เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุนั้น การทำงานที่รักควบคู่กับการหางานยามว่างทำ ย่อมเป็นสิ่งที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตได้ไม่น้อย เห็นได้จาก คุณสวรรค์ แสงบัลลังค์ วัย 70 ปี ที่อดีตเป็นเลขาธิการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย แต่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ และพ่วงอีกตำแหน่งคือกรรมการบริหารสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย

      คุณสวรรค์ แสงบัลลังค์ ให้ข้อมูลแบบอารมณ์ดีว่า “ตอนนี้คุณสวรรค์ก็จะเลือกออกกำลังกายตามวัยของเรา เพราะอายุ 70 ปีแล้ว ก็จะแกว่งแขนทุกเช้าให้ได้วันละ 500-700 ครั้ง และหลังจากการออกกำลังกายก็จะรู้สึกว่าร่างกายของเรานั้นกระปรี้กระเปร่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็จะชอบเดินออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยประมาณ 5-6 รอบในสวนสาธารณะ ซึ่งก็จะประมาณ 5 กิโลเมตรต่อวัน ในระยะเวลา 40 นาทีครับ ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนมีอายุครับ และเราได้เดินออกกำลังนั้น จะทำให้รู้สึกโล่งและปลอดโปร่ง มันโล่งดีครับ เพราะเราได้หายใจลึกๆ เข้าเต็มปอด นอกจากนี้คุณสวรรค์ก็จะออกกำลังกายบนเตียง โดยการยกแขนขึ้นลง และหันคอไปทางซ้ายและขวา เพื่อช่วยยืดเส้นยืดสายครับ

      ปัจจุบันเมื่ออายุมากขึ้น คุณสวรรค์ก็ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนมากๆ เพราะจะต้องพักผ่อนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง ซึ่งทุกวันนี้จะเข้านอนระหว่างช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม และตื่นระหว่างตี 4- 5 เพราะถ้าเรานอนน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงนั้น จะทำให้เป็นโรคความดันโลหิต และเวียนศีรษะได้

      ขณะที่การเลือกรับประทานอาหารนั้น เนื่องจากคุณสวรรค์เอง ป่วยเป็นโรคเบาหวาน จึงจำเป็นต้องควบคุมอาหาร โดยการลดบริโภคอาหารหวาน และลดการกินอาหารมันจัด เน้นผักผลไม้และปลาเป็นอาหารหลัก ซึ่งผักผลไม้ที่จะรับประทานนั้น ก็ล้างแช่ด้วยน้ำส้มสายชู หรือน้ำด่างทับทิมเป็นเวลา 15 นาทีก่อนบริโภค หรือล้างน้ำเปล่าให้สะอาด เช่น ผักผลไม้ที่คุณสวรรค์ได้ทำสวน และปลูกเองที่อำเภอเมืองโคราช จ.นครราชสีมา ที่สำคัญก็จะรับประทานอาหารเช้ามากๆ ส่วนกลางวันก็รับประทานปกติ ขณะที่มื้อเย็นก็จะรับประทานให้น้อยลง ที่สำคัญคุณสวรรค์จะไม่ดื่มสุราเลย ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นอกจากนี้ก็จะดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ เพราะน้ำอุ่นจะช่วยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี

      “เมื่อเข้าสู่วัยหลัก 7 นั้น การดูแลสุขภาพจิตใจให้เป็นไปตามวัยของเรานั้น คือการไม่เป็นห่วงและไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา เพราะอย่าลืมว่าเมื่อเราเข้าสู่วัยหลัก 6 หลัก 7 แล้ว เราต้องถอดหมวก ถอดยศทุกอย่างออกให้หมด อีกทั้งต้องรู้จักเข้าใจทุกอย่างตามความเป็นจริง เพราะอดีตที่ผ่านมานั้นมักจะตกอยู่ในโลกของการสมมุติ เช่น ทุกวันนี้เวลาที่เห็นเพื่อนจากไป เราต้องมองให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ อย่างล่าสุดเพื่อนป่วยเป็นโรคไต และสุดท้ายก็จากเราไป สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคุณสวรรค์จะบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า ทุกคนย่อมต้องตายด้วยกันทั้งสิ้น หรือแม้แต่ความแก่นั้น ทุกคนก็ต้องเผชิญกับมันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทุกคน ทั้งความแก่และการเสียชีวิต”

      ไล่มาถึงงานอดิเรกของเจ้าตัวนั้น ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ บอกว่า “เมื่อเข้าสู่วัยหลัก 7 แล้ว สิ่งที่คุณสวรรค์คิดว่าจะไม่ทำ คือการทำตัวให้ว่าง เพราะจะทำให้เราเกิดปัญหาสุขภาพด้านต่างๆ ได้ง่าย ตรงกันข้ามเวลาว่างของตัวเอง คือการเขียนกลอน เขียนบทกวี และอ่านหนังสือ รวมถึงการคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ทั้งที่ถูกและผิดของเรา เพราะให้ตัวเองตระหนักในเรื่องที่ทำถูกและผิดเพื่อเป็นบทเรียนในชีวิต อีกทั้งสิ่งที่ไม่เคยลืมคือการที่เราจะน้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้า อย่างเรื่องของหลักปฏิบัติอกาลิโก หรือการที่เราระลึกว่าทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนไม่จีรังยั่งยืน ซึ่งเป็นคำสอนที่ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นถ้าเราพบเจอกับเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ โดยเฉพาะเรื่องของการสูญเสียนั้น เราต้องรู้จักปล่อยวางและแผ่เมตตา ให้กับผู้อื่นในมุมที่เราสามารถทำได้ เพราะมันจะช่วยทำให้จิตใจของเราดี และเป็นสุขได้เช่นเดียวกัน”

      ส่วนเรื่องการทำงานในวัยหลัก 7 นั้น คุณสวรรค์ บอกให้ฟังว่า “ปริมาณงานที่ทำในทุกวันนี้ก็จะลดน้อยลง ซึ่งเป็นงานประชุมตามวาระ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณสวรรค์ทำควบคู่กับการทำงานในวัยหลัก 7 คือ การทำสวนและปลูกต้นไม้ผลไม้อยู่ที่ จ.นครราชสีมา และทุกๆ เดือนก็จะกลับไป 2-3 ครั้ง ซึ่งผลไม้ที่ปลูกมีทั้งกล้วยและผักตามฤดูกาลอย่าง ผักหวานป่า มะกรูด ซึ่งบางครั้งเมื่อกลับมา กทม.ก็นำกล้วยน้ำว้ามาฝากเพื่อนบ้านอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นงานอดิเรกที่สร้างความเพลิดเพลินด้วยการอยู่กับต้นไม้ที่เราปลูก ควบคู่กับการทำงานที่ไม่ได้หนักมากจนเกินไปสำหรับคนวัยนี้”.