12 ก.พ.2563- นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา ว่าคงไม่สามารถพูดได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนอะไรกับประเทศเราบ้าง อยากให้พวกเราวิเคราะห์กันเองว่าเป็นอย่างไร ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น และไม่เคยมีในหลายประเทศ บางประเทศอาจจะมีบ่อยที่เกิดเหตุในโรงเรียน ในวัด หรือในผับ แต่ในเมืองไทยไม่เคยมีขนาดนี้ พูดได้แค่นี้ อย่างอื่นเห็นกันหมดทุกคนแล้ว วิเคราะห์กันเอง อย่าเพิ่งไปพูดว่าเกิดจากระบบ หรืออะไร เพราะเราไม่รู้จริง อย่าเพิ่งไปพูด
ผู้สื่อข่าวถามถึงเงินกองทุนสาธารณะสามารถนำมาช่วยตรงนี้ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เงินกองทุนนี้เป็นกองทุนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน แต่ ครม.ได้มีมติว่ากองทุนนี้อาจจะแคบไป จึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาใหม่กรณีที่ จ.นครราชสีมา มีตนเองเป็นประธาน โดยจะดูว่ากรณีที่เป็นตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร หรือกรณีเป็นราษฎรประสบเหตุ เช่น อุ้มลูก จูงหลานไปเดินห้าง เราจะช่วยเหลืออย่างไร จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามที่ระบุ โดยกรณีเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ทหาร พลเรือน ถ้าเสียชีวิต เราจะช่วยเหลืออย่างไร ถ้าบาดเจ็บสาหัสช่วยเหลืออย่างไร และถ้าบาดเจ็บแต่ไม่สาหัสจะช่วยเหลืออย่างไร และสุขภาพจิต บางทีเขาไม่บาดเจ็บแต่เสียขวัญ ขวัญหนีดีฟ่อหรือบาดเจ็บนิดเดียว แต่มีปัญหาสุขภาพจิต ก็ต้องมาดูว่าจะดูแลอย่างไร ส่วนกรณีที่เป็นราษฎรนั้น เราจะดูแลในแบบเดียวกันทั้งกรณี เสียชีวิต บาดเจ็บสาหัส บาดเจ็บไม่สาหัส และสุขภาพจิต รวมถึงต้องดูเรื่องทรัพย์สินที่เสียหาย ที่ผ่านมาไม่เคยมีระเบียบเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินมาก่อน ต้องมาดู
เมื่อถามว่า เราต้องกันเงินไว้ขนาดไหน หรือจะเอาตามความเป็นจริง นายวิษณุ กล่าวว่า เราต้องมาดูก่อนว่า เป้าหมายที่เราจะช่วยเหลือมีมากน้อยแค่ไหน เกณฑ์ในอดีตเป็นอย่างไร ในอดีตมีรัฐบาลบางชุดตั้งเกณฑ์ช่วยเหลือไว้สูงกับกรณีแบบนี้ช่วยรายละ 7 ล้านบาท เรื่องนี้คดียังอยู่ในป.ป.ช. ยังไม่จบเลย ตอนหลังก็มีการแก้ไขเรื่องนี้ ต้องรอดูต่อไปว่าจะช่วยเหลืออย่างไร
นายวิษณุ กล่าว่า การช่วยเหลือนั้นมีอยู่ กฎหมายมีอยู่แล้ว อย่างน้อย 2 ฉบับ 1.กฎหมายเกี่ยวกับสงเคราะห์ผู้ประสบภัยของกระทรวงการคลัง แต่ให้ไม่มาก และ 2.กฎหมายที่เกี่ยวกับผู้เสียหายของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งช่วยเหลือไม่มากเช่นกัน แต่เมื่อเอาสองส่วนรวมกันจะมากหน่อย นอกจากนี้ ยังมีระเบียบสำนักนายกฯ เกี่ยวกับกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย สาธารณะภัย ซึ่งครอบคลุมกรณีที่เกิดขึ้น และยังมีระเบียบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หนักไปทางเอากระเช้าไปให้ เอาจิตแพทย์ไปเยี่ยมไปตรวจสุขภาพให้ทุกเดือน แต่ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะมีของเขาต่างหาก ทั้งตำรวจ ทหาร ซึ่งกรณีเสียชีวิต จะรับเงิน 7 เท่าของเงินเดือน ได้รับการเลื่อนยศ และรับบุตรคนหนึ่งเข้ารับทำงานในหน่วยงานนั้นโดยไม่มีเงื่อนไข โดยในที่ประชุมครม.คิดกันว่า พอเกิดเหตุที่ข้าราชการและราษฎรเสียชีวิต พ่อค้าแม่ค้าเสียชีวิต มันควรมีการเปรียบเทียบให้สมน้ำสมเนื้อกันพอสมควร ดังนั้น จึงต้องตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมา
เมื่อถามว่าวงเงิน 1 ล้านบาทสำหรับกรณีนี้ จะเทียบได้กับเหตุการณ์ที่มีผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ราชประสงค์หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อคราวราชประสงค์เราให้คนไทย 1 ล้านบาท เนื่องจากเราไม่มีอย่างอื่นให้ ซึ่งเงิน 1 ล้านบาท คนที่เสียชีวิตควรได้รับ แต่เราไม่ต้องไปสนใจว่าเงินนี้มาจากไหน เพราะความจริงแล้ว มันอาจจะมาจากกองทุนต่างๆ รวมกันจนครบ 1 ล้านบาท
เมื่อถามว่า ครั้งนี้เท่าที่มีการพิจารณาจะได้สูงสุดต่อรายจำนวนเท่าไร นายวิษณุ กล่าวว่า ครั้งนี้เราตั้งใจจะให้สูงสุดเท่าที่สามารถให้ได้ตามระเบียบ โดยนำเงินทุกก้อนมารวมกัน แต่ไม่นับรวมของหน่วยงานหรือองค์กรอื่นๆ เช่น ธนาคารกรุงไทย ที่จะช่วยผู้รับผลกระทบที่เป็นลูกค้าธนาคาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เงินในส่วนของรัฐที่จะนำไปช่วย มาจาก งบประมาณ เงินกองทุน และเงินบริจาค และทราบมาว่า ปลัดกระทรวงการคลังแจ้งว่า มีรัฐวิสาหกิจรวบรวมเงินได้หลายล้านเพื่อมอบเป็นกรณีพิเศษ แต่เราไม่อยากเอาเงินส่วนนี้มารวมกับกองทุน กลัวติดปัญหาเรื่องเอาเงินออก อาจจะต้องตั้งเป็นระเบียบใหม่ ส่วนขั้นตอนจ่ายเงินเยียวยาต้องเร่งรัดให้เร็วขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้ทำงานไม่กี่วันก็คงจบภารกิจ แต่หลังจากนี้ อาจต้องไปปรับปรุงระเบียบสำหรับกรณีต่อไปในอนาคต มันน่าจะเริ่มเป็นมาตรฐานแล้ว ให้มันครอบคลุมหลายๆ ด้าน เช่น ครอบคลุมถึงธุรกิจการค้าต่างๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |