เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ในการ ปฏิรูปตำรวจ แม้ในส่วนการ ปฏิรูปตำรวจ ของรัฐบาลจะยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ยังไม่มีอะไรออกมาให้เห็นเป็น รูปธรรม ว่าจะออกมาเมื่อไหร่ ปฏิรูปแบบไหน อย่างไร
แต่ในส่วนของ ตำรวจ เอง เริ่มมีความชัดเจน เริ่มมีความเคลื่อนไหวในการ ปรับตัว ก่อนที่ภายนอกจะเข้ามาปรับให้กันแล้ว
โดยเฉพาะการปรับปรุงเรื่อง การแต่งตั้งโยกย้าย ให้เกิดประสิทธิภาพ!!!
มีการวางหลักประกันว่า ตำรวจ จะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด มีประสิทธิภาพและภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่
ที่สำคัญปลดเปลื้องทุกข์ของตำรวจที่เกิดจากผู้บังคับบัญชา!!!
ว่ากันว่าการ ปรับตัว ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเริ่มจากการปรับ หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง ที่เคยถูกกลุ่มขั้วอำนาจเดิมเปลี่ยนแปลงจนเกิดความวุ่นวาย ให้กลับมามีมาตรฐาน มีความเป็นธรรม เพื่อตำรวจส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
เกณฑ์การแต่งตั้งใหม่ที่ถูกวางไว้และจะนำมาใช้ คือ ระดับ รอง สว. เลื่อนเป็น สว. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 7 ปี เท่ากับปัจจุบัน, สว. เลื่อนเป็น รอง ผกก. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 4 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 6 ปี, รอง ผกก. เลื่อนเป็น ผกก. ระยะเวลาดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 4 ปี เท่ากับปัจจุบัน, ผกก. เลื่อนเป็น รอง ผบก. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 4 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 5 ปี, รอง ผบก. เลื่อนเป็น ผบก. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 4 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 5 ปี
ผบก.เลื่อนเป็น รอง ผบช. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 3 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 2 ปี , รอง ผบช.เลื่อนเป็น ผบช. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 2 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 1 ปี, ผบช.เลื่อนเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 2 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 1 ปี, ผู้ช่วย ผบ.ตร. เลื่อนเป็น จตช.และรอง ผบ.ตร. ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 1 ปี จากปัจจุบันกำหนดไว้ 1 ปี
นอกจากนี้จะมีการปรับระดับสถานีตำรวจเป็น 3 ระดับ คือ 1.สถานีตำรวจระดับเล็ก 2.สถานีตำรวจระดับกลาง 3.สถานีตำรวจระดับใหญ่ โดยการแต่งตั้ง รอง ผกก. หรือ ผกก.เป็นครั้งแรกในสถานีตำรวจ จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในสถานีตำรวจระดับเล็กหรือระดับกลางก่อน และเมื่อดำรงตำแหน่งครบ 2 ปีแล้ว อาจย้ายไปดำรงตำแหน่งในสถานีตำรวจระดับใหญ่ได้
สำหรับงาน สอบสวน ที่เป็นปัญหาอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันตามแท่งการเติบโตจะตันกันอยู่ที่ ผกก. ในการปรับปรุงใหม่ก็จะปรับโครงสร้างงานสอบสวน เป็นระดับ "กองบัญชาการ" เพื่อให้พนักงานสอบสวนสามารถเติบโตได้ไปถึงระดับ "ผบช." เป็น "ผบช.สอบสวน" ยศ พล.ต.ท. รวมทั้งมี "รอง ผบช.สอบสวน" ยศ พล.ต.ต. "ผบก.สอบสวน" ยศ พล.ต.ต. "รอง ผบก.สอบสวน" ยศ พ.ต.อ. "ผกก.สอบสวน" ยศ พ.ต.อ. "รอง ผกก.สอบสวน" ยศ พ.ต.ท. "สว.สอบสวน" ยศ พ.ต.ต.-พ.ต.ท. "รอง สว.สอบสวน" ยศ ร.ต.ต.-ร.ต.อ. และ "ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน" เป็นตำรวจชั้นประทวน
ที่สำคัญในการปรับปรุงครั้งนี้ ตำรวจ จะตั้ง คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ขึ้นมาดูแลเรื่องร้องเรียน เรื่องความเป็นธรรมของตำรวจ โดยจะมีการตั้ง คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ เพื่อให้ตำรวจที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเรียงลำดับอาวุโสหรือในการแต่งตั้ง ให้มีสิทธิ์ร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร. และคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ให้เป็นที่สุด เว้นแต่ในกรณีที่ผู้ร้องทุกข์ไม่พอใจในผลการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. ก็ให้มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้
กรณีที่ ก.พ.ค.ตร. หรือศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยหรือพิพากษาว่า ในการเรียงลำดับอาวุโสหรือในการแต่งตั้ง ผู้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชากระทำผิดวินัย และให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจพิจารณาลงโทษผู้นั้นตามควรแก่กรณีโดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวนอีก
หากการปรับตัว การเปลี่ยนแปลงของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามกระแสข่าว เป็นไปตามเสียงร่ำลือที่ออกมาเช่นนี้ ก็น่าจะทำให้ภาพพจน์ของ ตำรวจ ในสายตาคนนอกดีขึ้น รวมทั้งยังทำให้ ตำรวจ เองได้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน
ที่สำคัญ เมื่อภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแข็งแกร่ง เป็นไปตามหลักคุณธรรม ภายนอกจะเข้ามา "ปฏิรูปตำรวจ" อย่างไร ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |