นิด้าโพลเผย ปชช.ส่วนใหญ่ 82.87% จะไม่ไปร่วมชุมนุมทางการเมืองบนท้องถนน หวั่นวุ่นวายเกิดจลาจลซ้ำรอยอีก 31.95% ไม่เห็นด้วยกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รมต.นอกสภาหากพรรค อนค.ถูกยุบ "ส.ว.เสรี" ซัด อนค.ดิ้นเฮือกสุดท้ายสร้างความขัดแย้งกดดันศาล แคมเปญค้านยุบ อนค.มีผู้ลงชื่อกว่า 3หมื่น ตัวแทนสมาชิกส้มหวานฮือค้านยุบ อนค. จ่อยื่นฟ้อง กกต.ทั่วประเทศหากถูกยุบ อ้างต้องรักษาสิทธิ์ในฐานะเจ้าของพรรค
เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “ท่านจะไปชุมนุมประท้วงทางการเมืองหรือไม่”ระหว่างวันที่ 12-13 ก.พ.2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปกระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษาและอาชีพทั่วประเทศ 1,255 ตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมืองของประชาชน พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 91.87 ระบุว่าไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมือง ขณะที่ร้อยละ 8.13 ระบุว่าเคยเข้าร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมือง
ด้านการตัดสินใจเข้าร่วมชุมนุมประท้วงของประชาชน หากมีนักการเมือง/พรรคการเมือง/กลุ่มการเมือง รณรงค์ให้ชุมนุมประท้วงทางการเมืองบนท้องถนน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 82.87 ระบุว่าจะไม่ไป เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นการสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง กลัวเกิดการจลาจลเหมือนครั้งก่อนๆ ขณะที่บางส่วนระบุว่าขอติดตามข่าวทางโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน และไม่ชอบการเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ รองลงมา ร้อยละ 14.02 ระบุว่าไม่แน่ใจ เพราะต้องดูรายละเอียดต่างๆ ในการจัดกิจกรรมการชุมนุม เช่น วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม การชุมนุม สถานที่ แกนนำ ขณะที่บางส่วนระบุว่าต้องดูสถานการณ์ในขณะนั้น และร้อยละ 3.11 ระบุว่าจะไป เพราะมีอุดมการณ์ที่เหมือนกัน เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ ขณะที่บางส่วนระบุว่าอยากให้ประเทศพัฒนามากกว่านี้ และไม่ชอบรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะเดินสายอภิปราย ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คนนอกสภา หากพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดสินยุบพรรค พบว่า ร้อยละ 20.00 ระบุว่าเห็นด้วยมาก เพราะ พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเป็นสิทธิที่นายปิยบุตรจะสามารถเดินสายอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ขณะที่บางส่วนระบุว่าไม่ชอบรัฐบาลชุดปัจจุบัน อยากให้ยุบสภา, ร้อยละ 11.71 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย เพราะการอภิปรายนอกสภาเป็นการแสดงออกทางการเมือง ทำให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง บางส่วนระบุว่าชอบนโยบายพรรคอนาคตใหม่เป็นการส่วนตัว, ร้อยละ 11.16 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ขณะที่บางส่วนระบุว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจควรทำเฉพาะในรัฐสภาเท่านั้นไม่สมควรทำนอกสภา, ร้อยละ 31.95 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย เพราะ การอภิปรายไม่ไว้วางใจควรอยู่ในสภาเท่านั้น ถ้านอกสภาเปรียบเสมือนการประท้วง ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวาย ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองแย่ลง และร้อยละ 25.18 ระบุว่าไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ดิ้นเฮือกสุดท้ายกดดันศาล
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงคดียุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) สรุปว่า การต่อสู้ทางการเมืองในเฮือกสุดท้าย เหมือนรู้ชะตาตัวเองว่าผลของศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเช่นใด การต่อสู้ในช่วงสุดท้ายคือ การให้คู่ต่อสู้ตายตกไปตามกัน การใช้กฎหมายที่เอาเปรียบคนอื่นเป็นวิถีทางที่ได้ตัดสินใจเลือกแล้ว แม้จะเสี่ยงต่อการกระทำความผิด แต่เพื่อชัยชนะจึงไม่คำนึงถึงวิธีใช้ การที่พรรคการเมืองกู้เงินจากหัวหน้าพรรค ย่อมเป็นรายได้ของพรรคการเมือง รายได้ของพรรคการเมืองอาจมีหลายลักษณะ แต่กฎหมายได้ควบคุมเงินที่พรรคการเมืองจะนำมาเป็นรายได้ของพรรคการเมืองนั้น จะต้องเป็นรายได้ตามที่มาตรา 62 กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในพรรคการเมืองมิให้เอาเปรียบกัน หรือมิให้ได้เปรียบเสียเปรียบกัน
นายเสรีระบุต่อว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้าย จึงต่อสู้แบบเอาพรรคเข้าแลก โดยการสร้างความขัดแย้งไปทั่ว ตั้งแต่โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในทุกเรื่องทุกประเด็นที่ตนเองเสียประโยชน์ เพื่อจะเป็นข้ออ้างว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องยุบพรรคนั้น เกิดจากการไปขัดแย้งกับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญมิได้ไปขัดแย้งด้วยเลย สร้างวาทกรรมว่ารัฐบาลปัจจุบันมาจากการสืบทอดอำนาจ เพื่อให้สาธารณชนเกิดความรู้สึกว่าที่จะถูกยุบพรรคเพราะไปขัดแย้งกับรัฐบาล สร้างวาทกรรมพาดพิงมายังวุฒิสภาตลอดมาว่าวุฒิสภาเป็นผลพวงจากรัฐประหารและมาจากการสืบทอดอำนาจ ก็เพื่อให้สาธารณชนเกิดความรู้สึกว่าที่จะถูกยุบพรรคนั้นเพราะมีความขัดแย้งกับวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งจาก คสช.ซึ่งเป็นฝ่ายทหาร
"ขณะนี้ใกล้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในเรื่องของการกู้เงินของพรรคการเมือง ก็เกิดปฏิกิริยาสร้างม็อบ จัดเวที สร้างกลุ่มให้ประชาชนออกมาสนับสนุน เพื่อเรียกร้องหาความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่ปัญหาทั้งหลายตนเองเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น เล่นการเมืองแบบไม่รับผิดชอบ การสร้างประเด็นให้เป็นความขัดแย้งทั้งหลายข้างต้นนี้ แสดงให้เห็นเป็นสัญญาณได้ว่ารู้ชะตากรรมของตนเองว่าเป็นเช่นใด จึงได้ใช้วิธีการต่อสู้ดิ้นรน ขัดแย้งกับทุกฝ่ายเป็นเฮือกสุดท้าย เพื่อจะบอกว่าถูกกลั่นแกล้งหรือถูกรังแก ซึ่งความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือการสร้างความขัดแย้งให้มากเข้าไว้เพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญที่จะตัดสินในเวลาอันใกล้ว่าจะถูกยุบพรรคหรือไม่ หากว่ากันตามเหตุผลและตามกฎหมายแล้ว การที่พรรคการเมืองกู้เงินมาใช้ในลักษณะเช่นนี้เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งมันผิดกฎหมายชัดๆ แต่ก็คงต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินเช่นใด" นายเสรีกล่าว
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการรณรงค์คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า "ถ้าเห็นว่าพรรคการเมืองไม่ควรถูกยุบ ต้องยกเลิก พ.ร.บ.พรรคการเมือง ไม่ใช่ออกมาต่อต้านไม่ให้มีการบังคับตามกฎหมาย"
ยุบ อนค.ฝ่ายค้านอ่อนกำลังลง
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแคมเปญคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า เชื่อว่าประชาชนให้ความรักและชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของพรรค อนค.อย่างเข้มแข็ง การทำหน้าที่ของพรรค อนค.ในฐานะฝ่ายค้านเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับพี่น้องประชาชน ดังนั้นหากมีการวินิจฉัยและจะทำให้พรรค อนค.ไปต่อไม่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียหาย พรรคร่วมฝ่ายค้านก็คงอ่อนกำลังลงไปไม่น้อย แต่เชื่อว่าการออกมาเรียกร้องครั้งนี้เป็นการสะท้อนเสียงของประชาชนที่เห็นตรงกันว่าอยากให้พรรค อนค.ได้ไปต่อ เหมือนกับที่ตนและสมาชิกพรรคเพื่อไทยรู้สึกและต้องการเช่นเดียวกัน จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องรับฟังเสียงของประชาชน
ภายหลังนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักเขียนรางวัลศรีบูรพา สร้างแคมเปญ #คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ผ่านเว็บไซต์ change.org ซึ่งมีรายชื่อคนดังจำนวนมากต่างมาลงชื่อเพื่อเปิดแคมเปญนี้ โดย ณ เวลา 16.00 น. วันที่ 16 ก.พ.2563 มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วมากกว่า 30,000 คน
ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดปทุมธานี ตัวแทนสมาชิกพรรค อนค.จากทั่วประเทศ นัดหารือเพื่อลงความเห็นในการที่จะฟ้องร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นรายบุคคลในฐานะสมาชิก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันที่จะฟ้อง กกต. หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสินยุบพรรค อนค.
คำแถลงการณ์ของสมาชิกพรรค อนค.ระบุว่า พวกเราซึ่งเป็นสมาชิกพรรคที่มีส่วนร่วมในการก่อสร้างพรรคนี้กันขึ้นมาจนเป็นที่ยอมรับ และมีความเข้มแข็ง จนสามารถมีสมาชิกที่เป็นตัวแทนของพวกเราในสภาถึง 80 คน มีความวิตกกังวลต่อการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะให้มีการยุบพรรค อนค.หรือไม่ โดยพิจารณาจากการที่ กกต.รับคำร้องจากนายศรีสุวรรณ จรรยา ในคดีกู้ยืมเงินของพรรค ตามความผิดในมาตรา 66 ว่าเป็นการบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท และอนุกรรมการสืบสวนได้ยกคำร้อง แต่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตั้งกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงแล้วตั้งข้อหาใหม่ ให้มีความผิดตามมาตรา 62, 66 และ 72 ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค โดยไม่มีการเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาไปชี้แจง และศาลรัฐธรรมนูญก็ได้เร่งรัดพิจารณาอ่านคำวินิจฉัยโดยไม่เปิดให้มีการไต่สวนตามคำร้องของพรรคอนาคตใหม่
"พวกเราจึงมีความเห็นว่า การกระทำของ กกต.เป็นการกระทำโดยมิชอบ อันเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 และแม้ว่าพรรคจะได้ดำเนินการฟ้องร้องในฐานะที่เป็นนิติบุคคลแล้ว แต่พวกเราซึ่งสมาชิกรายบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของ กกต. ก็สมควรที่จะดำเนินการฟ้องร้องต่อ กกต.ในฐานะบุคคลเช่นเดียวกัน และหากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ในวันข้างหน้า กกต.ก็สมควรจะต้องรับผิดชอบต่อค่าสมาชิกและเงินบริจาคที่เรามอบให้พรรคในคดีแพ่งต่อไป"
ขู่ฟ้อง กกต.ทั่วประเทศ
นางพยอม สมประสงค์ สมาชิกพรรค อนค. ปทุมธานี กล่าวว่า การที่มารวมตัวกันในวันนี้ เกิดจากความพร้อมทางความคิดของแต่ละบุคคล พรรค อนค.เป็นพรรคการเมืองของประชาชน เริ่มต้นจากการที่เราจ่ายค่าสมาชิก 200 บาทต่อปี หรือ 2,000 ตลอดชีพ พรรคก่อตั้งโดยสมาชิก ไม่ได้ก่อตั้งโดยนายทุน สมาชิกทั้งหมดร่วมกันเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน ซึ่งเรารู้สึกยอมไม่ได้เมื่อเห็นว่าคนเพียงไม่กี่คนที่จะตัดสินยื่นยุบพรรค สมาชิกพรรค อนค.จากทั่วประเทศได้มีการประสานผ่านศูนย์ประสานงานทั้ง 77 จังหวัด ในการเคลื่อนไหว เพื่อชี้ให้เห็นว่าเผด็จการไม่สามารถล้มล้างประชาธิปไตยได้ เมื่อประชาชนยืนหยัดกว่า 6 หมื่นคนที่เป็นสมาชิก และอีกกว่า 6 ล้านเสียงที่เลือกพรรค อนค.เข้าสภา จะไม่ยอมจำนนโดยเด็ดขาดหากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น
นางพยอมกล่าวด้วยว่า จะให้สมาชิกพรรค อนค.จากทั่วประเทศร่วมกันฟ้องร้องต่อ กกต. โดยมีคำฟ้องกลางที่สมาชิกสามารถดาวน์โหลด นำไปพิมพ์ชื่อในคำฟ้องด้วยตนเอง ทั้งนี้ มีทนายอาสาสมัครซึ่งเป็นสมาชิกพรรค อาสาที่จะเป็นทนายให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
ด้านนายพร้อมสิน บุญจันทร์ สมาชิกพรรค อนค. กล่าวว่า เห็นได้ชัดเจนว่าการยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างชัดเจน แม้เราไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่เรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องพรรคในฐานะที่เป็นสมาชิก เพราะสมาชิกเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน เมื่อพรรคถูกเล่นงานด้วยกฎหมาย เราจึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายในการฟ้องร้อง กกต.เช่นเดียวกัน
ที่ จ.ภูเก็ต สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ภูเก็ตและประชาชนร่วมเสวนาประชาธิปไตยในหัวข้อ "ภูเก็ตกับอนาคตการเมืองไทย" โดยนายธีรพงศ์ ทวีทรัพย์ หัวหน้าคณะทำงานศูนย์ประสานงานพรรคอนค.จังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการเสวนา มีสมาชิกพรรค ผู้สนใจ เข้าร่วม 39 คน และมีเจ้าหน้าที่ กกต.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่สันติบาล ร่วมสังเกตการณ์ ณ ศูนย์ประสานงานพรรค เลขที่ 35/69 ถนนรัษฎานุสรณ์ ต.รัษฎา อ.ภูเก็ต จ.ภูเก็ต
นายธีรพงศ์กล่าวว่า ประเด็นการเสวนาวันนี้เกี่ยวกับมุมมองของประชาชนต่อคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ ได้ข้อสรุปว่าห้ามยุบพรรคอนาคตใหม่ มติสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ต้องการเดินหน้าต่อไป เชื่อมั่นว่าอุดมการณ์ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอยู่ใต้จิตสำนึกของทุกคน พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ถ้าบุคคลใดทำผิด ต้องเอาผิดกับบุคคลนั้น จึงขอย้ำอีกครั้งว่าห้ามยุบพรรคอนาคตใหม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |