบว่าผู้ขับรถประเภทดังกล่าวที่ไม่ได้ขับประจำเส้นทางนั้นและไม่คุ้นเคย เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการใช้เกียร์และเบรก เช่น รถเกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดนครราชสีมาจนมีผู้เสียชีวิต 18 รายนั้น รถดังกล่าวใช้เบรกที่มีหม้อลม หากคนขับไม่ชำนาญการใช้ให้เหมาะกับพื้นที่ ท้ายที่สุดก็เสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุสูงเช่นเดียวกัน
นายกมลกล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องปรามปัญหาที่เกิดขึ้นตามข้อเสนอของหลายหน่วยงานและนักวิชาการที่เคยนำเสนอก่อนหน้านี้ ดังนั้น วันที่ 26 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงคมนาคม กระทรวงคมนาคมจะหารือกรมการขนส่งทางบก เพื่อพิจารณามาตรการต่างๆ เพิ่ม เช่น รถสองชั้นอาจจำเป็นต้องควบคุมจำกัดเส้นทางการวิ่งหรือไม่ รวมทั้งประชาสัมพันธ์เพิ่มให้ผู้ประกอบการเจ้าของรถเพิ่มความระมัดระวังความชำนาญของผู้ขับ และจากตัวเลขที่ผ่านมา รถประเภทสองชั้นไม่ประจำทาง หรือประเภท 30 มีในระบบ 5,400 คัน
หวิดซ้ำรอย 18 ศพ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุทางถนนหลายรายในหลายพื้นที่ เริ่มจากเวลา 02.00 น. ร.ต.อ.ติพล วาดสูงเนิน รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาดี รับแจ้งรถชนกันหลายคัน บริเวณทางขึ้น-ลงเขาศาลเจ้าพ่อปู่โทน ถนนสาย 304 ปักธงชัย-กบินทร์บุรี หลัก กม.810-811 ม.4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ไปตรวจสอบ พบรถบัสไม่ประจำทาง 2 ชั้น ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีชมพู ทะเบียน 30-2691 นครราชสีมา ในสภาพชนกับแท่งแบริเออร์ที่กำลังก่อสร้างทางติดคาอยู่ ด้านหน้าพังยับ ในรถมีผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวประมาณเกือบ 40 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ส่วนด้านหน้าทางลงเขามีรถยนต์ที่ถูกชนได้รับความเสียหาย 3 คัน เป็นรถกระบะ 2 คัน และรถบรรทุก 1 คัน ในรถมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ในจำนวนนั้นอาการสาหัส 2 ราย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสัจจพุทธธรรมฯ นำส่ง รพ.นาดี ชื่อนายสมควร ภูเงิน อายุ 48 ปี, นายประสิทธิ์ ฐาน อายุ 37 ปี, นายเกียรติศักดิ์ ภูเงิน อายุ 40 ปี อีกรายไม่ทราบชื่อ
จากการสอบสวนนายยุทธพร แก้วพิพัฒน์ อายุ 55 ปี คนขับรถบัสนำเที่ยว ทราบว่า ได้นำคณะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาจากทางภาคอีสาน จำนวน 3 คัน เพื่อจะไปดูงานที่จังหวัดระยองและจังหวัดจันทบุรี ขณะที่รถวิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางขึ้น-ลงเขาที่กำลังก่อสร้างทาง ปรากฏว่ารถเกิดลมเบรกหมด คนขับรถพยายามจะประคองรถ แต่รถได้ไปเฉี่ยวชนรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้าได้รับความเสียหาย 3 คัน ก่อนที่รถบัสจะไปชนและติดค้างอยู่กับแท่งแบริเออร์ที่วางอยู่ข้างทาง โชคดีที่ไม่ตกลงไปในเหวลึก ที่อาจจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำรอยทัวร์มรณะ 18 ศพ เมื่อไม่นานมานี้ และที่เกิดเหตุก็เป็นถนนสายเดียวกัน ห่างไปไม่ไกล
เวลา 03.00 น. ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ ชาวโยธา พนักงานสอบสวนเวร สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว รับแจ้งว่า รถทัวร์ชนกับรถกระบะบรรทุกปลา เสียหลักพุ่งเข้าร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ที่สี่แยกกลางตลาดคลองหาด มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ไปตรวจสอบ พบรถทัวร์ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ด้านหน้ากระจกแตก เขียนว่า รุ่งเรืองวงศ์ทัวร์ หมายเลขทะเบียน 32-9386 กทม. มีนายภูเบศร์ แก้วใจ เป็นคนขับ ด้านหน้ารถพุ่งชนฟุตปาธร้านสะดวกซื้อ เกือบพุ่งเข้าไปในร้าน กันสาดหน้าพังเสียหาย โดยมีรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าถูกชนได้รับความเสียหาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.คลองหาดแล้ว ใกล้กันพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา หมายเลขทะเบียน บม 7875 ระยอง มีนายจิระกิตต์ หลุยจันทึก เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บ ด้านหลังมีถังใส่ปลาหลายใบ มีปลากระเด็นตกเกลื่อนถนน
จากการสอบสวนทราบว่า รถทัวร์รับคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จะไปดูงานที่จังหวัดจันทบุรี โดยวิ่งมาจากอำแภอวัฒนานคร ถึงที่สี่แยกคลองหาดซึ่งไม่มีไฟแดง ก็มีรถกระบะบรรทุกปลาวิ่งมาอย่างเร็วเช่นกัน ต่างคนต่างไม่ชะลอรถจึงชนกัน และพุ่งเข้าไปหาร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ชนทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ จนเสียหายและมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสี่แยกนี้ชาวบ้านคลองหาดเขาเรียกว่าแยกวัดใจ สร้างมานานแล้ว แต่ไม่มีไฟเขียวไฟแดง และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก
นครนายก เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์นักท่องเที่ยวที่มากันเป็นกลุ่มรวม 30 คน แหกโค้ง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 9/6 ถนนบายพาสเลี่ยงเมือง มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือนายวิชัย พันทอง อายุ 33 ปี สภาพศพศีรษะแตกและยุบ และผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นัดแต่งกายชุดดำ ขับขี่รถจักรยานยนต์จาก อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อมาท่องเที่ยวที่นครนายก แต่เมื่อถึงทางโค้ง แม้มีสัญญาณไฟจราจร แต่ด้วยรถที่ขับขี่มาด้วยความเร็วสูง เกิดหลุดทางโค้งชนกับป้ายบอกทาง ทำให้รถจักรยานยนต์คันหลังเสียหลักหลุดโค้งตามไปด้วย
ตาก ร.ต.อ.ธนสาร คำพาลักษณ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองตาก รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้าเมื่อกลางดึก บริเวณถนนพหลโยธิน ก่อนถึงศาลากลางจังหวัดตาก 500 เมตร ตรวจสอบพบรถกระบะแบบสี่ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กค 6336 ตาก ชนเสาไฟฟ้าจนหัก รถหงายท้องล้อชี้ฟ้า ภายในรถพบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายณัฐพัทธ์ ว่องไวกลยุทธิ์ อายุ 35 ปี พนักงานร้านจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ในจังหวัดตาก เป็นคนขับ และ ด.ช.กฤษฎา สนิทกลาง อายุ 14 ปี หลานชาย นั่งมาด้วย โดยทั้ง 2 คนถูกอัดติดอยู่ในซากรถ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายณัฐพัทธ์ขับรถคันเกิดเหตุซึ่งเป็นของเถ้าแก่ไปร่วมงานเลี้ยงในตำบลไม้งาม ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร เสร็จงานขับรถออกจากงานด้วยความเร็ว โดยมีพยานเห็นว่ารถคันดังกล่าวไม่ได้เปิดไฟหน้า ก่อนประสบอุบัติเหตุพุ่งชนต้นไม้และเสาป้ายบอกทาง ก่อนจะตีลังกาบินลอยข้ามถนนคู่ขนานไปไกลกว่า 80 เมตร ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางอีก 2 ต้นจนหักทั้งคู่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |