ต้อง “ซูฮก” ให้บิ๊กแดง “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” เสียจริงๆ เพราะหลัง แถลงถึงเหตุการณ์ “จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา” นายทหารสังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ปล้นอาวุธไปก่อเหตุสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่จนมีผู้เสียชีวิต 30 รายและบาดเจ็บ 58 ราย โดยมีเสียงสะอื้นและหลั่งน้ำตาขณะแถลงข่าวจนถูกขาเมาธ์มอยว่ายิ่งกว่าดาราที่ควรได้รางวัล “ออสการ์” ก็นึกว่า “บิ๊กแดง” จะปล่อยให้ผ่านเลยเหมือนทุกครั้งที่แถลงแล้วโยนระเบิดลูกใหญ่ ลง จะไม่มีการต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก ...๐
แต่ที่ไหนได้ “ผบ.ทบ.” กลับมีการยิ่งขีปนาวุธซ้ำเข้าให้หลังการทดสอบร่างกายประจำปี 2563 ครั้งที่ 1 ที่ได้ เดินจูง “ซีบร้า” สุนัขทหารพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดมาเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อตอบโต้บรรดาเกรียนคีย์บอร์ดและกระแสโซเชียลกรณีหลั่งน้ำตาว่า “ถ้าเจ้าซีบร้า สุนัขทหารตัวนี้พิมพ์ทวิตเตอร์เป็น เล่นเฟซบุ๊ก เล่นไอจีได้ คงสนุกแน่ ถ้าเจ้าซีบร้าอ่านหนังสือออก มันคงมองเห็นพวกที่โพสต์ข้อความที่สร้างให้เกิดความเกลียดชังกันในระหว่างเพื่อนมนุษย์ โพสต์ข้อความชังชาติ เจ้าซีบร้าก็คงอยากเป็นซีบร้าเหมือนเดิม คงกลัวที่จะกลายเป็นมนุษย์พวกนั้น” เจ็บกระดองใจ อายหมากันไหมละเนี่ย ...๐
งานนี้ต้องยกข้อเขียนของ “ท่านขุนน้อย ณ ลีลาแห่งบุปผากระบี่” ที่ตีพิมพ์ใน “ไทยโพสต์” ฉบับวันจันทร์ที่ 10 ก.พ. ในหัวข้อ “สังคมไทยที่เราเริ่มไม่รู้จัก” ว่าจริงเสียยิ่งกว่าจริง เพราะก่อนหน้านี้หากมีโศกนาฏกรรม หรือภัยธรรมชาติที่รุมเร้าคนไทย เราก็มักรวมเป็นหนึ่ง เพราะ คำนึงถึงความเป็น “ชาติ” มากกว่าความรักชอบส่วนตัว แต่ในยุคปัจจุบันที่กำลังเข้าสู่ยุค 5 จี กลับกลายเป็นว่าการเอาชนะคะคาน การยึดอัตตาเอาชนะเหนือกว่าคำว่า “ชาติ” เสียแล้ว ซึ่งสะท้อนได้จากทั้งเหตุการณ์ PM 2.5 ไล่มาถึง “COVID-19” และล่าสุดคือกรณีกราดยิงที่โคราช ...๐
แทนที่ คนไทยแห่งยิ้มสยามจะช่วยกันคนละไม้คนละมือเหมือนตอน “น้ำท่วมใหญ่” แต่ที่ไหนได้ต่างสรรหาและโยนบาปไปที่รัฐบาล โดยเฉพาะตัว “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือกรณีล่าสุด คือ “พล.อ.อภิรัชต์” ...๐ ไม่ปฏิเสธว่า “ผู้นำ” ต้องมีส่วนในการแสดงความรับผิดชอบ แต่ก็ต้องจำแนกแยกแยะ ไม่ใช่ว่าเป็นกระทั่งเรื่อง “ตด” หรือหายใจเข้า-ออก ก็เป็นความผิดแล้ว จนลืมรากเหง้าความเป็น “สยามเมืองยิ้ม” หรือใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ เพราะในยุคนี้เป็น “สังคมที่เราเริ่มไม่รู้จัก” กันแล้ว เพราะขนาดกินข้าวหม้อเดียวกันคือ “ภาษีประชาชน” อย่างทั่นผู้แทนราษฎรทั้งหลาย ที่มุ่งแต่จะล้มล้างกันให้ตายกันไปข้าง ทั้งที่พร่ำบ่นบอกว่าเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ...๐
นับวันต้องบอกว่า ฝ่ายค้านภายใต้ผู้คุมเรือธงอย่าง “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ออกทะเลไปเรื่อยๆ แล้ว เพราะในกรณีร่างกฎหมายงบประมาณ วิปฝ่ายค้านก็เคาะออกมาว่าจะอยู่เป็นองค์ประชุมให้ครบ แต่จะไม่ร่วมในญัตติ 2 และ 3 เพราะเกรงหมิ่นเหม่ที่จะผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 143 ที่เขียนไว้ให้พิจารณาให้เสร็จใน 105 วัน!!! พระเจ้าจอร์จตอน “วิษณุ เครืองาม” กูรูกฎหมายได้เคยเกริ่นมาตราดังกล่าวไว้ บรรดาฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายหายใจก็ผิดต่างโจมตี “ศรีธนญชัยลอดช่อง” กันทั่วถ้วน ว่าไม่เข้าข่าย ใช้ช่องนี้ไม่ได้ แต่ยามนี้กลับมาอ้างมาตราดังกล่าวสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองเสียอีก งานนี้ต้องบอกว่ายิ่งกว่าเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นเสียนี่กระไร ...๐
ก็ไม่แปลกใจเท่าใดนัก เพราะพรรคฝ่ายค้านยามนี้มือกฎหมายทั้งหลายแหล่ก็แทบไม่ได้เข้ามาสู่สภาผู้แทนฯ กันเลย เมื่อ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ชี้นกชี้ไม้อย่างไร บรรดาวิปฝ่ายค้านก็ได้แต่ผงกหัวรับกัน นั่นแล ทั้งที่ลองดูโปรไฟล์มือกฎหมายจากฝรั่งเศสรายนี้ หากแม่นฉมังในด้านกฎหมายจริงแท้ จะมีสารพัดเรื่องรุมเร้าพรรคส้มหวานเหรอ แล้วก็อย่าอ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือตัดตอนพรรค เพราะทั้งหลายทั้งมวลตั้งแต่การถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรค จนมาถึงการกู้เงินหัวหน้าพรรคนั้น ทำตัวเองทั้งนั้น ไม่เชื่อ ถามใจพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหลายเองว่าเคยคิดกู้เงิน “นายใหญ่-นายหญิง” มาดำเนินกิจกรรมการทางการเมืองหรือไม่ตั้งแต่ใช้ชื่อพรรคไทยรักไทยจนมาถึงเพื่อไทย เพราะหากทำได้ไม่ผิด กฎหมายระดับอัศวินคลื่นลูกที่สามจะไม่รู้เลยหรือว่าทำได้จ๊ะ ...๐
..ท.ศักดิ์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |