17 ก.พ.63 - นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาระบุดังนี้
ทันทีที่เห็น ช่อ พรรณิการ์อ้าปากขอบคุณ
ขอบคุณอาจารย์
ชาญวิทย์ ในฐานะผู้เริ่มแคมเปญ
#คัดค้านยุบอนาคตใหม่ และขอบคุณทุกรายชื่อที่มาร่วมแสดงพลัง พิสูจน์ว่าพรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดโดยประชาชน มีประชาชนเป็นเจ้าของ” นั้นก็ต้องรีบตรวจดูรายชื่อในแพลทฟอร์ม Chang.org ที่เคยชื่นชมและร่วมลงชื่อสนับสนุนในบางกรณีพร้อมความแปลกใจอย่างน้อย2ประการ
และไม่แปลกใจ 2 ประการคือ
ประการที่1)แพลทฟอร์มที่เคยมีผลงานรณรงค์อย่างสร้างสรรค์ในหลายเรื่องให้สังคม อาทิการรณรงค์เรื่องสิ้งแวดล้อมหรือการช่วยเป็นปากเสียงแห่งการต่อสู้ให้ภาคประชาสังคม ได้กลายเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองแบบเลือกข้างๆคูๆได้อย่างไร
ได้แต่บอกว่าเศร้าใจและหมดสิ้นศรัทธาทันที
ประการที่2 คือเห็นพี่น้องเพื่อนพ้องเอ็นจีโอบางส่วนที่เชื่อว่าเคยมีบทบาทการร่วมต่อสู้กับภาคประชาชนอย่างไม่เอียงข้างไม่ฝักใฝ่การเมือง อาทิคนที่ต่อสู้เรื่องน้ำเรื่องป่าเรื่องประมง หรือแม้แต่คนที่ต่อสู้เรื่องสิทธิพลเมืองบางคนต่อสู้เรื่องสมานฉันท์ปรองดองบางคน แม้บางคนเคยเป็นกรรมการองค์กรอิสระเรื่องสิทธิมนุษยชนและคอป เคยต่อสู้กับระบอบชั่วร้ายมานาน
กลับเข้าร่วมโยนอุดมคติใส่ลิ้นชัก เข้าชื่อกดดันเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่
เข้าทำนองพวกมากลากไปหรืออาจถูกตราหน้าว่าใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย
เพราะก่อนถึงบ่ายวันที่21กพ 63 นั้น ไม่มีใครทราบได้หรอกครับว่าศาลรัฐธรรมนูญทั้ง9ท่านนั้นจะมีคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ ซึ่งเราทุกคนควรจะใช้สิทธิพลเมืองอย่างมีคุณค่าเหมือนที่พวกคุณพร่ำสอนประชาชน แทนการล่ารายชื่อกดดัน
มองดูแล้วคลับคล้ายคลับคลากับตอนที่หลายคนหลงผิดชูกระแสช่วยนายทักษิณ ชินวัตรคดีโอนหุ้นให้ลูกที่ระดมโหมชูธงกระหน่ำความเห็นกดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้ยกความผิดนั้นให้นายทักษิณ หรือที่เรารู้จักคำพิพากษาบิดเบี้ยวนั้นว่า “บกพร่องโดยสุจริต”เป็นการปล่อยเสือเข้าป่าและลากไปสู่วิกฤติความขัดแย้งในชาติที่รุนแรงต่อเนื่องยาวนานมากว่า17ปี หลายคนที่ร่วมลงชื่อวันนี้ก็เคยเป็นกรรมการและอนุกรรมการในคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงและสร้างความปรองดอง (คอป)ที่เคยระบุสาเหตุวิกฤติความขัดแย้งในชาตินั้นเกิดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญคดีนั้น
วันนี้ท่านเหล่านั้นกลับกลืนน้ำลายและทำในสิ่งตรงข้ามและอาจสร้างปัญหาวิกฤติชาติอีกรอบได้อย่างไร
และไม่แปลกใจ ประการที่1)คือการที่เห็นบรรดาอาจารย์หัวหอกหัวหงอกหัวดำบางคน ในต้นขบวนล่ารายชื่อคราวนี้เพราะรู้เช่นเห็นชาติมานานแล้วว่า ท่านเหล่านั้นเป็น the man behind the seen ในการดันก้นคนหนุ่มสาวที่หลงเชื่อลัทธิไปลงถนนตายเจ็บแทนมาแล้วหลายครั้ง
วันนี้โผล่หน้าออกหน้ากันชัดเจนว่าใครเป็นใครก้อดีแล้ว เวลาเกิดวิกฤติจะได้ไม่ชี้ผิดตัว
ไม่แปลกใจประการที่2)คือการเดินเกมส์ของพรรคอนาคตใหม่ ก่อนถึงวันพิพากษาที่จะใช้มวลชนมวลสมาชิกและผู้สนับสนุนทั้งหมดออกแรงกดดันคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งในคดีที่ผ่านมาทั้งคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธรและคดีล้มล้างการปกครองที่สื่อบิดเบือนเรียกคดีอินามิลูติ เพราะดูๆแล้ว พรรคนี้เก่งการสร้างกระแสทั้งในสังคมโซเชี่ยลและเก่งในกิจกรรมอีเวนท์ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองรุ่นพี่ในระบอบทักษิณและการขับเคลื่อนมวลชนแบบ นปชเพียงแต่เป็นคนละวัย จึงปลุกใจได้คนละแบบ
แต่เชื่อเถอะครับว่า หากเราช่วยกัน
#ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
ปล่อยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ9ท่านทำหน้าที่ตรงไปตรงมา พิจารณาคดีทั้งข้อเท็จจริงแลข้อกฎหมายตามที่กกตร้องมาแล้ว
เราจะได้เห็นความยุติธรรมตรงไปตรงมาตามหลังนิติรัฐนิติธรรมแน่นอน
ผมจึงไม่เห็นด้วยต่อกลุ่มต่างๆที่ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ล่ารายชื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับที่เกิดในอดีตที่ทำในคดีทักษิณและแบบแกนนนำนปชหาบรายชื่อไปกดดันถวายฎีกา
#หยุดเถอะครับอย่าเริ่มสร้างวิกฤติการเมืองอีกเลย
#ให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |