10 ก.พ.63 - เฟซบุ๊ก Rattiya Peafen Says ได้โพสต์บันทึกเหตุการณ์ขณะที่ติดอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 (Terminal 21) จังหวัดนครราชสีมา โดยมีรายละเอียดดังนี้
บันทึก 8 ก.พ. #จากคนกลุ่มแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวและครั้งแรกที่ปะทะกับผู้ก่อเหตุ
- เมื่อวาน เราไปเทอร์มินอลตอนบ่ายโมงกว่าๆ กะว่าสัก 6 โมงเย็นค่อยกลับบ้าน ซึ่งทางกลับโดยปกติคือชั้น G ประตูทางออกที่ 1 วันนั้นคนเยอะมาก เพราะเป็นวันเสาร์และทางห้างจัดงานมาฆบูชา พ่อแม่ลูกพากันมากินเที่ยวช้อปแบบสนุกสนาน
- จนกระทั่งตอน 6 โมงเย็น ระหว่างกำลังเดินไปประตูทางออก พร้อมชานมไข่มุกฟุกุที่ซื้อจากชั้น LG และผ้าเช็ดตัวนาโนที่ซื้อจากร้านของ 3 พ่อแม่ลูก นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ซื้อของกับเขาและได้คุยกับเขา (ใช่ค่ะ... ทั้ง 3 คนขายเครื่องนุ่งห่มอยู่ที่ชั้น LG ถูกผู้ก่อเหตุเจอ และถูกยิงตายทั้งหมด น้องกำลังอยู่ในวัยน่ารักเลย)
- ระหว่างถึงทางออก อยู่ๆ คนที่อยู่ด้านหน้าทางออก ก็พากันวิ่งเข้ามา เราสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ถึงกับตกใจ คิดว่าอุบัติเหตุธรรมดา แต่มีพี่ รปภ.วิ่งมาบอก “น้อง !! ไปหาที่หลบ มีคนยิงกัน” (พี่ รปภ. คนนั้น ต่อมาทราบชื่อว่าเป็นนายอำนาจ บุญเกื้อ เป็น 1 ใน ผู้เสียชีวิตเช่นกัน พี่เขาทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิตจริงๆ หนูจะขยันตื่นเช้ามาทำบุญให้พี่เยอะๆ ตอนนั้น ถ้าพี่ไม่มาบอก คงเดินออกไปแล้วโดนผู้ก่อเหตุยิงทิ้งไปแล้ว)
- หลังจากได้รับแจ้งว่าออกไปไม่ได้ และคนก็เริ่มวิ่งเข้ามาในห้างเยอะขึ้น เราก็วิ่งตาม เหมือนพวกมากลากไป ระหว่างที่วิ่ง มีเสียงตะโกนว่า "ปิดประตูๆๆ" เราเห็นประตูเหล็กของร้านแต่ละร้านเริ่มเลื่อนลง
- ตอนนั้น พยายามตั้งสติและคิดว่าจะเข้าไปหลบในห้องน้ำหญิง หรือหลบอยู่ในร้านที่มีประตูเหล็ก จังหวะนั้นมีพนักงานร้านกวักมือเรียกให้รีบเข้ามา “น้อง มานี่” เราเลยได้เข้าไปหลบที่ร้านเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง (ใกล้ๆ Eveandboy ซึ่งตอนนั้นคนกรูเข้าไปหลบใน Eveandboy เยอะมากก)
- พอเข้ามาหลบในร้านเสื้อผ้าพบว่า มีคนหลบอยู่ 3 คน พนักงาน 2 คน และเรา 1 คน (เห็นจำนวนแล้วรู้สึกใจแป่วมาก แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียว)
- พวกเราหลบอยู่ภายในกันสักพัก หลังประตูเหล็ก รอจนกว่าสถานการณ์จะสงบ (ตอนนั้นไม่คิดว่าสถานการณ์ที่ตัวเองเจอจะเลวร้ายขนาดนี้)
- จนกระทั่ง น้องพนักงานเล่นโซเชียลแล้วเอาข่าวมาให้ดู (ชิบหายมาก มันไม่ใช่เรื่องทะเลาะแล้วยิงกัน แต่ผู้ก่อเหตุตั้งใจจะมาฆ่าทุกคนที่เจอในห้าง ตอนนั้นรู้เลยว่า ชีวิตเราไม่ปลอดภัยแล้ว จากที่แพลนไว้ว่าจะตายตอนอายุ 60 - 70 ปีท่ามกลางลูกๆหลานๆ ตอนนี้ต้องมาแพลนว่าจะทำยังไงถึงจะมีรอดชีวิตในวันนี้ไปให้ได้)
- เวลา 18.50 น. ข่าวเริ่มออก และแม่โทรมา แม่เสียงสั่น กลัว พูดไปร้องไห้ไป เราได้ยินแล้วน้ำตาคลอเลย "เฟิร์น หนูอยู่ไหนลูก" เราบอกว่า "หนูปลอดภัย ไม่ต้องห่วง อยู่กับพี่ๆอีก 2 คน แม่ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ก็มาช่วยแล้ว" เราพูดไปโดยที่ไม่ทราบเลยว่า จะมีคนมาช่วยมั้ย และจะได้กลับไปในสภาพไหน คือ ตอนนั้นเห็นข่าวก็กลัวมาก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เคยดูแต่ในหนัง พยายามหาทางออกและติดต่อคนข้างนอกเรื่อยๆ
- 19.30 น. เราพยายามเช็คข่าวเรื่อยๆ ว่าเจ้าหน้าที่เริ่มเข้ามาคุมสถานการณ์หรือยัง เริ่มมีเพื่อนๆ อาจารย์ น้องๆ ทัก Inbox เข้ามา แต่ไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องเซฟแบตโทรศัพท์เอาไว้
- พี่ๆที่อยู่กับเราเริ่มโทรหา 191 (สายไม่ว่าง) เราก็พยายามดูโซเชียลว่ามีเบอร์ติดต่อช่องทางไหนอีกบ้าง จนมาเจอโพสต์ของจ่า เราเลยโพสต์ขอความช่วยเหลือทางคอมเม้นท์ หลังจากนั้นหนักกว่าเดิม นักข่าวช่อง.... Inbox จะโทรมาขอสัมภาษณ์ คนในโซเชียลเริ่มติดต่อเข้ามาให้ความช่วยเหลือว่าควรทำตัวยังไง เราบอกว่าเราอยู่หลังประตูเหล็ก พี่ใน Inbox คนหนึ่งแนะนำว่าให้หมอบและถอยออกจากประตูเหล็กให้มากที่สุดเดี๋ยวนี้ เพราะมันเสี่ยงสูงที่ผู้ก่อเหตุจะยิงทะลุเข้ามา และให้ปิดไฟ หรี่แสงไฟทางโทรศัพท์ให้มืดที่สุด อยู่ให้เงียบที่สุด อย่าเคลื่อนย้ายไปไหน เพราะอาจไปจ๊ะเอ๋กับผู้ก่อเหตุได้
- หลังจากได้รับคำแนะนำจากโซเชียล เรากับพี่ๆ เริ่มเคลื่อนย้ายตัวเอง เข้าไปด้านในโกดังร้าน แต่ในโกดังแคบและเล็กมาก ยิ่งพอรู้สึกกลัว ตกใจ มันหายใจแรงขึ้น ถี่ขึ้น นั่งแย่งอากาศกันอยู่ 3 คน เหมือนอากาศเริ่มถ่ายเทไม่สะดวก ตอนนั้นเริ่มคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องหาที่ซ่อนที่อื่นๆ (รู้สึกโชคดีที่เลือกไม่เคลื่อนย้ายตัวเองออกไป)
- 19.45 เบอร์แม่โทรมาอีกครั้ง แต่พ่อเป็นคนพูด เราเลยถามว่า “แม่เป็นไงบ้าง หนูไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องห่วง” (เพราะแม่เป็นคนตกใจง่ายมาก อะไรนิดอะไรหน่อย นางเป็นลมไปเลย) พ่อบอกตอบกลับมาว่า “แม่เป็นลมไปแล้ว ร้องไห้จนเป็นลมไปเลย” (เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ) เลยบอกพ่อว่า “ดูแลแม่ดีๆนะ เดี๋ยวลูกก็กลับแล้ว” ทั้งที่ใจตัวเองคือกลัวมาก แต่ไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วง เพราะเหตุการณ์นี้มันแย่มากจริงๆ
- เราติดต่อเจ้าหน้าที่ตามเบอร์ที่จ่าโพสต์ เจ้าหน้าที่ให้ส่งเบอร์โทร ที่อยู่ และคุยผ่านทาง Inbox เพื่อป้องกันผู้ก่อเหตุได้ยินเสียง สถานการณ์ตอนนั้นคือ ทั้งห้างเงียบมากกกกก เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น จะขยับตัวหรือทำอะไร ต้องเบาให้มากที่สุด แถมมีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ ประมาณ 4-5 นัด
- ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มารับตัวออกไป เป็นช่วงที่ทรมานและลุ้นระทึกที่สุด ในข่าวออกว่าผู้ก่อเหตุอยู่ชั้น 4 แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย... เขาเดินตามหาคนซ่อนตัวทุกๆชั้น ตั้งแต่ชั้นใต้ดินจนถึงชั้น 4 แล้วก็เดินวนกลับมาใหม่ ทุกครั้งที่เขาเดินจะมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ตลอด พร้อมกับเสียงดนตรีในโทรศัพท์ เดินไปเปิดเพลงไป แต่มันช่วยให้เราทราบว่าตอนนี้เขาเดินอยู่ตรงไหน อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล
- ผู้ก่อเหตุเดินผ่านร้านที่เราซ่อนตัวอยู่ 2 – 3 ครั้ง เราพยายามเงียบให้มากที่สุด ภาวนาอย่าให้เขาหยุดตรงนี้ 2 ครั้งแรกเขาเดินผ่านไปเหมือนหาคนซ๋อนตัว แต่... ในครั้งที่ 3 พอเดินผ่านไปสักพัก ได้ยินเสียงตะโกนว่า “นั่ง !!!!” แล้วตามด้วยเสียงปืน ปังๆๆ ประมาณ 3-4นัด ตอนนั้นภาวนาว่า เสียงนั้นอย่าให้เป็นเสียงยิงคน สุดท้ายก็ทราบว่า เสียงนั้น ผู้ก่อเหตุเจอคนซ่อนตัวอยู่ เขาสั่งให้ออกมา แล้วยิงทิ้งตรงนั้นเลย 2 ศพในชั้น G
- เราซ่อนตัวเรื่อยๆ รอเจ้าหน้ามารับ คิดอะไรหลายๆอย่าง นั่งดูโซเชียลก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ นั่งพิมพ์เอกสารบางอย่างที่ระบุธุรกรรมทางการเงิน หากเป็นอะไรไป พ่อกับแม่จะได้ทราบและเอาไว้ใช้ได้ ตอนนั้นสิ้นหวังมาก เพราะผู้ก่อเหตุเริ่มยิงประตูเหล็ก หาคนที่ซ่อนตัว กลัวมากว่าจะมาถึงประตูเรา
- เพื่อน และอาจารย์ก้อย พยายามติดต่อไม่ให้ขาดและแนะนำให้มีสติเอาไว้ แบตก็ใกล้จะหมด ผู้ก่อเหตุก็คึกมาก เดินขึ้นลงตลอด ไม่มีหยุด ไม่มีใครกล้าออกไปจากที่ซ่อนของตัวเองเลย เป็นเวลาที่ยาวนานมาก
- 21.00 น. เจ้าหน้าที่ยังไม่มารับ ห้องข้างในเริ่มร้อน เหมือนหายใจไม่ออก แต่ก็ออกไปไม่ได้ คิดในใจว่าจะตายเพราะกระสุน หรือ จะตายเพราะอากาศ พี่พนักงานเริ่มตัวสั่นและน้ำตาคลอ คือ ตอนนั้นแต่ละคนเริ่มนั่งไม่ติดแล้วล่ะ เพราะตามจากโซเชียลคือ สถานการณ์เลวร้ายมากกก จับมือและมองหน้ากัน ช่วยกันปลอบ เพราะใช้เสียงไม่ได้
- เจ้าหน้าที่ยังที่ไม่มา เสียงปืนภายในห้างยังดังเป็นระยะ ผู้ก่อเหตุเริ่มทราบว่า มีหลายคนที่หลบอยู่หลังประตูเหล็ก เขาเริ่มยิงใส่ประตูเหล็กเรื่อยๆ เป็นระยะๆ และตะโกนว่า “มีใครอยู่มั้ย” โดยเฉพาะในชั้น LG ได้ยินถี่มาก สุดท้ายทราบว่า เขายิงประตูเหล็ก เพื่อลากคนด้านในออกมายิง ชั้น LG กับ ชั้น G มีคนเสียชีวิตเยอะมาก
- 21.10 เจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามา จะเข้ามารับตัว เราส่งพิกัดร้านไปให้ในใจคิดว่า รอดแล้วๆๆ หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ได้ยินเสียงประตูเหล็กล็อกอื่นๆ เริ่มเลื่อนขึ้น เรากับพี่ๆมองหน้ากันว่าเอาไงดี จะออกไปดูดีมั้ย แต่อีกใจคิดว่าถ้าชะโงกหน้าไป แล้วจ๊ะเอ๋กับผู้ก่อเหตุคือ ไม่รอดแน่ๆ
- เจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามาอีกครั้ง สั่งว่า อยู่หน้าประตูเหล็กแล้ว รีบออกมาด่วน
- เรากับพี่ชะโงกหน้าออกไป สรุปเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ พร้อมกับผู้ประสบเหตุอีก 4 คน เจ้าหน้าที่แต่ละคนอาวุธครบมือมากก เขาให้พวกเราอยู่ตรงกลาง ส่วนเจ้าหน้าที่จะล้อมเอาไว้ ก่อนเดินไป เขาสั่งให้เราปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด มันยังดังก้องในหูจนถึงตอนนี้ “หมอบ” “วิ่ง” และประโยคสุดท้าย “ถ้าเกิดอะไร ห้ามหยุด ห้ามนิ่ง วิ่งอย่างเดียว ถ้าเห็นใครโดนยิง ไม่ต้องช่วย เอาตัวเองให้รอดก่อน” เจ้าหน้าที่สีหน้าเคร่งเครียดมาก เหมือนรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็นั่นแหละ...
- เจ้าหน้าที่พูดอะไรสักอย่าง เราไม่ได้ยิน และทันทีที่เริ่มอพยพ ทุกอย่างก็ชัตดาวน์ ไฟดับ พรึ่บ! เจ้าหน้าที่ตะโกนว่า วิ่งงงง
- เสียงปืนจากด้านบน ไล่หลังพวกเรามาเลย เจ้าหน้าที่ก็ตะโกน วิ่งๆๆๆ หมอบๆๆๆ วิ่งไปแบบมืดๆ มีเพียงแสงไฟจากอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่ช่วยนำทาง (อินี่ก็วิ่งสุดชีวิต ตอนนั้นกลัวตายมาก วิ่งไป กรี๊ดไป) ผู้ก่อเหตุสาดกระสุนลงมาแบบไม่หยั่งเลย
- พวกเราวิ่งไปในความมืดภายในห้างเรื่อยๆ จนออกมาจากประตูด้านหลัง ยังมีเสียงปืนดังภายในห้างอยู่ มีเจ้าหน้าที่คอยรับอยู่ด้านนอก ตรวจสอบความเรียบร้อยว่ากลับมาได้ครบมั้ย มีใครตายกลางทางหรือเปล่า มีใครได้รับบาดเจ็บมั้ย สรุป ชุดแรกที่เข้าไปรับ รอดกลับมาทุกคน แต่ยังไม่จบ... ต้องวิ่งต่อจากประตูด้านหลังอ้อมออกมาจนถึงหน้า BigC สารภาพว่าหอบแดกมาก ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ หยุดวิ่งไปแล้ว แต่นี่แบบยังไงก็ได้ เราต้องรอด เราต้องได้กลับบ้าน
- พอวิ่งมาขึ้นรถที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้รอรับ เขาก็ขับพาเราไปปั๊มน้ำมัน ตอนที่ขับออกมาเจ้าหน้าที่ช่วยมาได้อีก 1 ชุด แต่ชุดนั้นผู้ก่อเหตุต้องการหนีออกมาด้วย เลยกราดยิงออกมาด้านหน้า เสียงดังก้องบริเวณนั้นเลย คือเราอยู่บนรถ เจ้าหน้าที่ตะโกนให้ “หมอบๆๆๆ”
- จนหลุดพ้นออกมาจากตรงนั้นได้ เขาก็สอบถามรายละเอียดหลายๆอย่างทั้งคนซ่อน ผู้ก่อเหตุ แล้วปล่อยตัวเรากลับ มีพี่แกร๊ป พี่วินมารอรับกลับบ้านฟรีด้วย
- คืนนั้นทั้งคืน รถพยาบาล รถตำรวจ เสียงกระสุนดังอยู่เป็นระยะๆ มีทั้งคนเจ็บ และคนตาย
- เรากลับมาบ้าน แม่มายืนหน้าประตู แม่วิ่งเข้ามากอด ร้องไห้เลย
- เหตุการณ์เมื่อวาน มันเป็นบทเรียนราคาแพงของเรา ของหลายๆคน และของทุกภาคส่วนจริงๆ สิ่งที่ดูและเห็นว่าสนุกภายในหนัง สถานการณ์จริงๆมันไม่ใช่เลย 3 ชั่วโมงกว่าๆ ที่ซ่อนตัวอยู่คือ มันนานมากก เหมือน 3 วัน ลุ้นทุกนาทีว่า ผู้ก่อเหตุจะยิงเข้ามาเมื่อไร เขาจะเจอเรามั้ย เราจะรอดมั้ย มันน่ากลัวมากก โดยเฉพาะตอนเขาเดินผ่าน แทบกลั้นหายใจ
- เราทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า เราเป็นชุดแรกที่เขาเข้าไปช่วย และเป็นช่วงแรกของเหตุการณ์นี้ที่เริ่มปะทะกับผู้ก่อเหตุ และผู้ก่อเหตุเริ่มรู้ตัวแล้วว่า เจ้าหน้าที่แอบเข้ามาเพื่อนำคนออกไป
- ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสี่ยงชีวิตมาช่วยเรา ขอบคุณพี่อำนาจที่ช่วยเราแบบไม่คิดชีวิต หลับให้สบายนะคะ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |