นับเป็นต้นปีที่มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะภายในหรือนอกประเทศ รวมถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ยังไม่ทันหาย ก็ต้องมาเจอกับไวรัสโควิด-19 หรือไวรัสโคโรนามาแพร่ระบาดซ้ำเติม ซึ่งหน้ากากอนามัยได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ประชาชนต้องการมากขึ้น มีไม่พอขาย และราคาสูงกว่าปกติอีกด้วย แน่นอนว่าในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ง่ายสักเท่าไหร่ ไปร้านไหนก็หมด แม้แต่ร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศยังก็ไม่มีขาย แต่เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนก็อยากจะมาแชร์ข้อมูลเชิงสถิติที่น่าสนใจมาให้ดูกัน
ตามข้อมูลปริมาณการค้นหาราคาหน้ากากอนามัยบนเว็บไซต์ Priceza.com ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 11 กุมภาพันธ์ บ่งบอกถึงปริมาณการค้นหารวมในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้นถึง 690% เมื่อเทียบระหว่างปี 2562 และปี 2563 สะท้อนปริมาณความต้องการมหาศาลของตลาดได้เป็นอย่างดี นับว่าสวนทางกับปริมาณสินค้าที่มีไม่พอขายในตลาด ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมจะขอความร่วมมือจาก 10 โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยที่ใหญ่ที่สุดในไทย ให้เร่งผลิตใช้ภายในประเทศอย่างเต็มกำลัง บางแห่งผลิตติดต่อกันตลอด 24 ชั่วโมง รวมแล้วกว่า 100 ล้านชิ้น
จากการสำรวจราคาร้านค้าออนไลน์ที่มีสินค้าพร้อมขายบน Priceza.com ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่า ราคาหน้ากากอนามัยต่อกล่องบรรจุขนาด 50 ชิ้น สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 10 เท่า ขณะเดียวกันมีราคาขายปลีกเป็นรายชิ้นต่ำสุดชิ้นละ 6 บาท และราคาสูงสุดชิ้นละ 15 บาท เช่น ราคาหน้ากากอนามัยแบรนด์หนึ่งแบบ 3 ชั้น กล่องบรรจุ 50 ชิ้น จากร้านค้าออนไลน์บนไพรซ์ซ่าดอทคอม จากประวัติราคาสินค้าที่เก็บมาในปี 2562 จะอยู่ที่ 45-60 บาทต่อกล่อง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคา ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ราคาในตอนนี้พุ่งไปสูงสุดถึงกล่องละ 120-650 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่ากันเลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำให้ราคาเพิ่มไปได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงาน ที่หมายรวมต้นทุนทั้งเรื่องทรัพยากรและแรงงานที่สูงขึ้น เลยส่งผลให้จำเป็นต้องขายราคาที่สูงขึ้นตามไปเพื่อรักษาสมดุลของกำไร แต่สิ่งที่แปลกมากคือ ในขณะที่ร้านค้าปลีก ร้านขายยา หรือร้านสะดวกซื้อต่างๆ แทบจะหาสินค้ามาขายไม่ได้ แต่บรรดาร้านค้าออนไลน์หรือว่าร้านค้าบนโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก กลับมีสต๊อกสินค้าพร้อมขายเป็นจำนวนมาก และขายในราคาที่สูงมากด้วยเช่นกัน
เมื่อย้อนไปดูกลุ่มซื้อ-ขายหน้ากากอนามัยบนเฟซบุ๊ก และในทวิตเตอร์ ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมในช่วงไวรัสเริ่มระบาด พบว่าราคาที่ถูกโพสต์ขายสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ และเริ่มมีการรับซื้อสินค้าหน้ากากอนามัยในหลักหมื่น หลักแสน ไปกระทั่งจนถึงหลักล้านชิ้น ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นมา
สอดคล้องกับข้อมูลการค้นหาของไพรซ์ซ่า ที่ปริมาณเริ่มทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้นพอดี
ในเบื้องต้นหากหน้ากากอนามัยไม่มีขายก็สามารถใช้ หน้ากากผ้า เพื่อป้องกันโรคในเบื้องต้นได้ แม้ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่า แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรมาใช้เลย แต่สำหรับใครที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เช่น จำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง จำเป็นที่ต้องอยู่ใกล้คนที่เสี่ยง คงต้องจำใจซื้อจากร้านออนไลน์ที่ตอนนี้มีสต๊อกอยู่เยอะมากในราคาสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้
นอกจากหน้ากากอนามัยแล้ว ยังมีเจลล้างมือเป็นสินค้าที่กำลังประสบปัญหาความต้องการสูง และราคาพุ่ง เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเจลล้างมือแบบพกพา ที่แทบจะขาดตลาดในตอนนี้ ก็มียอดค้นหาเพิ่มมากขึ้นถึง 6,110% และมีราคาสูงขึ้น จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วสูงสุดถึง 5 เท่า
ไม่รู้ว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ในตอนนี้ผู้บริโภคเรายังคงต้องแบกรับภาระด้านราคาหน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือที่สูงมากไปอีกสักพักใหญ่ๆ!.
รุ่งนภา สารพิน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |