คุมมาตรฐานสื่อ เสนอข่าวในวิกฤติ จับมือโพสต์ป่วน


เพิ่มเพื่อน    

    "ฐากร" ชง กสทช.ยึดแนวทางอเมริกา กำหนดมาตรฐานรายงานข่าวของสื่อในเหตุสะเทือนขวัญ งดไลฟ์สด-คลิปตื่นเต้น ป้องพฤติกรรมเลียนแบบยกคนร้ายเป็นฮีโร่ จับหนุ่มเกรียนชัยภูมิ-โจ๋ร้อยเอ็ดวัย 16 โพสต์ล้อเหตุโคราช กอ.รมน.ภาค 4 สน.โต้เฟกนิวส์ป้ายสีเหยื่อกราดยิง
    เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสื่อมวลชนบางรายนำเสนอรายงานสดเหตุการณ์ที่คนร้ายกราดยิง รวมถึงการรายงานแผนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติการจับกุมคนร้ายที่ จ.นครราชสีมา สำนักงาน กสทช.ตระหนักถึงความเสียหายจากการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสถานีโทรทัศน์ในลักษณะดังกล่าว 
    ทั้งนี้ เมื่อได้ศึกษาข้อมูลที่มีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะเดียวกันของสื่อมวลชนในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา กรณีเหตุการณ์ยิงกราด เหตุการณ์สะเทือนขวัญต่างๆ และหลักการนำเสนอข่าวสารลักษณะนี้ของสื่อมวลชนที่องค์การอนามัยโลกได้เคยให้ไว้ พบว่าหลายประเทศมีการเลิกนำเสนอรูปคนร้ายในสื่อ เลิกการรายงานสดเหตุการณ์ ยกเลิกการนำเสนอคลิปเหตุการณ์สะเทือนขวัญต่างๆ แล้ว เพราะในต่างประเทศมีผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาและอาชญาวิทยาออกมาเตือนถึงการนำเสนอข้อมูลข่าวสารแบบนี้ ว่าอาจนำไปสู่พฤติกรรมการเลียนแบบ ซึ่งจากผลการศึกษาจำนวนมากพบว่าข้อสันนิษฐาน ข้อสังเกตที่ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาและอาชญาวิทยาเหล่านั้นออกมาเตือนนั้นเป็นความจริง
    นายฐากรกล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ยิงกราด เหตุการณ์สะเทือนขวัญต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและองค์การอนามัยโลกข้างต้น ที่การนำเสนอข่าวสารเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรมีการนำเสนอภาพคนร้าย รายละเอียด แผนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คลิปเหตุการณ์สะเทือนขวัญต่างๆ เพราะจะทำให้คนร้ายทราบข้อมูลในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบให้เจ้าหน้าปฏิบัติงานได้ยากขึ้น ทำเหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ และไม่ควรนำเสนอข่าวถี่จนเกินไป ไม่ควรลงข่าวโดยใช้พาดหัวตัวโตๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่นำเสนอข่าวดัดแปลงให้มีลักษณะน่าตื่นเต้นเร้าใจ ไม่ลงลึกในรายละเอียดทุกขั้นตอนว่าฆ่าตัวตายยังไง ไม่ลงรูป หรือลงคลิปมาก โดยเฉพาะกรณีการนำเสนอข่าวบุคคลที่มีชื่อเสียงดารา ยิ่งต้องใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวมากเป็นพิเศษ 
    นอกจากนั้นยังไม่ควรลงชื่อคนร้ายในสื่อ หรือลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่าให้พื้นที่สื่อกับคนร้าย อย่าขุดคุ้ยเรื่องราวของคนร้ายมานำเสนอให้คนสนใจตื่นเต้นจนเกินเหตุ เพื่อให้ขายข่าวได้ และอย่าลงการแถลงคำพูด คำสารภาพผิดของคนร้าย ต้องไม่ให้ความสำคัญกับคนร้ายจนคนร้ายกลายเป็นฮีโร่ ซึ่งจะนำแนวทางดังกล่าวเสนอที่ประชุม กสทช.เพื่อพิจารณาใช้เป็นแนวทางในการทำข่าวลักษณะนี้ต่อไป
    ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส เปิดเผยว่า ตามที่ประชาชนส่งข้อมูลร้องเรียนเข้ามาผ่านทางหลายช่องทาง ดีอีเอสร่วมกับกองบังคับการการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และตำรวจในพื้นที่  สภ.เมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ นำโดย พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ร่วมกันติดตามเข้าตรวจสอบ และเมื่อเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมาได้เข้าจับกุมตัวนายพีรพัฒน์ ชูแสง อายุ 28 ปี ที่ อ.เมืองชัยภูมิ ผู้ต้องหากระทำความผิดนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 
    โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้โพสต์ข้อความ "เทอมินอล 21 โคราช มาละ เดียวผม โรบินสัน ชัยภูมิ อย่าดูถูกความรู้สึกที่ที่มีให้ หมาจนตรอก มันไม่รู้คุนคัยหรอก" ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้จากการสอบปากคำในเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับสารภาพ โดยโพสต์ข้อความเพราะเมาและทะเลาะกับแฟน ขณะนี้ได้ส่งตัวดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
      พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การกระทำของหนุ่มชัยภูมิดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง จึงอยากให้ผู้ที่กระทำคำนึงถึงความรู้สึกของญาติผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต หากเป็นญาติตัวเองจะรู้สึกอย่างไร ไม่ควรนำเอาความสูญเสียมาทำเป็นเรื่องล้อเล่น  ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนที่อาจทำด้วยความคึกคะนองหรือทำให้คนอื่นตกใจ มีความผิดทางอาญาฐานทำให้ผู้อื่นตกใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท, นำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงฯ, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ใดๆ  อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ที่ จ.ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร้อยเอ็ดได้จับกุมนายบอย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ซึ่งได้โพสต์เฟซบุ๊กภาพมือถือคล้ายอาวุธปืนและข้อความว่า "โคราช ก็เกิดแล้ว ต่อไปร้อยเอ็ดคับ เดี๋ยวหมาจนตรอกอย่างผมจะทำมันเอง บิ๊กชีร้อยเอ็ด" โดยเป็นนักมวยที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง ที่ ต.บ้านดู่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ทั้งนี้นายบอยให้การว่าเห็นคนโพสต์เหตุการณ์ที่นครราชสีมา และเห็นวัยรุ่นโพสต์ที่ชัยภูมิ ว่าจะก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้าชัยภูมิ ก็เลยนึกสนุกโพสต์เล่นๆ เลียนแบบว่าจะก่อเหตุที่ห้างดังของจังหวัดคือบิ๊กซีบ้าง จึงนำปืนของเล่นมาต่อกันเป็นด้าม จากนั้นตั้งกล้องถ่ายภาพตัวเองแล้วโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊ก
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร้อยเอ็ดได้แจ้งข้อหาแก่นายบอย 3 ข้อหา คือทำความผิดส่งข้อความอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์/โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเข้าทางคอมพิวเตอร์ และกระทำให้ประชาชนตกใจกลัว เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน แต่เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเยาวชนอายุเพียง  16 ปี หลังจากการสอบสวนปากคำแล้วจะนำตัวส่งเข้าสถานพินิจเพื่อลงโทษต่อไป
    วันเดียวกัน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกรณีผู้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก PataniPeace ถึงสาเหตุที่ ร.อ.ศิริวิวัฒน์ แสงประสิทธิ์ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่  4914 ถูกยิงในเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมาว่า "ได้ไปโกงเงินทหารยศสิบโท ที่โคราช เรื่องขายที่ดิน จนถูกยิงตายทั้งบ้าน 3 ศพ รวมทั้งเป็นผู้บงการสั่งฆ่าและโกงเงินประชาชนในพื้นที่ จชต." ซึ่งโพสต์ดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหา ร.อ.ศิริวิวัฒน์อย่างไร้เหตุผล ทำให้ผู้เสียชีวิตและครอบครัวได้รับความเสียหาย 
    จึงขอชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจาก ร.อ.ศิริวิวัฒน์ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาให้ลาพักตามวงรอบจำนวน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-15 ก.พ.63 เพื่อไปดูแลมารดาซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่หมู่บ้านอาภาภร 2 อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และพาครอบครัวไปพักผ่อนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงรุ่น ในระหว่างขับรถยนต์เดินทางถึงบริเวณวัดป่าศรัทธารวม ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา ได้ถูกจ่าสิบเอกจักรพันธ์กราดยิงจนเสียชีวิต โดยที่ ร.อ.ศิริวิวัฒน์และจ่าสิบเอกจักรพันธ์ไม่ได้มีความรู้จักและสนิทสนมกันมาก่อน ส่วนเรื่องที่กล่าวอ้างว่า ร.อ.ศิริวิวัฒน์มีความพฤติกรรมชั่วร้าย  พูดจาไม่สุภาพกับประชาชนนั้นไม่เป็นความจริง จากการสอบถามผู้ใกล้ชิดรวมถึงผู้บังคับบัญชาโดยตรง  พบว่า ร.อ.ศิริวิวัฒน์เป็นเจ้าหน้าที่ที่ชาวบ้านในพื้นที่ยกย่องชมเชยอยู่เสมอว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก ดูแลใส่ใจทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"