อินเดียเตรียมแผน จำกัดจำนวนผู้ชม ปกป้องทัชมาฮาล


เพิ่มเพื่อน    


นักท่องเที่ยวถ่ายเซลฟีหน้าทัชมาฮาลเมื่อวันพุธ

ทางการอินเดียเตรียมจะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมทัชมาฮาลในแต่ละวัน เพื่ออนุรักษ์อนุสรณ์แห่งความรักสมัยศตวรรษที่ 17 ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนหลายล้านคนในแต่ละปี

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธกล่าวว่า จำนวนผู้เข้าชมทัชมาฮาล ซึ่งส่วนมากเป็นชาวอินเดีย มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากการคมนาคมภายในประเทศสะดวกมากขึ้น

แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวเตือนว่า ผู้คนจำนวนมากที่มาเยือนทำให้สุสานหินอ่อนสีขาวแห่งนี้ยิ่งทรุดโทรมลง จากที่ปัจจุบันทัชมาฮาลต้องผ่านการทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้หินอ่อนสีขาวกลายเป็นสีเหลืองจากมลภาวะทางอากาศ และอาจเพิ่มแรงกดดันต่อฐานรากของสุสาน

ทางการอินเดียกล่าวเมื่อวันพุธว่า ในอนาคต นักท่องเที่ยวชาวอินเดียอาจได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมแค่วันละ 40,000 คน

เจ้าหน้าที่สำนักงานสำรวจทางโบราณคดีรายหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพีโดยไม่ให้เปิดเผยชื่อว่า เจ้าหน้าที่ต้องรับประกันความปลอดภัยของอนุสรณ์แห่งนี้ และของผู้เยี่ยมชมด้วยเช่นกัน การบริหารจัดการฝูงชนกำลังเป็นปัญหาใหญ่ท้าทายพวกตน

อย่างไรก็ดี การจำกัดจำนวนจะไม่บังคับใช้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งต้องจ่ายค่าเข้าชมรายละ 1,000 รูปี (ราว 510 บาท)

โดยปรกติแล้ว นักท่องเที่ยวชาวอินเดียจะจ่ายค่าเข้าชมเพียงแค่ 40 รูปี แต่พวกเขาสามารถซื้อตั๋วราคาแพงกว่าได้หากต้องการหลีกเลี่ยงการจำกัดจำนวน

อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งนี้ สร้างโดยจักรพรรดิชาห์ ชะฮาน แห่งจักรวรรดิโมกุล สมัยศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระมเหสี มุมตัซ มาฮาล

แผนจำกัดจำนวนผู้เข้าชมเกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุเบียดเสียดกันจนมีคนบาดเจ็บ 5 รายในวันสิ้นปีเก่า

โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมทัชมาฮาลวันละ 10,000-15,000 คน แต่ช่วงสุดสัปดาห์จำนวนอาจเพิ่มขึ้นถึงราวๆ 70,000 คน ข้อมูลของรัฐบาลกล่าวว่า ในปี 2559 มีนักท่องเที่ยวมาชมทัชมาฮาลเกือบ 6.5 ล้านคน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"