เพื่อไทยเปลี่ยนไป สะกดคำว่าคอร์รัปชันออกแล้ว รุมถล่ม "รัฐบาลลุงตู่" อยู่มา 4 ปีโกงไม่ลดมีแต่เพิ่ม เหน็บรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า "ธีระชัย" ตอก "บิ๊กตู่" ห้ามพูดเรื่องโกงเพราะนักลงทุนไม่พอใจ ยันนักลงทุนเกลียดทุจริต ถ้ารัฐบาลไม่เปลี่ยนแนวคิดประเทศล่มจม พบโกงอีกกรมชลฯ โคราช ไม่มีการจ้างแรงงานขุดลอกคลอง แต่เบิกงบฯ

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thirachai Phuvanatnaranubala” ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”  เมื่อค่ำวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าขอให้ประชาชนอย่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องปัญหาการทุจริตกันมากเกินไป  เดี๋ยวจะเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ เพราะนักลงทุนรู้สึกไม่เชื่อมั่น
     นายธีระชัยระบุว่า ผมขอวิจารณ์ว่าแนวคิดอย่างนี้แหละครับ ที่ทำให้ทุจริตคงอยู่คู่ฟ้าไทยมาตลอด และถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ประเทศไทยก็จะล่มจมลงไปพร้อมกับการอุ้มทุจริตอย่างนี้แหละ!
    ขอให้เบาวิจารณ์เรื่องทุจริต เพราะกลัวนักลงทุนหนี!!!
    เรื่องทุจริตนั้น ยิ่งวิจารณ์ ยิ่งดีครับ ในระบบตรวจสอบทุจริต (รวมไปถึงนาฬิกา) เราเจอพฤติกรรมอุ้มสม พฤติกรรมเตะถ่วง และพฤติกรรมแถไปแถมา โดยตัวผมเองประสบด้วยตนเองมาหลายเรื่อง
    ทุกวันนี้ มีข้อกังวลว่าระบบตรวจสอบของเราถูกครอบงำไปเสียหมด ไม่ว่า ป.ป.ช. หรือ สตง. และล่าสุดมีแนวโน้มจะลามไปถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน
    ยิ่งไม่วิจารณ์ ยิ่งไม่จี้ การตรวจสอบยิ่งล่าช้า ยิ่งบูดเบี้ยว และยิ่งทำให้คนทุจริตได้ใจ
    ส่วนนักลงทุนไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาตินั้น ผมเคยสัมผัสนายทุนน้ำดีมามากมาย
    ผมขอยืนยันว่านักลงทุนที่ยึดธรรมาภิบาลในการบริหารธุรกิจ เขากลับเกลียดกลัวทุจริตครับ!
    เพราะมันเปิดให้คู่แข่งของเขา ที่ติดสินบน ที่อาศัยข้าราชการทุจริต มาเอาเปรียบเขาอย่างไม่เป็นธรรมได้ง่าย
    ดังนั้น นักลงทุนที่เดือดร้อนกับการวิจารณ์ทุจริต คือนักลงทุนที่อาศัยระบบอุปถัมภ์ ที่แฝงอยู่เบื้องหลังข้าราชการและรัฐบาลที่ทุจริตนั่นเอง
    นักลงทุนแบบนี้ ท่านนายกฯ โปรดไล่ให้หนีไปจากประเทศไทยเถิดครับ!!!
    ทั้งนี้ ในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวตอนหนึ่งว่า เราพูดเรื่องทุจริตมาก็บ่อยแล้ว หลายคนจะสึกว่าไม่ปลอดภัยกับบ้านเมืองของเราเอง บางครั้งต่างประเทศก็ไม่ไว้ใจ เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะให้ออก ว่าอะไรคือเรื่องของการตรวจสอบ ไม่ใช่พูดกันเสียหาย ก็คงจะมีดีๆ อยู่เยอะแยะ มากกว่าสิ่งที่ไม่ดี ต่างชาติเขาก็ดูอยู่ การลงทุนอะไรต่างๆ ก็กำลังเกิดขึ้น เราอาจจะหวังดี พูดกันไปกันมา บางทีก็เสียหาย ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปทั้งหมด
เพื่อไทยจับโกง?
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข่าวการพบทุจริตในรัฐบาลชุดนี้มีอย่างต่อเนื่อง การที่ท่านบอกว่าไม่มีรัฐบาลไหนตรวจพบทุจริตได้ขนาดนี้ มองมุมกลับการพบทุจริตมากมายขนาดนี้ แปลว่ามีการทุจริตในวงกว้างด้วยหรือไม่ 
    "ที่สำคัญท่านอยู่มาเกือบ 4 ปี ทำไมการทุจริตนอกจากจะไม่ลดกลับมีแต่เพิ่ม ทั้งโกงวัด โกงคนยากไร้ โกงผู้ป่วยเอดส์ โกงเงินเด็ก ที่สำคัญพบทุจริตในกระทรวงหลัก พัวพันกับข้าราชการระดับปลัด รองปลัดกระทรวง รัฐบาลคงจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ยากหรือไม่"
    เขากล่าวว่า ประชาชนมีสิทธิสงสัยว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลย รู้เห็นเป็นใจกับการโกงเหล่านั้นหรือไม่ องค์กรตรวจสอบภาครัฐ และองค์กรอิสระ มีประสิทธิภาพแค่ไหน เมื่อเทียบกับการตรวจสอบภาคประชาชน ใครมีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ตรวจสอบมากกว่ากัน โดยเฉพาะที่ท่านบอกว่าหากพบทุจริตให้ร้องเรียนมาได้ รัฐบาลจะเร่งตรวจสอบและปราบปรามทันที 
    นายอนุสรณ์กล่าวว่า เอาเข้าจริงหลายเรื่องที่ภาคประชาชนร้องมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการเข้ามาทำหน้าที่ของรัฐบาล 3-4 ปี กลับไม่มีความคืบหน้า เช่นกรณีมีกลุ่มนายทหารอ้างชื่อ รมช.ศธ. เพื่อเข้าแทรกแซงคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการ Safe Zone School (ซีซีทีวี) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้เลือกบริษัทที่เป็นพรรคพวกตัวเอง รัฐบาลตรวจสอบไปถึงไหน และจะใช้เวลาอีกนานเท่าใด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชันมีความรุนแรงมากขึ้น อัตราการจ่ายใต้โต๊ะถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปี เงินใต้โต๊ะที่เอกชนจ่ายแตะเฉียด 200,000 ล้านบาท สร้างความเสียหายต่อจีดีพี 0.41-1.23% จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลทำอะไรบ้าง ที่เป็นการเรียกความเชื่อมั่นทั้งจากประชาชนและความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ
     ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้กำลังใจข้าราชการที่สุจริต ขอให้ช่วยกันป้องกันและปิดทางการทุจริตที่มีข่าวเป็นรายวันอยู่ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็อย่าปกป้องผู้ทุจริต ให้การสนับสนุนการตรวจสอบเพื่อลงโทษผู้ทุจริตทั้งทางวินัยและอาญา ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และที่สำคัญควรพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อจัดระบบจัดสรรงบประมาณให้ถูกต้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง
โกงงบฯ ขุดลอกคลอง
    วันเดียวกันนี้ นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์กรณีประชาชนส่งจดหมายร้องเรียนไม่มีการขุดลอกจริง และการจ้างแรงงานจริงในโครงการแก้มลิงของสำนักชลประทานที่ 8 อ.เมืองฯ  จ.นครราชสีมา แต่มีการเบิกงบประมาณว่า ได้สั่งการให้นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว และกำชับอย่าให้มีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในทุกโครงการ
       โดยนายทองเปลวชี้แจงว่า ได้ให้ ผอ.สำนักชลประทานที่ 8 ได้เร่งตรวจสอบอยู่ แม้จดหมายนี้ร้องเรียนไม่เป็นทางการ ลักษณะเป็นบัตรสนเท่ห์ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมามีการร้องเรียนเข้ามาหลายโครงการ และตนได้ตรวจสอบทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง มีการลงโทษทั้งภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ปลดออก ไล่ออกจากราชการ
      อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ความผิดส่วนใหญ่เกิดจากความสะเพร่าความประมาท ไม่รอบคอบ แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจงใจใดๆ ทั้งสิ้นให้เกิดทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งโครงการมีปัญหาไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของโครงการจำนวนมากทั่วประเทศ โดยโครงการที่เกิดปัญหาเป็นเรื่องในขั้นตอนการปฏิบัติงาน บางโครงการต้องเปลี่ยนแนวทางขุด มีชาวบ้านคัดค้าน ซึ่งตามเงื่อนไขต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบกำลังส่งเรื่องให้ตรวจรับระหว่างนั้นก็ทำไปขณะแก้ไขแบบไปด้วย โดยเจตนาให้งานทำเสร็จทันเวลา แต่ก็ผิดขั้นตอน พอมีคนไปเห็น ก็โดนร้องเรียนว่าทำไม่ตรงสัญญา ซึ่งทุกโครงการงานสำเร็จทั้งหมด
        นายทองเปลวกล่าวว่า โครงการชลประทานมีจำนวนมากในแต่ละปี การดำเนินงานมีกรอบปฏิบัติชัดเจนตรวจสอบในเชิงกฎหมาย กว่าจะผ่านในเรื่องทีโออาร์ อีบิดดิ้ง เมื่อได้ผู้จ้างมา มีคณะกรรมการตรวจการจ้าง ทุกโครงการทำตามระเบียบกฎหมาย รมว.เกษตรฯ ท่านกำชับอย่าให้มีปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ทุกโครงการส่งเรื่อง สตง. การจ้างมีหน่วยงาน สตง. ไปตรวจสอบ ถ้าประชาชนสงสัย ส่งเรื่องไปศูนย์ดำรงธรรม หรือมาที่กรมชลประทาน จะมีหน่วยงานสอบภายในรับเรื่องร้องเรียนโดยเฉพาะ
       "ที่ผ่านมาตรวจสอบเจอปัญหาได้ลงโทษไปแล้วหลายโครงการ โดยระบบของกรมชลประทานมีการตรวจสอบ มีขั้นตอนการปฏิบัติ ชัดเจนโปร่งใส รวมทั้งหน่วยงานรัฐมีกติกาปฏิบัติทางกฎหมายให้หลายหน่วยงานเข้าร่วมตรวจสอบก่อนผ่านโครงการ ทั้งภาคประชาชน สื่อโซเชียลมีเดีย เยอะแยะในพื้นที่ ไม่มีใครกล้าประพฤติมิชอบ" นายทองเปลวกล่าว
    นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเอกสารย้อนหลัง ได้พบหลักฐานการเบิกเงินในปีช่วงปี 2551, 2553 และ 2560 ที่เข้าข่ายอาจมีการทุจริตเพิ่มเติม โดยพบว่ามีเงินหายไปอีกประมาณ 30 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเงินที่หายไปเป็นเพราะการทุจริตทั้งหมดหรือไม่ เพราะยังหาเอกสารที่เกี่ยวข้องอีกส่วนหนึ่งไม่ครบ และยังต้องเรียนบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนต่อไป.