เกิดเป็นประเด็นดราม่าได้ 2-3 วันแรก สำหรับกรณีเรือสำราญเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 2,200 คน ขอจอดเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อส่งนักท่องเที่ยวที่โดยสารมากับเรือท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งกลับประเทศ
หลังจากเรือดังกล่าวพยายามขอจอดเทียบท่าหลายแห่ง แต่ก็ถูกปฏิเสธหมด ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และเกาะกวม เนื่องจากมีมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และสุดท้ายก็มุ่งหน้าเข้ามาประเทศไทย
สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวดราม่า ก็เพราะว่ามันมีปัญหาอยู่ เรือเวสเตอร์ดัมลำนี้ได้มีการแวะรับผู้โดยสารที่ฮ่องกงเพิ่มอีก 687 คน เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเกาะฮ่องกงถือเป็นอีกจุดที่มีการระบาดของเชื้อไวรัส และเป็นจุดที่มีชาวจีนแผ่นดินใหญ่บางส่วนใช้ขึ้นเป็นจุดขึ้นเรือด้วย ซึ่งเดิมที่โดยสารเรือเวสเตอร์ดัมลำนี้ จะต้องไปจบทริปที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 15 ก.พ.นี้
แต่อนิจจา ทางญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะให้เวสเตอร์ดัมเทียบท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางญี่ปุ่นเองก็ต้องมารับกับการระบาดของไวรัสโคโรนา บนเรือสำราญไดมอนด์ ปริ๊นเซส ที่มีผู้โดยสารและลูกเรือราว 3,700 คน ซึ่งทั้งหมดต้องถูกกักอยู่บนเรือเป็นเวลา 14 วัน แต่ยิ่งกักนาน จำนวนคนติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัวเลขไปถึง 174 รายแล้ว และกำลังเป็นปัญหาที่ปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับทางญี่ปุ่นมากๆ
ย้อนกลับมาที่เรือเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม พอญี่ปุ่นเจอเหตุการณ์นี้ก็สั่งปิดท่าเรือ รวมถึงประเทศต่างๆ ก็สั่งปิดท่าเรือหมด จนทำให้เรือสำราญไม่สามารถจอดรับส่งผู้โดยสารได้ แต่อยู่ดีๆ เรือเวสเตอร์ดัมก็มุ่งหน้ามาที่ประเทศไทย ซึ่งเข้าใจก่อนที่จะเกิดเรื่องดราม่า ทางการไทยน่าจะได้ตอบรับให้ เรือเข้ามาจอดแล้ว แต่พอเกิดกระแสสังคมกดดัน และเห็นตัวอย่างจากญี่ปุ่น ก็เลยประกาศปิดท่าเรือ ไม่ให้เรือเข้ามาจอด
ถึงจุดนี้ จากเรือสำราญก็เป็นไม่สำราญซะแล้ว เพราะผู้โดยสารที่อยู่บนเรือก็เริ่มรู้สึกๆ ไม่มั่นใจและเป็นกังวลกับการอยู่บนเรือ และอยากจะกลับบ้านแล้ว แต่ปัญหาคือไม่มีใครที่เปิดท่าเรือให้รับ
ซึ่งในประเทศเองก็เกิดความคิดเห็นเป็นสองด้าน คือ รับผู้โดยสารและจัดจุดคัดกรอง โดยเหตุผลทางมนุษยธรรม และการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ อีกส่วนคือไม่รับ เพราะเกรงว่าจะมีคนที่นำเชื้อไวรัสบนเรือเข้ามาภายในประเทศ ซึ่งสุดท้ายรัฐบาลไทยก็ตัดสินใจที่ไม่รับ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมเจ้าท่า และท่าเรือแหลมฉบัง ก็มีการออกแถลงการณ์ที่จะไม่รับเรือที่คาดว่าจะมีแนวโน้มที่จะมีผู้ติดเชื้อเข้ามาในราชอาณาจักร
ทั้งนี้ ในมุมมองส่วนตัวของผู้เขียน ยังเห็นด้วยกับแนวทางที่จะไม่รับผู้โดยสาร เพราะทางไทยเองก็ยังไม่พร้อมในเรื่องจุดคัดกรอง และมาตรการในการคุมการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา สังเกตที่ในประเทศก็ยังคงมีที่ติดเชื้อรายใหม่อยู่ หากรับมา จะยิ่งไปสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น จากปัญหาเดิมที่มีอยู่แล้ว
มองว่าในเรื่องภาพลักษณ์การท่องเที่ยว แม้จะมีข่าวที่ดูเหมือนจะใจดำไปบ้าง แต่เชื่อว่าหลังสถานการณ์การระบาดคลี่คลาย ไทยเราจะสามารถฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวกลับมาได้แน่นอน ซึ่งตอนนี้บทสรุปของเรือสำราญเอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ก็ได้ข้อยุติในการไปเทียบท่าที่เมืองสีหนุวิลล์ ในวันที่ 13 ก.พ.ที่จะถึงนี้ นับเป็นการปิดฉากดราม่าเรือเวสเตอร์ดัมไปได้
แต่ล่าสุดเรื่องราวดูเหมือนจะยังไม่จบ เพราะตอนนี้มีการระบุว่า ยังมีเรือสำราญอีกหลายลำที่มีคิวเข้ามาเทียบท่าที่ประเทศไทย และเรือเหล่านั้น น่าจะเคยผ่านเมืองที่เป็นจุดเสี่ยงการระบาดของโลกด้วย ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ปวดหัว สำหรับรัฐบาลในหลายประเทศในย่านนี้แน่นอน เพราะตอนนี้การระบาดของไวรัสโคโรนา ก็บุกไปทุกเมืองในอาเชียนแล้ว และแต่ละประเทศก็มีกำลังแค่ที่จะป้องกันการระบาดได้บางส่วนเท่านั้น ดังนั้นการปิดท่าเรือจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ที่จะป้องกันเชื้อโรคเข้ามาในประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |