ตามคาด ผุดอีเวนต์กดดันศาลรัฐธรรมนูญ "ชาญวิทย์" นำทีมรณรงค์แคมเปญห้ามยุบอนาคตใหม่ เหล่านักวิชาการชื่อดัง เซเลบ ร่วมลงชื่อเพียบ! เป้าหมายเพื่ออนาคตของประเทศต้องอยู่ในมือประชาชน ไม่ใช่คนแค่หยิบมือ "เฒ่าส้มหวาน" ชม "ธนาธร" มุ่งมั่นสูง กล้าชนกับต้นตอปัญหา มาเป็นทีม ส่วน "ทอน-ช่อ" ขอบคุณทันควัน "ภูมิธรรม" ร่วมแจม
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ www.change.org มีการรณรงค์ร่วมลงชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ โดยกว่า 150 รายชื่อเบื้องต้นที่ร่วมลงชื่อล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ อาทิ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการ, เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โคทม อารียา อดีตกรรมการการเลือกตั้ง, บรรยง พงษ์พานิช ผู้บริหาร, ปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจ, "ครูยุ่น" มนตรี สินทวีชัย ผู้ก่อตั้งมูลนิธิคุ้มครองเด็ก, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเขียน สื่อมวลชน และนักสิ่งแวดล้อม
ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบ, ทิชา ณ นคร นักสิทธิเด็ก เยาวชน และสตรี, บรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย, พนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแห่งชาติ, วีรพร นิติประภา นักเขียนรางวัลซีไรต์ 2 สมัย, "ต้อม" ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์, "มะเดี่ยว" ชูเกียรติ? ศักดิ์?วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์, "มดดำ" คชาภา ตันเจริญ พิธีกร, "ฟ้าใส" อรจิรา แก้วสว่าง ดารานักแสดง, "จิ๊บ" ปกฉัตร เทียมชัย ดารานักแสดง เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคมเปญรณรงค์ดังกล่าวระบุว่า "ประเทศไทยต้องไปข้างหน้า การเมืองต้องเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่าย ร่วมลงชื่อ #คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ฟังก่อน! เราไม่ได้บอกว่าพรรคอนาคตใหม่ดีงามสมบูรณ์แบบจนทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นปากเป็นเสียงต่อสู้ให้ สิ่งที่กำลังจะบอกก็คือ ไม่ว่าเราจะมีความเชื่อแบบไหนก็ตาม จะมีคนที่เชื่อไม่เหมือนเราอยู่ร่วมสังคมเดียวกันเสมอ ไม่มีวันหายไป
การลงชื่อครั้งนี้ เป้าหมายคือการปกป้องวันนี้และอนาคตของประเทศไทย การเมืองที่ดีควรเป็นระบบที่เปิดให้ทุกฝ่ายเข้ามาต่อสู้แข่งขันกันได้อย่างเสรี เป็นธรรม โดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ส่วนการมุ่งกำจัดกลุ่มการเมืองใดๆ ให้สิ้นซากนั้น มีแต่จะทำให้สังคมตึงเครียดรอวันระเบิด ช่วยกันหยุดการทำลายล้างทางการเมืองครั้งใหม่ที่จะไม่เหลืออะไรนอกจากความพัง ความสงบจบที่อยู่ร่วมกัน
ทางออกที่ดีที่สุดคือการเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้กว้างที่สุด สนับสนุนให้พรรคการเมืองของประชาชนเข้มแข็ง เลิกคิดเสียทีว่า การยุบพรรคการเมืองหรือตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคนที่คิดไม่เหมือนเราจะนำไปสู่ความสงบในสังคม
ที่ผ่านมามีความพยายามในการหยุดยั้งหรือทำลายพรรคอนาคตใหม่อยู่จริง โดยผู้มีอำนาจไม่สนใจถึงราคาที่สังคมไทยจะต้องร่วมกันจ่าย ประชาชนและประเทศไทยบอบช้ำมามากพอแล้ว พอกันทีกับการกดทับเสียงของความเปลี่ยนแปลง อำนาจการตัดสินปัจจุบันและอนาคตต้องอยู่ในมือประชาชนอย่างเรา ไม่ใช่อยู่ที่คนเพียงหยิบมือ นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้ยืนยันสิทธิอันชอบธรรมนั้น ร่วมกันลงชื่อ เพื่อพาการเมืองไทยไปข้างหน้า หยุดความพัง ยับยั้งความขัดแย้ง
ดี-ชั่วประชาชนตัดสินเอง
ขณะที่นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อ กล่าวว่า ที่ร่วมลงชื่อรณรงค์คัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะเห็นด้วยกับหลักการของการรณรงค์ครั้งนี้ และที่สำคัญคือเห็นว่าไม่ควรต้องมีพรรคการเมืองใดต้องถูกยุบ การยุบพรรคอะไรก็ตามไม่ควรเกิดขึ้น เราต้องปล่อยให้พรรคการเมืองเติบโต พรรคการเมืองจะดีจะชั่วอย่างไรประชาชนจะเป็นคนตัดสินเอง ถ้าประชาชนไม่เลือก วันหนึ่งพรรคนั้นก็อยู่ไม่ได้และก็ยุบหายไปเอง
เขากล่าวว่า ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่นี้ ที่ให้คนเพียงไม่กี่คน ซึ่งหลายคนก็รู้ว่าเป็นอย่างไรมาตัดสิน ถามว่าเขาเป็นตัวแทนของอะไร ถูกตั้งขึ้นมา อุปโลกน์ขึ้นมา ดูไปแล้วก็เหมือนจะกลายเป็นตัวแทนของอำนาจรัฐ เพราะไม่ได้มีฉันทามติของคนในประเทศนี้เลย ทั้งที่โดยจุดกำเนิดตั้งต้นขององค์กรอิสระ
" โดยหลักคิดและนโยบายนั้น ต้องยอมรับว่าดีมากๆ มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แต่ตอนนี้เหมือนกลายพันธุ์ไปหมดแล้ว ซึ่งในะระยะยาวผมเห็นว่าจะไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะหากมีใครแหลมขึ้นมาหน่อยก็จะถูกกำจัด ประชาธิปไตยจะถูกทำให้เหมือนเล่นปาหี่ การยุบพรรคตนเห็นว่าเป็นปฏิบัติการที่มันต่อต้านประชาธิปไตย"
นายชาญวิทย์กล่าวว่า การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่เป็นเรื่องน่าสนใจ มีปรากฏการณ์หลายอย่างที่ทำให้พรรคที่เพิ่งก่อนตั้งไม่นานมาได้ไกลขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันสะท้อนว่าสังคมไทยต้องการอะไรที่ใหม่และมีหลักการ เป็นเรื่องดีที่มีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาพร้อมกับความคิดใหม่ๆ แบบนี้ แต่แน่นอนว่าต้องส่งผลกับกลุ่มผู้นำแบบเก่า คนรุ่นเก่า การเมืองแบบเก่าๆ เขาต้องตกใจอย่างมากกับนโยบายของพรรคที่เสนอ กับบทบาทที่พรรคอนาคตใหม่ทำ และถ้าดูจากตัวผู้นำพรรค คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็จะเห็นว่าเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง กล้าชนกับต้นตอปัญหา และที่สำคัญคือ เขาไม่ได้เล่นเกมบินเดี่ยว แต่เขามาเป็นทีม เราจะเห็นว่ามีดาวดวงใหม่คนอื่นๆ โผล่มาเรื่อยๆ ทั้งคนรุ่นใหม่ คนรุ่นกลางคน รวมถึงคนรุ่นอายุมากแล้ว
"สำคัญคือภาพลักษณ์ของพรรคนั้นคือ ความคิดใหม่ จึงเป็นเหตุผลให้ตัวแทนความคิดเก่าๆ ต้องการจะทำลายให้ได้ แรกเลยพอเลือกตั้งเสร็จก็สกัดหัวหน้าพรรคไม่ให้เขาสภา มาตอนนี้ก็เตรียมยุบพรรค ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราจะมาจุดนี้ได้" นายชาญวิทย์กล่าว
จะไม่มีที่ยืนในใจประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพียงไม่กี่ชั่วโมงของการเปิดลงชื่อ ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมาเข้ามาร่วมลงชื่อและแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์รณรงค์ดังกล่าวคับคั่ง อาทิ ภาวนา คุณหพันธ์ ระบุว่า "พรรคการเมืองเป็นของ ปชช. ใครก็ไม่มีสิทธิ์ยุบพรรคฯ ได้นอกจาก ปชช."
ขณะที่ Dumrong W?.?Watana ระบุว่า "ไม่เห็นด้วยการยุบพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการตัดสินขององค์กรที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาชน แต่เป็นองค์กรที่สืบทอดมาจากคณะยึดอำนาจ" และ "ประกาศตัวชนกับทหารมาเฟียมาตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค เป็นกำลังใจให้ครับ"
สุนทร พฤกษพิพัฒน์ ระบุว่า "พรรคการเมืองเป็นช่องทางของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย หากพรรคไม่ดี สุดท้ายก็ไม่มีประชาชนสนับสนุนไปเอง อย่าใช้อำนาจเหนือระบอบมาทำลายพรรคการเมือง หากยังใช้อำนาจเหนือระบอบอยู่อีก สุดท้ายระบอบนั้นจะไม่มีที่ยืนในใจประชาชน"
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ขอบคุณผู้ร่วมลงชื่อดังกล่าว โดยระบุว่า "ผมขอขอบคุณ นักวิชาการ นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักศึกษา นักธุรกิจ ผู้นำแรงงาน นักสิทธิมนุษยชน นักพัฒนาเอกชน กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้คนจำนวนมาก ที่ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก 'เปิดพื้นที่ทางการเมืองให้ทุกฝ่าย ลงชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่' ผมเข้าใจว่าหลายท่านที่ร่วมลงชื่อ คงไม่ได้เห็นด้วยกับพรรคอนาคตใหม่ในทุกเรื่อง แต่ที่ร่วมลงชื่อก็เพราะเห็นถึงความสำคัญของการเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้แก่ทุกความคิด ทุกอุดมการณ์ ได้แข่งขันกันภายใต้ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา การเอาชนะกันโดยการตัดคู่แข่งออกจากสนามการเมืองนั้นไม่ยั่งยืน รังแต่จะสร้างปมความขัดแย้งให้ร้าวลึกในสังคม โปรดรับคำขอบคุณจากผมและสมาชิกพรรคอนาคตใหม่อีกครั้ง ด้วยใจจริง"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบ หนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อ โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า "ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับแนวคิดหรือนโยบายของพรรคการเมืองใดๆ เป็นสิทธิทางการเมืองของแต่ละคน และไม่ควรให้อำนาจคณะบุคคลใดมีอำนาจเหนือประชาชน ที่จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นโดยการยุบพรรคการเมืองเหล่านั้นได้โดยง่าย ระบอบประชาธิปไตย อำนาจปกครอง อยู่ในมือประชาชน ผิดจากนี้คือไม่ใช่"
น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า "ขอบคุณ อ. ชาญวิทย์ ผู้เริ่มแคมเปญ #คัดค้านยุบอนาคตใหม่ และขอบคุณทุกรายชื่อที่มาร่วมแสดงพลัง พิสูจน์ว่าพรรคอนาคตใหม่ถือกำเนิดโดยประชาชน มีประชาชนเป็นเจ้าของ"
ส้มหวานยุฟ้อง กกต.
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เชิญชวนให้ประชาชนลงชื่อคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่ควรมีพรรคการเมืองใดถูกยุบจากองค์กรที่มิได้มีส่วนยึดโยงกับประชาชน ไม่ว่าเราจะเห็นเหมือนหรือเห็นต่างกันกับพรรคการเมืองนั้นก็ตาม
วันเดียวกันนี้ กลุ่มไลน์สื่อมวลชนพรรคอนาคตใหม่ มีการเผยแพร่ข้อความจากศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ปทุมธานี เรื่อง “สมาชิกพรรคอนาคตใหม่เตรียมฟ้อง กกต. ในฐานะบุคคล” ระบุว่า สืบเนื่องจากการที่ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ และศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 นั้น บรรดาสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีส่วนร่วมในการก่อสร้างพรรคนี้ขึ้นมา มีความวิตกกังวลต่อคำพิพากษาว่าจะมีการยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
ทั้งนี้ จากการที่ กกต.เร่งรัดส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งการเพิ่มข้อกล่าวหาใหม่ ว่ามีความผิดตาม มาตรา 72 (รับประโยชน์ที่รู้หรือควรรู้ว่าเป็นเงินที่มิชอบด้วยกฎหมายโทษ) ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค ทั้งที่การกู้ยืมเงินของพรรคการเมือง เป็นเรื่องปกติที่ทุกพรรคกระทำกัน โดย กกต.ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใหม่ดังกล่าวต่อพรรค และไม่ได้เปิดโอกาสให้พรรคแก้ข้อกล่าวหาใหม่ดังกล่าวก่อนเลย ดังนั้นการสืบสวนและการสอบสวนของ กกต.เสียงข้างมากดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ
บรรดาสมาชิกอนาคตใหม่มีความเห็นว่า แม้พรรคอนาคตใหม่ในฐานะนิติบุคคลจะได้ยื่นฟ้อง กกต.เป็นรายบุคคลไปแล้ว แต่สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ในฐานะบุคคล ก็ได้รับความเสียหายจากการกระทำของ กกต.เช่นเดียวกัน ดังนั้น สมาชิกพรรคที่มีกว่า 6 หมื่นคน จึงสมควรฟ้องร้อง กกต. ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 (ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต) และหากในวันข้างหน้ามีการยุบพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น ก็จะเกิดความเสียหายกับมวลสมาชิกที่ได้ชำระค่าสมาชิกและเงินบริจาคให้กับพรรคไปแล้ว
ดังนั้น จึงใคร่ขอเชิญท่านสื่อมวลชน รับฟังการแถลงข่าวของสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ เกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อให้สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ทั่วประเทศฟ้องร้องต่อ กกต. ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 11 นาฬิกา ณ ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ ปทุมธานี
ต้องเคารพคำตัดสินของศาล
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาระบุว่า เคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนหน้านี้นายปิยบุตรเคยออกมาพูดเรื่องเอกสารหลุดของ กกต. แต่เมื่อผมมีโอกาสได้อ่านและชี้แจงข้อเท็จจริง ว่านายปิยบุตรไม่พูดในหลายเรื่อง ที่เป็นปัญหาของตนเอง และบางเรื่องไม่จริง กลับกลายเป็นว่าเกิดคัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ การสร้างกระแสดังกล่าว แสดงว่ายอมจำนนต่อหลักฐานใช่หรือไม่ ผมไม่ทราบว่าผลคำตัดสินจะออกมาเช่นไร แต่ต้องเคารพคำตัดสินของศาลครับ
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อเพื่อไม่ให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการกดดันการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาไต่สวน ยังไม่มีใครทราบได้ว่าผลคดีจะออกมาเช่นไร ทุกคนควรรอฟังผลคำวินิจฉัย คือทางออกที่ดีที่สุด หากสร้างบรรทัดฐานโดยการล่ารายชื่อเพื่อกดดันของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งๆ ที่ควรต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริงในคดี ก็จะเกิดความเสียหายต่อกระบวนการได้
"ที่บอกว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดให้มีการไต่สวนในประเด็นนี้จะเห็นได้ว่ายังมีช่องทางอยู่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญใช้ระบบการไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถยื่นพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ทุกเมื่อ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้"
นายราเมศกล่าวต่อว่า ส่วนในประเด็นที่มีความกังวลว่าหากมีการยุบพรรคอนาคตใหม่อาจจะมีผลกระทบต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้หรือไม่ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่เป็นการบิดเบือนข้อกฎหมาย เพราะหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจริง สถานะความเป็น ส.ส.ยังคงมีอยู่ เพียงแต่จะต้องหาพรรคการเมืองอื่นสังกัดภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายควรรอผลคำวินิจฉัย ไม่ควรกระทำการในลักษณะข่มขู่กดดันศาลรัฐธรรมนูญ
หัวหน้าทีมพินอคคิโอ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธรเป็นหัวหน้าทีมพินอคคิโออภิปรายไม่ไว้วางใจว่า นายธนาธรจะใช้ตัวละครอะไรก็ช่าง แต่ระวังว่าจะเป็นพินอคคิโอเสียเอง ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้ ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานตรงไปตรงมาไม่ได้ทำอะไรผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทำทุกอย่างเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่มีแบ่งแยกประชาชน หรือเลือกช่วยเฉพาะจังหวัดที่เลือกพรรคตัวเองเหมือนพรรคการเมืองบางพรรคในอดีต บริหารงานด้วยความโปร่งใส ดังนั้น เราจึงไม่กลัวการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยที่นายธนาธรบอกว่าพรรคอนาคตใหม่จะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ตรงประเด็น กระชับ ไม่เน้นการใช้โวหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี พี่น้องประชาชนอยากเห็นแบบนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ควรจะยึดหลักแบบนี้ด้วย อย่าใส่สีตีไข่หวังโจมตีรัฐบาลแบบหน้ามืดตามัวด้วยข้อมูลเท็จเหมือนที่บางคนออกมาพูดเป็นละครหลังข่าวรายวัน
นายธนกรกล่าวอีกว่า กรณีที่นายธนาธรจะอภิปราย 5 ด้าน อาทิ บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ความมั่นคง และคุณสมบัติจริยธรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น เป็นเหตุผลมุมมองทางการเมืองของฝ่ายค้าน และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่รัฐบาลไม่ได้เป็นอย่างนั้น และมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลจะชี้แจง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลทำงานมา 7 เดือน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย เกิดการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาประเทศอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนทางด้านเศรษฐกิจนั้น แม้เราได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และต้องเจอกับไวรัสโควิด-19 ซ้ำเติมอีก แต่รัฐบาลก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อประคองเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ ตนจึงมองว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลามาเอาชนะคะคานกัน หรือเล่นเกมการเมืองกัน แต่เป็นเวลาแห่งการร่วมแรงร่วมใจของคนในชาติ เพื่อผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |