ขอเสียบดอกไม้สดุดี 3 นายตำรวจผู้กล้าพลีชีพจากเหตุ จ่าคลั่ง กราดยิงกลางเมืองและภายในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จ.นครราชสีมา ได้แก่ ด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง สายตรวจตำบลหัวทะเล ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา, ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา ผบ.หมวด (สบ1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ., ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. รวมทั้งชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร แพทย์ พยาบาล และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี รวมทั้งเป็นกำลังใจให้ 7 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในนาม ทีมประเทศไทย ให้หายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ทั้ง ส.ต.ท.กรกต อ่ำพันเงิน ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา, ด.ต.สามชัย แพเกาะ ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา, ส.ต.ท.กฤษฎา การุณ ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 6 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ., ร.ต.ท.ณัฐพงศ์ รัตนมงคลกูล รอง สวป.สภ.เมืองนครราชสีมา, ด.ต.สงกรานต์ มุมทอง ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครราชสีมา, ส.ต.ต.รัฐธรรมนูญ นาทอง ผบ.หมู่ ปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ยะลา ช่วยกองกำกับการสนับสนุน บก.ป. และ ส.ต.ท.สวภัทร คงเพชร ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 1 กก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. โดย ผบ.แป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบหมายให้ บิ๊กนู-พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.เป็นผู้ดำเนินการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้เสียชีวิต ๐
ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่ม ถอดบทเรียน เหตุการณ์กราดยิงที่โคราชกันบ้างแล้ว เช่นเดียวกับ "สีกากี" ที่ "ผบ.แป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็สั่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง "ถอดบทเรียน" ในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่ง "ผบ.แป๊ะ" ได้ร่วมในภารกิจ "ทีมประเทศไทย" ด้วยตัวเอง เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ต้องรีบแก้ไขอย่างแรกในการปฏิบัติงานของ "ลูกน้อง" คืออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่หลายอย่างต้องหามาเสริม ต้องหามาปรับเปลี่ยนให้ทันสมัย โดยเฉพาะ โดรนตรวจจับความร้อน ซึ่งปัจจุบันตำรวจมีเพียง "โดรน" แบบธรรมดาที่ไม่สามารถใช้บินในอาคารได้ รับสัญญาณจีพีเอสไม่ได้ ต้องเป็นโดรนที่มีลักษณะพิเศษเหมาะกับสถานที่ เลยมอบหมายให้ บิ๊กต่อ-พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก. ที่เจ้าตัวเดินทางไปดูงานเทคโนโลยีอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างประเทศ แล้วได้เห็นอุปกรณ์ต่างๆ ที่ดูแล้วเป็นประโยชน์ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในการจัดหามาเสริมเขี้ยวเล็บให้หน่วยปฏิบัติงานทุกหน่วยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ใช้เมื่อยามเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ขึ้น ๐
ตื่นตระหนกกันไม่ทันหายใจคล่องดี เช้าวันศุกร์ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุชายวัย 44 ปี ใช้ปืนยิงขึ้นฟ้ากว่า 40 นัด ภายในบ้านพักย่านซอยจุฬาฯ ซอย 10 สามย่าน จนชาวบ้านขวัญผวา ยิ่งพอเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ รองต๊ะ-พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.นำตัวมาสอบสวน พบผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนที่จดทะเบียนทั้งหมด 4 กระบอก เล่นเอาหลายคนสะพรึง อย่างนี้น่าจะถึงเวลาคุมเข้มอาวุธปืนกันอย่างจริงจังเสียที เพราะเท่าที่รู้การกวาดล้างจับกุมอาวุธปืนส่วนใหญ่จะทำกันเป็นระยะๆ ตามเทศกาลสำคัญ ต่อไปน่าจะต้องออกมาเป็นมาตรการชัดเจน ให้มีช่วงเวลาการกวาดล้างอาวุธปืนทุกเดือนหรือทุก 2 เดือน ไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลหรือช่วงสำคัญๆ เพื่อป้องกันการนำอาวุธปืนมาใช้ก่อเหตุ เพราะหลายคดีที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ คนร้ายหาอาวุธมาก่อเหตุกันง่ายยิ่งกว่าซื้อปลาทูในท้องตลาด "นครบาล" พื้นที่เมืองหลวง บิ๊กอู๊ด-พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.นำร่องโครงการเลย น่าจะทำให้ชาวบ้านอุ่นใจ ๐
ตำรวจจ๋า...โจรชุมยิ่งกว่ายุง ชาวบ้าน อ.เมืองสงขลาหลายรายต่างกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนต้องร้องขอให้ตำรวจช่วยจับคนร้ายที่บุกเข้ามาขโมยของภายในบ้าน ภายในร้านค้าให้ได้เสียที ก่อนหน้านี้ก็เข้าไปขโมยรถจักยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟไอ สีน้ำเงิน-ดำ ในบริเวณชุมชนร่วมใจ ซอย 6 เขตเทศบาลเมืองสงขลา แล้วก็มาลักทรัพย์ในร้านเมกกะไอที โซลูชั่น จำกัด ในพื้นที่ตำบลเขารูปช้าง ล่าสุดร้านซ่อมรถในตำบลเขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา ก็โดนขโมยเครื่องตัดแบตเตอรี่และอะไหล่รถภายในร้าน จากนั้นขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างใจเย็น มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังไร้วี่แว่วการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี งานนี้คงต้องหวังพึ่งมือปราบเก่าอย่าง พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ภ.จว.สงขลา ลงไปจี้ลงไปบี้คดีช่วยชาวบ้านให้ที รับรองเสียงขอบคุณกระหึ่มเมืองสงขลาแน่ๆ ๐
เป็นจังหวะที่ดีเมื่อ คอบราโกลด์ 2020 ที่จะเปิดฉากวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งกลับมาเหมือนเดิมทุกด้าน โดยมี พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายไมเคิล ฮีธ (Michael Heath) อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ พล.อ.พอล เจ. ลาคาเมรา (Paul J. LaCamera) ผู้บัญชาการกองกำลังกองทัพบกสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึก ณ ลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตของประเทศที่เข้าร่วมการฝึกหลักอีกด้วย และปีนี้สหรัฐฯได้ส่งเครื่องบิน F-35 B จำนวน 6 เครื่องมาร่วมฝึกครั้งแรก โดยประจำบนเรือ USS AMERICA เพื่อร่วมฝึกยกพลขึ้นบกที่หาดยาว วันที่ 28 ก.พ.63
โดยระหว่างแถลงข่าวที่กองบัญชาการกองทัพไทยที่ผ่านมา พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร และอัครราชทูตที่ปรึกษา ไมเคิล ฮีต แถลงรายละเอียดการฝึกปีนี้ที่เป็นรูปแบบของ "Heavy Year" มีกำลังพลที่เข้าร่วมถึง 9,665 นายจาก 29 ประเทศ รวมถึงจีนและเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่ถือว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้กองอำนวยการฝึกต้องออกมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด ไล่ตั้งแต่มีใบรับรองการตรวจจากต้นทางทุกนาย เมื่อเข้าประเทศมีการตรวจคัดกรองจากแพทย์ทหารอีกชั้น ย้ำเรื่องการล้างมือ เพิ่มแอลกอฮอล์เหลว ต้องมีการวัดอุณหภูมิร่างกาย 2 รอบ ทุกวัน เกณฑ์ 37.5 องศาเซลเซียส (เข้มข้นกว่าเกณฑ์ปกติที่วัดค่าระดับ 38 องศา) ควบคุมได้ในรอบ 12 ชม.แน่นอน
สำหรับทหารจีน 9 นายที่มาก่อนเพื่อเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือประชาชน ได้ผ่านการตรวจอย่างเข้มข้นแล้วเรียบร้อย ส่วนที่จะตามมาอีก 25-26 นายเข้าร่วมฝึกบรรเทาสาธารณภัย รอลุ้นการตรวจคัดกรองตามขั้นตอน ด้านทหารจากสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ตามแผนเดิมจะส่งกำลังพลเข้าร่วมฝึกภาคสนามประมาณ 300 นาย เคลื่อนย้ายกำลังโดยเรือรบเกาหลีได้ยกเลิก อีก 30 นายที่มีแผนเข้าร่วมฝึกที่บังคับการยกเลิกเช่นกัน ลดความเสี่ยงในการนำเข้า "ไมเคิล ฮีต" แสดงท่าทีชัดเจนว่า สหรัฐฯ ย้ำเรื่องความปลอดภัยของกำลังพล 5,000 นายสำคัญที่สุด เชื่อมั่นในการจับมือระหว่างไทย-สหรัฐฯ ในระบบคัดกรองที่วางไว้ โดยเสนาธิการทหารของไทยก็ย้ำว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยนี้จะเน้นย้ำให้กำลังพลทุกชาติได้ทราบ เพื่อให้มั่นใจในกำลังพลของจีนที่เข้าร่วมกับคอบราโกลด์ว่าทุกคนผ่านมาตรการคัดกรองอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดความกังวลและมีปฏิกิริยาด้านลบต่อกำลังพลของจีน
เหตุการณ์กราดยิงที่ "โคราช" แม้ชุดปฏิบัติเข้าจู่โจมจะไม่ใช่ทหาร แต่ในแง่ของการนำบทเรียนมาศึกษาเพื่อนำไปสู่การวางมาตรการป้องกัน และยุทธวิธีการปฏิบัติก็เป็นหน้าที่ของสถาบันการศึกษาต้องถกแถลงกัน โรงเรียนเสนาธิการทหารบกจึงจัดเสวนาในประเด็น ความมั่นคงกับชีวิตผู้คนในสังคมไทยปัจจุบัน โดย พลตรี ดร.ดิเรก ดีประเสริฐ ผบ.โรงเรียนเสนาธิการทหาร ให้นิยามปราฏการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกราดยิงที่เกิดมาจากประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว ต่างประเทศมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายแห่ง และจัดว่าเป็นการก่ออาชญากรรม ไม่ใช่การก่อการร้าย กรอบกฎหมาย การปฏิบัติต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการรับมือและแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วย ๐
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |