ก็น่าคิด การใช้ ม.44 ของ คสช. อยู่ในสถานการณ์ที่พร่ำเพรื่อเกินไปหรือไม่ ช่วงนี้ทั้งนักการเมือง นักวิชาการต่างออกมาประสานเสียงพูดไปในทิศทางเดียวกัน ว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ ม.44 ปลด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ออกจากตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งผลร้ายมากกว่าผลดี เพราะอาจทำให้การทำงานของ กกต.และองค์กรอิสระอื่น ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดระแวง
นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธาน ครป. พูดถึงประเด็นนี้เอาไว้น่าขบคิดว่า จะเกิดผลสืบเนื่อง ทำให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญต้องทำงานภายใต้บรรยากาศความหวาดระแวง ไม่กล้าตัดสินใจในประเด็นสำคัญๆ หรือประเด็นที่มีผลกระทบต่อผู้มีอำนาจ ดังนั้น องค์กรอิสระจะกลายเป็นองค์กรไร้อิสระอย่างสิ้นเชิง ถ้าบรรยากาศเป็นอย่างนี้ แปลว่าเป็นการล่มสลายของระบบตรวจสอบของสังคมไทย ป.ป.ช. กกต. สตง. จะทำงานภายใต้ทิศทางเดียวกับผู้มีอำนาจรัฐต้องการ อาจทำให้น้ำหนักการใช้เหตุผลที่เป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรมลดลง ...๐
ฟังดูน่ากังวลไม่น้อย แต่ในทางปฏิบัติ ป.ป.ช.ขณะนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับรัฐบาล เพราะประธาน ป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ไม่ใช่คนอื่นไกลสำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่นจึงเป็นที่จับตามองของสังคมว่า คดีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน จะจบลงแบบไหน ขณะที่ สตง.ก็เช่นเดียวกัน แม้ไม่มีกรณี ม.44 นี้ ก็มีสภาพไม่ต่างจาก ป.ป.ช.สักเท่าไหร่ ...๐
ฉะนั้นการใช้ ม.44 ปลด นายสมชัย ไม่น่าจะมีอิทธิพลพอที่จะทำให้องค์กรอิสระอื่น ไม่ว่าจะเป็น ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ เออออตามรัฐบาลไปด้วย และในความเป็นจริง ม.44 น่าจะใช้ได้กับนายสมชัยคนเดียว คสช.ไม่กล้าจะนำไปใช้กับองค์กรอิสระอื่น เพราะต้องยอมรับในข้อเท็จจริงว่า ตัวนายสมชัยมีข้อให้ต้องวิจารณ์มากมาย ทั้งในแง่การทำหน้าที่ กกต. และนิสัยส่วนตัว ...๐
ฟังฆราวาสแล้วไปดูพระสงฆ์องค์เจ้ากันบ้าง "พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม" หรือ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย นั่งโพสต์เฟซบุ๊กตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตั้งหัวข้อ “ธรรมะวันละคำ” ระบุรายละเอียกว่า วันนี้เสนอคำว่า "ธรรมาธิปไตย" คำว่า ธรรมาธิปไตย หมายความว่า การยกย่องธรรมเป็นใหญ่ การถือธรรมเป็นใหญ่ ความเป็นใหญ่ด้วยธรรม ธรรมาธิปไตย คือขบวนการยึดถือเอาหลักการความถูกต้อง สุจริตดีงามเป็นใหญ่ ความยกเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นใหญ่ ความให้ประโยชน์ส่วนรวมเป็นใหญ่ อยู่เหนือประโยชน์ส่วนตน หรือการดำรงรักษาความสุจริตธรรมเป็นใหญ่เหนือชีวิต
อีกไม่นานประเทศไทยจักมีการเลือกตั้ง ก็อยากให้บรรดานักเลือกตั้งทั้งหลาย หยิบเอาหลักคิดของธรรมาธิปไตยมาใคร่ครวญพิจารณาปฏิบัติ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ควรต้องนำเอาหลักธรรมาธิปไตยนี้มาใช้เป็นเครื่องตัดสินใจเลือกพรรค เลือกคน หากพรรคใด คนใด เอาแต่พร่ำบ่นคำว่า ประชาธิปไตย แต่ขาดธรรมาธิปไตย ท่านทั้งหลายก็อย่าได้เลือกเข้ามาสร้างปัญหาให้แก่บ้านเมืองอีกเลย มิเช่นนั้น พวกเราคงได้กบฏกันอีกรอบเป็นแน่ ...๐
ขีดแนวรับแนวต้านไว้แบบนี้ ก็น่าสนใจว่า นักการเมืองจะคิดอย่างไร เพราะหลายปีมานี้เกิดวาทกรรมเทียมๆขึ้นมากมาย โดยเฉพาะคำว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" ที่ถูกนำมาใช้กันอย่างพร่ำเพรื่อ จนกลายเป็นว่า ประชาธิปไตยคือฉากบังหน้าให้คนโกง ที่ไร้ธรรมาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง บรรดานักการเมือง แกนนำมวลชนที่ไร้ธรรมาธิปไตย ยังชูคออยู่ได้เพราะมีมวลชนหนุนหลัง ซึ่งนี่จะเป็นปัญหาในอนาคตตามที่หลวงปู่แสดงความกังวลไว้แน่นอน ...๐
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |